เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด นิยาย บท 189

สองปีต่อมา

ในช่วงต้นฤดูร้อนวันนี้อากาศอบอ้าวเล็กน้อย แต่ลมในตอนกลางคืนกลับเย็นสบายเป็นพิเศษเค้กก้อนเล็กๆ วางอยู่ในสวนดอกไม้เล็กๆ มีหญิงสาววัยแรกรุ่นคนหนึ่งกำลังนั่งยองๆ อยู่ที่ข้างโต๊ะพลางวางหัวใจไว้บนเค้ก ปักเทียนหลากสี

หญิงสาวผู้มีใบหน้าที่สวยงาม รอยยิ้มเจือจางบนใบหน้า ปอยผมของเธอห้อยลงมาที่แก้มปิดครึ่งหนึ่งของใบหน้า

"แม่ หนูเปลี่ยนชุดใหม่แล้วนะ! " เสียงหวาน ๆ ของเด็กน้อยดังขึ้นในท้องฟ้ายามค่ำคืนที่เงียบสงบแล้วเด็กหญิงตัวน้อยในชุดเจ้าหญิงก็กระโดดออกมาจากห้อง

เป็นเด็กสาวตัวน้อย อายุประมาณสามขวบ ซึ่งมีลักษณะความละม้ายคล้ายคลึงกับหญิงสาวเป็นอย่างยิ่ง ผิวที่ขาวราวกับหิมะ ดวงตาที่กลมโต

เด็กสาวตัวน้อยวิ่งไปข้างหน้าหญิงสาวคนนั้นและหมุนตัวอวดชุดเจ้าหญิงสีชมพูของเธอ เสียงหัวเราะของเธอดังขึ้นไพเราะราวกับกระดิ่งสีเงิน

"ชอบไหมจ๊ะ" หญิงสาวนั่งยองๆ ตรงหน้าเธอจับมือและมองไปที่ชุดใหม่ของเธอ

"ชอบค่ะ ชุดที่คุณพ่อกับคุณแม่ซื้อให้สวยที่สุดในโลกเลยค่ะ" เด็กสาวตัวน้อยพูดพร้อมกับโน้มตัวไปจูบใบหน้าของหญิงสาวแล้วหันกลับมาจูบใบหน้าของชายนั่งอยู่บนรถเข็น

เฉียวเฟิงอุ้มเธอขึ้นนั่งบนตักของเขาพลางลูบศีรษะของเธอด้วยรอยยิ้ม "ดูสิ เสียวหว่านชิงของพวกเราเอาอกเอาใจพ่อกับแม่เป็นแล้ว"

"เพราะหนูชอบพ่อกับแม่มากที่สุดเลยค่ะ" เสียวหว่านชิงพูดด้วยรอยยิ้ม

"พ่อกับแม่ก็ชอบหนูมากที่สุดเหมือนกันจ้ะ"หญิงสาวเดินมาและอุ้มเธอขึ้นจากตักของเฉียวเฟิง "ไปเถอะ ไปเป่าเทียนกัน"

เธอลุกขึ้นเพื่อเข็นเฉียวเฟิงไปที่โต๊ะ แต่เฉียวเฟิงคว้ามือของเธอไว้และพูดด้วยรอยยิ้ม "หลิน ผมทำเองได้"

เธอมองไปที่เฉียวเฟิงจากนั้นพยักหน้าและปล่อยให้เขาเข็นรถไปที่โต๊ะด้วยตัวเอง

เธอรู้จักนิสัยของเฉียงเฟิงดี เพื่อที่จะไม่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนคนพิการ เขามักจะทำงานหนักเพื่อทำให้ตัวเองเป็นคนธรรมดา

เฉียวเฟิงใช้ไฟแช็กจุดเทียนบนเค้กจากนั้นก็ยิ้มเบาๆ "ลูกรัก อธิษฐานสิ"

เสียวหว่านชิงหลับตาลงและอธิษฐานขอพรครอบครัว ทั้งสามเป่าเทียนบนเค้ก เฉียวเฟิงลูบที่หัวของเสียวหว่านชิงและพูดว่า "วันนี้ลูกน้อยของเราอายุครบสามขวบอย่างเป็นทางการแล้ว พ่อขอให้หนูมีสุขภาพที่ดีและมีความสุขตลอดไปนะ”

“ขอบคุณค่ะพ่อ”

"มาถ่ายรูปกันเถอะ" ไป๋มู่ชิงหยิบกล้องขึ้นมาแล้วชี้ไปที่พ่อและลูกสาว เสียวหว่านชิงโน้มตัวในอ้อมแขนของเฉียวเฟิงทันทีพร้อมกับยิ้มอย่างสดใส

