เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด นิยาย บท 164

คุณหนูจูไม่ต้องอธิบายก็ได้ค่ะ ในเมื่อเฉินเขาบอกแล้วว่าจะดูแลคุณหนูจูเหมือนน้องสาวคนหนึ่ง ก็ย่อมมีหน้าที่ช่วยคุณแก้ไขปัญหา แต่ยังไงซะเฉินก็เป็นผู้ชายที่มีภรรยาแล้ว ครั้งหน้าถ้าจะกอดเขาก็ช่วยเบาๆหน่อยนะคะ เพราะภรรยาเขาอาจจะไม่พอใจได้

"ใช่มั้ยคะ คุณสามี" เธอยิ้มให้หนานกงเฉินและขยิบตาให้เขา

หนานกงเฉินยิ้มและปรายตามองเธอเล็กน้อย: "อืม ที่บ้านมีไหน้ำส้มสายชู"

"ไปเถอะ ไหน้ำส้มสายชูหิวข้าวแล้ว ขอสั่งให้คุณรีบขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อแล้วลงมากินข้าวกัน" ไป๋มู่ชิงคล้องแขนหนานกงเฉินไว้ ก่อนจะพูดกับจูจู: "คุณหนูไป๋ คุณก็รีบขึ้นไปเตรียมตัวลงมาทานข้าวเถอะค่ะ"

"ได้" จูจูเช็คน้ำตาบนหน้า

ไป๋มู่ชิงคล้องแขนหนานกงเฉินขึ้นชั้นบนไป ส่วนจูจูก็ขึ้นไปพร้อมเสี่ยวหยวน

พอถึงห้องนอนไป๋มู่ชิงก็ปล่อยมือจากแขนของหนานกงเฉิน เธอนำเสื้อและกระเป๋าไปแขวนไว้ พอเธอเปลี่ยนเสื้อเสร็จออกมาก็ไม่เห็นหนานกงเฉินอยู่ในห้องแล้ว

เธอมองไปรอบไปห้อง สายตากระทบเข้ากับเสื้อที่พาดอยู่บนโซฟา พลางทำให้นึกถึงภาพเมื่อครู่ที่จูจูเช็คน้ำตาบนเสื้อเขา เธอรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อทิ้งลงในตระกล้าผ้าที่เตรียมนำไปซัก

ไป๋มู่ชิงลงมาถึงชั้นล่างก็พบว่าจูจูล้างหน้าล้างตามาเรียบร้อยแล้ว แต่ดวงตาทั้งคู่ยังบวมช้ำจนน่าสงสาร

เธอนั่งอยู่ตรงข้ามหนานกงเฉิน ท่าทางดูหมองเศร้า

"มู่ชิง มาแล้วเหรอ" เธอทักขึ้นอย่างมีมารยาท

ไป๋มู่ชิงยิ้มให้เธอเล็กน้อย ก่อนจะนั่งข้างๆหนานกงเฉิน

หนานกงเฉินปกติก็เป็นคนไม่ค่อยพูดขณะรับประทานอาหารอยู่แล้ว ยิ่งเป็นสถานะการณ์ที่มีแฟนเก่าและภรรยาร่วมโต๊ะแบบนี้แล้ว เขายิ่งไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร

บนโต๊ะอาหารมีแต่เสียงช้อนชามกระทบกันดังขึ้นเบาๆ ไป๋มู่ชิงเพิ่งกินได้ไม่ทันไร จูจูก็วางตะเกียบลงพร้อมพูดขึ้น: "ฉันอิ่มแล้ว พวกคุณค่อยๆทานนะ"

หนานกงเฉินเงยหน้าขึ้นมองเธอ: "ทำไมกินน้อยจัง?"