"อยากให้ฉันถ่ายรูปครอบครัวให้ไหม" ทันใดนั้นเสียงชายคนหนึ่งดังขึ้นจากทางด้านหลังพร้อมกับรอยยิ้ม ทุกคนหันไปมอง เสียวหว่านชิงรีบลงจะตักของเฉียวเฟิง วิ่งไปทางชายผู้นั้นด้วยความดีใจ! "คุณลุง คิดถึงจังเลยค่ะ! "

"ลุงก็คิดถึงเสียวหว่านชิง! " เฉียวซือเหิงจับร่างเล็กของเธอแล้วยกขึ้นสูงพลางยิ้มและหอมแก้มเธอ "สุขสันต์วันเกิดนะเสี่ยวชิงเอ๋อร์ ลุงเอาของขวัญมาให้หนูด้วย"

“ขอบคุณค่ะ หนูชอบของขวัญของคุณลุงค่ะ”

"ดูสิ รีบประจบเอาใจเลยเชียว" ไป๋มู่ชิงยิ้มและมองไปที่เฉียวเฟิงจากนั้นก็ส่ายหัว

"แน่นอน ฉันเฝ้าดูเสียวหว่านชิงของเราตั้งแต่เกิด"

ใบหน้าของเฉียวเฟิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย

เฉียวซือเหิงวางเสียวหว่านชิงลงบนเก้าอี้และมองไปที่คู่หนุ่มสาว "เป็นไงบ้าง คุ้นเคยกับการอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้หรือยัง?"

"ดีค่ะ" ไป๋มู่ชิงตอบ "ขอบคุณนะคะพี่"

"ดีก็ดีแล้วล่ะ" เฉียวซือเหิงพูดจบแลอุ้มเสียวหว่านชิงไปที่ประตูเพื่อหยิบของขวัญ

ไป๋มู่ชิงมองไปที่เฉียวซือเหิง แล้วมองไปที่เฉียวเฟิง เธอรู้ว่าเฉียวเฟิงมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีกับพี่ชายของเขาตั้งแต่เธอจำความได้ แม้ว่าเธอจะไม่รู้เหตุผล แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะเตือนว่า "เฟิง พี่มาที่นี่เพื่อฉลองวันเกิดของเสียวหว่านชิงนะ อย่าทำหน้าบึ้งตึงสิ"

เฉียวเฟิงจับมือของเธอและยิ้ม เธอไม่เข้าใจหลาย ๆ และแน่นอนว่าเขาไม่สามารถพูดได้

หลังจากกินเค้กและเล่นรอบ ๆ ในสวนสักพักไป๋มู่ชิงก็พาเสียวหว่านชิงกลับไปที่บ้านเพื่ออาบน้ำ

เหลือเพียงพี่น้องสองคนของตระกูลเฉียวที่อยู่ในสวน เฉียวเฟิงเก็บโต๊ะและเตรียมจะกลับบ้าน

"เดี๋ยวก่อน" เฉียวซือเหิงกล่าว

เฉียวเฟิงขยับรถเข็นจากนั้นก็หันกลับมาและจ้องมองเขาและพูดว่า "มู่ชิง ชอบสวนนี้มากขอบคุณ"

เฉียวซือเหิงเย้ยหยัน "ถ้าแกอยากของคุณฉันจริงๆ ก็ต้องไม่ใช้ท่าทีน้ำเสียงแบบนี้พูดกับฉัน"

“แล้วฉันควรจะมีท่าทีแบบไหน รู้สึกขอบคุณและปลื้มปิติงั้นเหรอ?"

"คุณชายรองเฉียว ถ้าหากว่าแกไม่พอชีวิตในตอนนี้ละก็สามารถคืนไป๋มู่ชิงกับเสียวหว่านชิงมาให้ฉัน ฉันจะรีบเอาสองแม่ลูกส่งคือหนานกงเฉิน"เฉียวซือเหิงจ้องที่เขาและพูด

เฉียวเฟิงเงียบไม่พูดอะไร

เฉียวซือเหิงยิ้ม "ดูสิ เห็นอยู่ชัดๆ ว่าชอบน่ะ แต่กลับไม่บอกความจริงกับฉัน"เฉียวซือเหิง ลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินขึ้นไปหาเขาและมองลงไปที่เขา "พี่ชายของแกเป็นห่วงแกจากใจจริง แต่แกกลับทำท่าทีแบบนี้ มันดีแล้วหรือไง น้องชายสุดที่รักของฉัน"

"อย่าพูดดูดีนักเลย พี่ก็แค่ตอบสนองความทะเยอทะยานของตัวเอง" เฉียวเฟิงจ้องมองเขา "ถ้าพี่ทำเพื่อผมจริง แล้วทำไมถึงปล่อยให้มู่ชิงประสบอุบัติเหตุ พี่ไม่กลัวเธอตายเพราะอุบัติเหตุทางรถยนต์เลยงั้นเหรอ?”

“อาเฟิง แกพูดไม่นี้ไม่ถูกนะ นอกจากขโมยลูกของมู่ชิงมาหนึ่งคน ฉันก็ไม่ได้ทำอะไรเกินเลย เรื่องเกี่ยวกับไป๋ยิ่งอัน จูจู หลินอันหนาน ฉันไม่ได้เข้าไปแทรกแซงเสียหน่อย”

"พี่ไม่ได้แทรกแซง แต่พี่กำลังนั่งดูพวกเขาผลักมู่ชิงไปสู่ความตายทีละน้อย" เมื่อนึกถึงว่าเขามองไปยังไป๋มู่ชิงเมื่อสองปีที่แล้ว วันนี้เฉียวเฟิงก็ยังคงรู้สึกกลัวอยู่

เมื่อเฉียวซือเหิงพาเขาไปโรงพยาบาลในวันนั้น ชี้ไปที่ผู้ป่วยอาการสาหัสบนเตียงและบอกเขาว่าเป็นไป๋มู่ชิง เขาแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง

ตอนนั้นไป๋มู่ชิงรู้สึกสิ้นหวังและสับสน เธอไม่รู้ว่าเธอเป็นใครหรือทำไมเธอถึงกลายเป็นแบบนี้ เธอร้องไห้และกรีดร้องตลอดทั้งวัน

จนกระทั่งเฉียวซือเหิงพา เฉียวเฟิงและเสียวหว่านชิงมาหาเธอ และบอกเธอว่านี่คือครอบครัวของเธอ ในที่สุดเธอก็สงบลงและก็พบความกล้าหาญและความหวังที่จะมีชีวิตอยู่

จากวันนั้นภรรยาที่รักและลูกสาวที่น่ารักก็ปรากฏตัวข้างๆ เฉียวเฟิง

เขาเปลี่ยนชื่อไป๋มู่ชิงเป็นอีหลิน ซึ่งเป็นชื่อใหม่เช่นเดียวกับชีวิตของเธอซึ่งใหม่

และชีวิตของเขาค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะสองแม่ลูกได้เข้ามาเติมเต็มสีสันในชีวิตของเขา ทำให้ชีวิตของเราไม่เหงาและโดดเดียวอีกต่อไป

เฉียวซือเหิงยังคงทำหน้าไร้เดียงสา "มีหมาป่าและเสือจำนวนมากอยู่รอบ ๆ ตัวไป๋มู่ชิง แกคิดว่าเธอจะรอดพ้นจากอุบัติเหตุทางรถยนต์และอันตรายอื่น ๆ ได้เหรอ แกคิดว่าจูจูจะปล่อยเธอไปเหรอ แล้วหลินอันหนานอีกล่ะ? ถ้าลองคิดดูแกจะรู้ว่าอุบัติเหตุทางรถยนต์ของเธอนั้นเป็นโชคชะตาที่พลิกผัน จริงๆ มันเป็นอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่ทำให้เธอพ้นจากอันตราย "

“อีกอย่างเด็กคนนั้น ถ้าฉันไม่พาไปด้วยก็คงถูกไป๋ยิ่งอันทรมานจนตายไปนานแล้ว จะมีโอกาสให้แกฉลองวันเกิดครบสามขวบของเธอหรือไง?

เฉียวซือเหิงมองไปที่เฉียวเฟิง และเมื่อเห็นว่าไม่มีการตอบรับใดๆ เขาก็หัวเราะขึ้นเบา ๆ "อาเฟิง ฉันรู้ว่าแกชอบมู่ชิง ตอนที่แกอยู่ในมหาวิทยาลัยแกด้อยกว่าที่จะไล่ตามเธอ ดังนั้นแกจึงเลือกที่จะติดตามเธอในเกมการแต่งงาน เรื่องพวกนี้พี่แกเห็นมันทั้งหมด ถึงแม้ว่าแกจะไม่ชอบฉันตั้งแต่เด็กๆ แต่ในวาระสุดท้ายของพ่อได้ฝากแกไว้กับฉัน ฉันจึงพยายามช่วยเหลือแกอย่างสุดกำลัง ตอบสนองทุกสิ่งที่แกต้องการ”