"ฉันไม่ค่อยหิวค่ะ" เธอตอบ

"ทำไม? ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย?" ไป๋มู่ชิงก็เงยหน้าขึ้นถาม

"ไม่มีอะไร แค่นึกถึงเรื่องวันนี้แล้วรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา พักซะแปบคงจะดีขึ้น"

"งั้นก็ขึ้นไปพักก่อนเถอะ" หนานกงเฉินพูดขึ้นอย่างเป็นห่วงใย

จูจูที่กำลังจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ ทำท่านึกอะไรขึ้นมาได้ ก่อนจะหันกลับมามองหนานกงเฉินและพูดว่า: "ใช่แล้ว เฉิน ฉันคิดว่าไม่ควรอยู่ห้องคุณไปตลอด ฉันว่าจะย้ายกลับไปที่ห้องนอนตัวเอง"

ห้องนอนของเธอ......ไป๋มู่ชิงกำช้อนแน่นขึ้นอย่างไม่รู้ตัว

อันที่จริงครั้งแรกที่เธอเห็นในห้องนอนที่มีห้องเสื้อผ้าในตัว ก็พอเดาได้ว่าเธอเคยอยู่ห้องนั้น ไม่งั้นจะมีเสื้อผ้ารองเท้าสวยๆมากมายได้ยังไง?

เธอไม่ได้ถามหนานกงเฉินวาเสื้อผ้าพวกนั้นเป็นของใคร ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะว่าเธอกลัวจะรู้ความจริง กลัวสิ่งที่หนานกงเฉินจะบอกเธอ

แต่ผู้หญิงคนนี้พูดแบบนี้หมายความว่ายังไง? ต้องการบอกให้เธอรู้ว่าห้องนอนที่ดีที่สุดของคฤหาสน์หลังนี้เคยเป็นของเธอ ห้องเสื้อผ้าที่ใหญ่ที่สุดก็เคยเป็นของเธอ?

"ไม่ต้องหรอก ยังไงตอนนี้ฉันก็ไม่ได้ใช้" หนานกงเฉินยิ้มให้เธอเล็กน้อย

"มันก็ไม่ค่อยดี ฉันกลับไปห้องตัวเองจะสะดวกมากกว่า" จูจูยิ้มเล็กน้อย

หนานกงเฉินไม่ได้ขัดเธอ ก่อนจะพยักหน้าแล้วพูด: "ตามใจเธอละกัน"

ขอบคุณค่ะ เธอพูด รอยยิ้มค่อยๆจางลง ก่อนจะพูดขึ้นอีก: "แล้วก็ ฉันกลัวที่จะต้องอยู่บ้านคนเดียว ให้ฉันไปเริ่มงานที่บริษัทฯเลยได้มั้ยคะ"

ไป๋มู่ชิงวางถ้วยและตะเกียบลง มองเธอยิ้มๆ: "คุณหนูจู คุณไม่กลัวว่าออกจากที่นี่แล้วจะโดนจับกลับไปอีกเหรอ?"

"ฉันก็กลัวนะ" จูจูพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป: "แต่ฉันกลัวว่าเขาจะพาคนมาหาที่นี่ ดังนั้น......."

เธอพูดเบาๆก่อนจะเงียบลง ตามด้วยสีหน้าที่ดูน่าสงสาร

หนานกงเฉินที่ทนเห็นท่าทางเจ็บปวดของเธอไม่ได้ บวกกับสภาพของเธอที่ไม่สามารถสู้รบปรบมือกับใครได้ เขาลังเลเล็กน้อยก่อนพูด: "ก็ถ้าร่างกายคุณยังไหว ก็เข้าไปเริ่มงานได้ตลอด"

"แผลบนร่างกายไม่รู้สึกเจ็บอะไรแล้วค่ะ"

"งั้นก็ดีแล้ว"

หลังทานข้าวเสร็จ พอขึ้นมาถึงห้อง ไป๋มู่ชิงก็ถามหนานกงเฉิน: "คุณให้เธอทำตำแหน่งอะไรเหรอ?"

หนานกงเฉินปรายตามองเธอ: "เธอเลือกตำแหน่งเลขา"

"เลขาคุณเหรอ?"

"เธอคิดว่าฉันจะกล้ามั้ย? ไหน้ำส้มสายชู" หนานกงเฉินหัวเราะก่อนจะหยิกแก้มเธอ

ไป๋มู่ชิงกลับไม่มีอารมณ์จะล้อเล่นกับเขา เธอถามเขาอย่างอึดอัด: "แล้วเธอจะไปเป็นเลขาให้ใคร?"