"ใช่ ฉันชอบมู่ชิง แต่ฉันไม่เคยอยากได้เธอเลย และไม่อยากได้เธอมาด้วยวิธีนี้ มันไม่ต่างอะไรจากโจรเลยไม่ใช่หรือไง ไม่ต่างอะไรกับจูจูและไป๋ยิ่งอัน" เฉียวเฟิงไม่เห็นด้วยกับเขา

เขาชอบมู่ชิงมาก ถ้าไม่ใช่เพราะขาทั้งสองข้างของเขา เขาคงกลับตามที่มหาวิทยาลัยนานแล้ว

"ทำไมถึงไม่อยากได้เธอล่ะ"เฉียวซือเหิงไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเอง

“เพราะฉันปล่อยให้เธอแต่งงานกับคนพิการไม่ได้” น้ำเสียงเด็ดเดี่ยวของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด

เฉียวซือเหิงขยับตัวเล็กน้อยและยื่นมือออกไปตบไหล่ "อาเฟิง มองโลกในแง่ดีหน่อยสิ ลองคิดดูสิว่เมื่อก่อนแกมีผู้หญิงมากมายมาจีบ แกเลือกหยิบดอกไม้มือสองขึ้นมากจากหมู่มวลดอกไม้นับพัน เธอต้องรู้สึกโชคดีสิถึงจะถูก ...”

เฉียวซือเหิงสัมผัสถึงความโกรธของเฉียวเฟิงได้และรีบพูดว่า "ขอโทษควรเป็นไป๋มู่ชิงผู้หญิงคนนี้ "

แม้จะแก้ไขคำพูดแล้วแต่ในใจกลับยังคิดว่าเป็นขสินค้ามือสองจริงๆ และยังเป็นสินค้ามือสองที่มีของแถมมาอีก

เพราะผู้หญิงคนนี้เพียงคนเดียว น้องชายคนนี้ของเขาปฏิบัติกับเธอเหมือนเป็นเด็กน้อย

"ถ้าพี่คิดว่าหนานกงเฉินเป็นเพื่อนจริงๆ ก็ควรจะบอกความจริงทุกอย่างกับเขา แต่ไม่นั่งเฝ้ารอผลประโยชน์อยู่แบบนี้" เฉียวเฟิงกัดฟันของเขาและพูดว่า "เห็นได้ชัดว่ากำลังแก้แค้นเขาเป็นเพราะเรื่องของพี่สะใภ้ พี่ไม่รักเธอ แต่กลับไม่ให้เธอมองคนอื่นบ้างพี่มันน่ากลัวเกินไป!”

มุมปากของเฉียวซือเหิงกระตุก เขาไม่อยากโกรธเฉียวเฟิง ดังนั้นเขาจึงยกนาฬิกาขึ้นเพื่อตรวจสอบเวลาและลุกขึ้นจากเก้าอี้ "ดึกแล้ว ฉันขอตัวกลับก่อน"

เฉียวเฟิงไม่ได้พูดอะไร เฉียวซือเหิงจึงหมุนตัวกลับออกไป

ดูรถของเฉียวซือเหิงที่ขับออกไปไกล เฉียวเฟิงดสูดลมหายใจในความมืด เขาไม่ได้กลับไปที่บ้าน แต่นั่งเงียบ ๆ ในสวน

ยังมีเค้กที่ยังกินไม่หมดเหลืออยู่บนโต๊ะอีกครึ่งหนึ่ง และเทียนยังละลายไม่หมด เขามองดูทั้งหมดนี้ฟังเสียงหัวเราะของเสียวหว่านชินที่ดังก้องราวกับสายฝนกระทบกระดิ่งเงินที่ดังมาจากในบ้าน มันให้ความรู้สึกเหมือนฝัน เขาไม่เคยฝันว่าวันหนึ่งเขาจะได้อยู่กับผู้หญิงที่เขาชอบ

เนื่องจากเขาเกิดมาจากพ่อเฉียวกับผู้หญิงข้างนอก แม่ของเขาเสียชีวิตตั้งแต่เขายังเด็ก เขาจึงอาศัยอยู่กับพี่เลี้ยง ไม่ได้รับความรักความเอาใจใส่ จนกระทั่งเขาประสบอุบัติเหตุ พ่อจึงพาเขากลับไปดูที่ตระกูลเฉียวตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

โดยปกติแล้วคุณนายเฉียวไม่สามารถทนกับลูกชายนอกกฎหมายของเขาได้ แม้ว่าเฉียวซือเหิงจะไม่ได้มีความรักที่ดีต่อเขามากนัก แต่ก็ปฏิบัติต่อเขาอย่างดีเป็นส่วนตัว โดยทั่วไปแล้วเขาสามารถให้อะไรก็ได้ที่เขาต้องการ

แม้แต่ผู้หญิงที่รัก เขาก็ยังทำให้มาอยู่ข้างกายได้!