"เลขาเหยียนจัดให้เธอไปเป็นลูกน้องของรองประธานหยู"

"งั้นก็อยู่ชั้นเดียวกับคุณ?"

"อืม" หนานกงเฉินหัวเราะเล็กน้อยก่อนกอดเธอ: "ถ้าเธอไม่ไว้ใจ ย้ายเธอมาเป็นเลขาฉันมั้ย?"

ไม่เอา ไป๋มู่ชิงดันแขนเขาออก : "เป้าหมายชีวิตฉันไม่ใช่การแย่งผู้ชาย ฉันจะไม่ละทิ้งตำแหน่งที่ชอบเพื่อเรื่องแบบนี้"

"ผู้ชายสำคัญน้อยกว่างานเหรอ?"

"ก็ใช่น่ะสิ มีคนมาแย่งคุณไปก็ดี ฉันจะได้เป็นอิสระ"

"ปากไม่ตรงกับใจ" หนานกงเฉินปรายตามองเธอ: "หลายวันมานี้ไม่รู้ใครขี้หึงจนกลายเป็นไหน้ำส้มสายชูไปแล้ว"

"ฉันเปล่านะ" ไป๋มู่ชิงพูดจบก็เตรียมดันประตูเข้าห้อง

หนานกงเฉินดึงเธอเข้าสู่อ้อมกอด หอมผมเธอนิดหนึ่งก่อนพูด: "ยังไงก็ตาม หลายวันมานี้ทำให้เธอลำบากใจแล้วนะ และขอบใจที่เธอเข้าใจ"

"รู้ว่าฉันลำบากใจก็ดีแล้ว"

"รู้สิ ฉันรู้"

ได้ยินเขาพูดแบบนี้เธอซึ้งใจจนต้องหลับตาลง ขอแค่เขายังรักษาสัญญา เธอก็จะถือว่าทั้งหมดนี้คุณหนูจูเข้าหาเขาอยู่ฝ่ายเดียว

เธอยกมือขึ้นตบเบาๆบนบ่าเขา: "รีบไปห้องหนังสือเถอะ รีบเคลียร์งานให้เสร็จจะได้รีบเข้านอน"

"ได้ เธอนั่งเล่นคนเดียวไปก่อน" หนานกงเฉินปล่อยเธอ แล้วตรงไปเคลียร์งานที่ห้องหนังสือ

ไป๋มู่ชิงนั่งอ่านหนังสือเกี่ยวกับการออกแบบบ้านคนเดียวอยู่ในห้องนอน อ่านไปสักพักก็ได้ยินเสียงดังตึงตังขึ้น เธอวางหนังสือลงก่อนจะเดินไปเงียบหูฟังอยู่หลังประตู ได้ยินเสียงของเสี่ยวหยวนกับจูจูพูดกันเบาๆ

เสี่ยวหยวนพูดด้วยสีหน้ตื่นตะลึง: "คุณหนูจู ฉันอยู่ที่นี่มานานไม่หยักกะรู้ว่าที่นี่มีห้องหรูและใหญ่ขนาดนี้ซ่อนอยู่ด้วย ใหญ่กว่าห้องคุณชายเฉินและนยาหญิงน้อยอีก

"ชูว์ อย่าพูดไปเรื่อยนะ นายหญิงน้อยเป็นยิ่งกว่าดวงใจของคุณชายเฉิน แค่เธอไม่อยากมาอยู่ห้องนี้เองต่างหาก" จูจูพูดเสียงเบา

เสี่ยวหยวนตอบ'ค่ะ' ก่อนจะพูดยิ้มเล็กยิ้มน้อย: "ก็ใช่อยู่นะ จำได้ว่าครั้งก่อนคุณชายใหญ่ให้นายหญิงน้อยเก็บข้าวของในห้องออกแล้วย้ายเข้ามาอยู่ แต่นายหญิงน้อยก็ไม่ได้ทำอะไรสงสัยขี้เกียจย้ายของพวกนี้"

"จริงเหรอ......."น้ำเสียงจูจูสั่นเล็กน้อย

"ใช่ค่ะ" เสี่ยวหยวนพูด: "คุณหนูจูคุณจะย้ายของพวกนี้ออกไปมั้ยคะ? ให้ฉันช่วยได้ค่ะ"

"ไม่ต้อง"

"คุณหนูจู ฉันว่าคุณชายใหญ่มองคุณเป็นน้องสาวแท้ๆคนหนึ่งนะคะ เขาต้องซื้อให้คุณใหม่แน่นอนค่ะ ไม่จำเป็นต้องใช้ของที่คนอื่นใช้แล้วหรอก"

"ของที่นี่ไม่เคยมีใครใช้ ที่นี่เป็นห้องที่ฉันเคยอยู่"

"อ้าว..........."