เฉียวเฟิงนั่งอยู่คนเดียวในสวนเป็นเวลายี่สิบนาทีก่อนที่จะกลับไปที่บ้าน

เมื่อเขาเข้าไป ไป๋มู่ชิงที่เพิ่งกล่อมเสียวหว่านชิงนอนหลับ เธอเหลือบมองไปที่เฉียวเฟิงและถามว่า "พี่ล่ะ กลับไปแล้วเหรอ? "

"อืม ไปแล้ว" เฉียวเฟิงเหลือบมองไปที่ห้องนอน "เสียวหว่านชิงหลับไปแล้วเหรอ?

"เล่นเยอะเกินไปหน่อยน่ะ กว่าจะนอนหลับ" ไป๋มู่ชิงยิ้มแล้วหันเดินไปที่ห้องน้ำเพื่อซักผ้าขนหนูอุ่น ๆ แล้วยื่นให้เขา "เช็ดหน้าก่อนเข้านอนกันเถอะ"

หลังจากเฉียวเฟิงหยิบผ้าขนหนูเช็ดหน้าและมือแล้วเขาก็เข็นรถเข็นไปที่ด้านข้างของเตียงช่วยเสียวหว่านชิงดึงผ้าห่มขึ้นเบา ๆ และดูใบหน้าที่หลับใหลของเธอ หันไปทางไป๋มู่ชิงและยิ้ม "คงเหนื่อยมาก หลับสนิทเชียว”

ไป๋มู่ชิงยิ้มและเดินไปช่วยเขาไปที่เตียง

เฉียวเฟิงกอดเธอไว้ในอ้อมแขนและขอให้เธอไปนอนกับเขา

ไป๋มู่ชิงยิ้มและกอดอก"ที่รัก ฉันต้องทำความสะอาดสวนก่อนถึงจะนอนได้"

"พรุ่งนี้ค่อยเก็บเถอะ วันนี้ดึกแล้ว" เฉียวเฟิงยกมือขึ้นเพื่อปิดไฟ ห้องมดลงทันทีและไป่มู่ชิงก็ต้องยอมแพ้ เธอเพียงแค่พิงแขนของเฉียวเฟิงและกอดเขาไว้

ห้องนอนเงียบสงัด เฉียวเฟิงลูบหลังของไป๋มู่ชิงและพูดออกมาเบา ๆ "หลิน ผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหม? "

"ถามมาสิ"

"ตอนนี้คุณมีความสุขไหม? "

"แน่นอนว่าฉันมีความสุขสิคะ" ไป๋มู่ชิงเงยหน้าขึ้นและจ้องเขา "ทำไมจู่ๆ คุณถามแบบนี้ล่ะ? "

"เปล่า... ผมแค่กังวลว่าคุณจะไม่ชินหลังจากกลับมาที่จีน"

"ทำไมล่ะ ฉันคิดว่าชีวิตในประเทศจีนดีกว่าในต่างประเทศมาก ฉันชอบประเทศจีนค่ะ" ไป๋มู่ชิงยิ้ม "ที่จริงมันไม่สำคัญว่าเราจะอยู่ที่ไหนสิ่งที่สำคัญที่สุดคือพวกเราสามคนพ่อแม่ลูกอยู่ได้กันอย่างมีความสุขในทุกๆ วันก็เพียงพอแล้ว”

“คุณคิดอย่างนั้นจริงๆ เหรอ?” เมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ ความรู้สึกผิดในใจของเฉียวเฟิงก็จางลงเล็กน้อย

ตลอดสองปีที่ผ่านมา เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากบาป ในขณะที่มีความสุขเขารู้สึกเสมอว่าความสุขที่ขโมยมาเช่นนี้จะอยู่ไม่นานและสวรรค์ก็คงไม่ให้อภัยเขา

"คุณเป็นอะไรหรือเปล่า คุณคิดมากอีกแล้วใช่ไหม" ไป๋มู่ชิงมองเขาและพูดว่า "ฉันบอกคุณแล้วไม่ใช่เหรอคะว่าไม่ว่าขาทั้งสองข้างคุณจะเป็นยังไงฉันไม่แคร์ ฉันชอบคุณ เพราะคุณคือสามีของฉัน