"เธอดูนี่ซิกำไรอันนี้คุณชายใหญ่ซื้อให้ฉันเมื่อครั้งก่อน แต่ตอนนี้ฉันแก่แล้วไม่ค่อยเหมาะที่ใส่แล้ว ฉันให้เธอนะ"

"คุณว่าอะไรนะ? ยกกำไรให้ฉัน? แต่นี่มันเป็นทองคำขาวนะ"

"แบบมันดูเด็กไปน่ะ เหมาะกับเธอใส่มากกว่า"

"ขอบคุณค่ะคุณหนูไป๋" น้ำเสียงของเสี่ยวหยวนเต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ

ไป๋มู่ชิงเดินกลับไปยืนอยู่กลางห้อง เธอมองไปรอบๆไปห้อง ห้องนี้ก็สวยไม่น้อยแล้วนะ เธอนึกอยากเห็นขึ้นมากว่าห้องคุณหนูจูจะสวยแค่ไหนถึงขนาดทำให้เสี่ยวหยวนตื่นตะลึงได้ขนาดนั้น?

แน่นอน เธอแค่คิด ไม่ได้กะจะไปดูจริงๆ

ห้องฝั่งตรงข้ามยังเสียงดังมาเป็นช่วงๆ ไป๋มู่ชิงนั่งอ่านนังสืออยู่พักหนึ่งก่อนจะดูเวลาบนนาฬิการแวบหนึ่ง ได้เวลาคั่วยาแล้ว เธอจะมัวหลบอยู่ในห้องไม่ได้แล้ว

เธอเดินกลับไปที่ประตูอีกครั้ง ก่อนจะดึงประตูออกแล้วเดินออกไป

ประตูห้องตรงข้ามเปิดอยู่ คุณหนูจูก็เดินออกมาพอดี เห็นไป๋มู่ชิงเข้าเธอก็ทักขึ้นอย่างมีมารยาท: "มู่ชิง"

"จัดห้องเรียบร้อยหรือยัง? ต้องการให้ช่วยอะไรมั้ย?" ไป๋มู่ชิงถามขึ้นขณะที่มองเข้าไปที่ห้องเธอแวบหนึ่ง

คุณหนูจูพยักหน้าตอบ: "เรียบร้อยแล้ว เหลือแค่ภาพวาดอันนี้ไม่รู้จะแขวนไว้ตรงไหนดี มู่ชิงเธอเข้ามาช่วยฉันดูหน่อยได้มั้ย?"

ไป๋มู่ชิงคิดชั่วครู่ก่อนจะพยักหน้าและเดินตามเธอเข้าไป

เป็นห้องที่ทั้งใหญ่และหรูหรามากจริงๆ ใหญ่กว่าห้องของเธอและหนานกงเฉินมาก ด้านในจัดวางแต่ของใช้ของผู้หญิง บนผนังหัวเตียงยังมีภาพถ่ายแขวนอยู่ เธอในภาพถ่ายดูสวยใสน่ารัก

"รูปนี้เป็นรูปที่เฉินถ่ายให้ฉัน สวยมากใช่มั้ย?" จูจูยิ้มกว้าง

"สวยมากจริงๆ ฉันยังนึกว่าเป็นภาพถ่ายศิลปะซะอีก" ไป๋มู่ชิงยิ้มบางเบา ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากตรอกกลับ แต่คิดว่าการที่เธอจะเอารูปถ่ายที่เธอจูกกับหนานกงเฉินในทุ่งลาเวนเดอร์ที่ฝรั่งเศษออกมาโชว์นั้น มันเป็นการอวดที่ค่อนข้างไม่มีความหมาย

" ภาพวาดรูปนี้ เธอคิดว่าแขวนไว้ตรงไหนดี?" จูจูหยิบภาพวาดสีน้ำมันที่เป็นภาพวาดหน้าเธอขึ้นมา ไป๋มู่ชิงมองไปรอบห้อง: "เมื่อก่อนแขวนไว้ตรงไหนก็แขวนไว้ที่เดิมเถอะ อันนี้ฉันก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่"

ไป๋มู่ชิงกวาดสายตาผ่านไปทางโต๊ะเครื่องแป้ง เห็นรูปถ่ายปึกหนึ่งที่วางอยู่อย่างไม่ตั้งใจ มองไปไกลๆก็รู้ว่าเป็นรูปที่เธอถ่ายคู่กับหนานกงเฉิน

จูจูเห็นเธอมองไปที่รูปถ่าย ก็วางภาพวาดลงแล้วเดินไปเก็บรูปถ่ายพร้อมพูด: "เป็นของในอดีตที่ผ่านไปแล้วทั้งนั้น ฉันกำลังจะเก็บออกไป มู่ชิงเธออย่าเข้าใจผิดว่าฉันยังคิดอะไรเฉินอยู่นะ"

"ไม่หรอก" ไป๋มู่ชิงเดินไปหยิบรูปขึ้นมาดูก่อนพูด: "เรื่องของเธอเฉินเคยเล่าให้ฉันฟังแล้ว เขากล้าที่จะเปิดเผยกับฉันแสดงว่าเขาเองก็ลืมเรื่องที่ผ่านมาได้แล้ว ฉันก็ไม่ใช่คนขี้หวงอะไร ทุกคนย่อมมีอดีต ฉันเองก็เคยมีผู้ชายที่เป็นรักแรก แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปแล้ว ชีวิตคนเราจะอาจมีความรักได้หลายครั้ง แต่จะมีแค่รักเดียวที่จับมือไปด้วยกันตลอดชีวิต"

บนรูปถ่ายมีทั้งรูปที่ทั้งสองคนสนิทแนบชิด และรูปที่ดูมีความสุขกันมาก ไป๋มู่ชิงยอมรับว่าเธอดูรูปแล้วก็ไม่สบายใจเท่าไหร่ คำพูดพวกนี้ที่พูดก็เพื่อเตือนจูจูอย่าทำอะไรที่มันไม่มีความหมายพวกนี้อีก และเตือนตัวเองอย่าไปถือสาอดีตที่ผ่านมาของหนานกงเฉิน เพราะเธอเองก็มีอดีตเหมือนกัน

"คุณหนูจู เมื่อก่อนเฉินอาจจะรักคุณมาก แต่ตอนนี้ฉันเป็นภรรยาของเขา อันนี้คงเรียกว่าเรามีวาสนาต่อกัน ฉันหวังว่าคุณจะเข้าใจ และหาผู้ชายที่เป็นของคุณสักคนแต่งาน"

จูจูหน้าเสียงไปเล็กน้อยก่อนจะยิ้มเจื่อน: "มู่ชิง เธอเข้าใจฉันผิดจริงๆด้วย"

"เข้าใจผิดหรือไม่คุณย่อมรู้ดีกับใจ ฉันแค่อยากเตือนคุณไว้ ต่อไปอย่าเอาเรื่องแบบนี้มาลองใจฉัน" ไป๋มู่ชิงหยิบรูปถ่ายขึ้นมาโชว์ในมือก่อนจะวางกลับไปบนโต๊ะเหมือนเดิม เธอยิ้มเล็กน้อย: คุณชายเฉินบอกว่ารูปถ่ายแบบนี้เป็นการถ่ายของเด็กหนุ่มและสาวน้อย แต่เขาในตอนนี้อายุมากแล้วเหมาะที่จะถ่ายแบบนี้มากกว่า" ไป๋มู่ชิงหยิบมือถือขึ้นมาเลือกรูปในอัลบั้มที่ทั้งสองจูบกันในทุ่งลาเวนเดอร์ขึ้นมา

ตอนแรกไป๋มู่ชิงไม่คิดที่จะนำขึ้นมาโชว์ แต่เป็นเพราะคุณหนูจูคนนี้บังคับเธอเอง

คุณหนูจูเห็นรูปแล้วสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนจะรีบปรับสีหน้าให้เหมือนเดิม เธอพูดยิ้มๆขณะที่ดูรูปไปด้วย: " เธอทั้งสองน่ารักมาก รูปก็สวยมาก"

เธอก็เป็นแบบนี้ ไม่ว่าจะทำอะไรหรือพูดอะไร เธอก็จะทำเป็นไม่รู้สึกรู้สา

"มู่ชิง เธอไม่ต้องคิดมากนะ" จูจูดึงมือเธอไปจับไว้: "ฉันแค่รู้สึกคิดถึงช่วงเวลาที่ผ่านมา ไม่ได้ตั้งใจจะทำอะไรให้เธอไม่สบายใจ และไม่เคยคิดจะแย่งเฉินกับเธอ"

"ขอโทษนะ เรื่องนี้ฉันค่อนข้างอ่อนไหวง่าย" ไป๋มู่ชิงดึงมือออกจากอุ้มมือเธอ "ที่แท้ฉันก็เข้าใจเธอผิดไปเอง"

"คุณชายเฉินมีความคิดเป็นของตัวเอง ไม่ใช่ว่าฉันอยากกลับไปแล้วเขาจะกลับมาหาฉันได้ เธอสบายใจได้"

"ขอบคุณที่ปลอบใจฉันนะ ฉันรู้สึกสบายใจขึ้นแล้ว" ไป๋มู่ชิงยกยิ้มมุมปากให้เธอ: "งั้นฉันออกไปก่อนนะ ห้องใหญ่ขนาดนี้ เธอค่อยๆจัดไปนะ"

"ได้ เธอไปพักผ่อนเถอะ"

ไป๋มู่ชิงเพิ่งเดินออกไปจากห้องก็มีเสียงพูดขึ้น: "คุณ ทำไมวันนี้กลับมาเร็วจัง? เสร็จงานแล้วเหรอ?

"วันนี้ไม่มีงานอะไรมาก เธอมาทำอะไรที่นี่?" หนานกงเฉินถาม

"ฉันก็มาดูคุณหนูจูไง"

"เธอเป็นไงบ้าง?"

"สบายดี เข้ามาเถอะ ฉันจะเปิดน้ำอุ่นให้คุณอาบน้ำ"

เสียงค่อยๆหายไปหลังประตูที่ปิดลง ไม่ได้ยินเสียงของทั้งสองอีก จูจูกำรูปถ่ายไว้ในมือแน่น สีหน้าสลับแดงซีดก่อนเธอจะโยนรูปในมือลงในถังขยะ

วันถัดมา จูจูเตรียมพร้อมที่จะไปทำงานแต่เช้า

ทั้งสามคนเดินทางไปทำงานพร้อมกัน เธอต้องนั่งรถไปกับหนานกงเฉิน

ไป๋มู่ชิงเปิดประตูหลังออกให้จูจูขึ้นไปนั่ง เห็นว่าจูจูยืนลังเลไม่ขึ้นไป ไป๋มู่ชิงก็หัวเราะเยาะขึ้น: "คุณหนูจูคงไม่ใช่เวียนรถจนนั่งด้านหลังไม่ได้ใช่มั้ย?"

"ไม่ใช่ ฉันแค่รู้สึกว่านั่งเป็นก้างขวางคอคุณทั้งสองแบบนี้ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ให้ฉันนั่งรถสาธารณะไปเองจะดีกว่า" เธอพูดด้วยสีหน้าเกรงใจ

"ตรงนี้ไม่มีรถสาธารณะวิ่งผ่าน ขึ้นรถเถอะ" หนานกงเฉินพูด

"ใช่ ขึ้นรถเถอะ" ไป๋มู่ชิงยิ้มเย็นในใจ เธอเป็นก้างขวางคอตั้งแต่ในบ้านจนถึงบริษัทฯแล้วยังจะมาแคร์อะไรกับแค่ระหว่างทางจากบ้านถึงบริษัทฯ?

หลังจากปิดประตูหลังลง ไป๋มู่ชิงก็ขึ้นไปนั่งข้างคนขับ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด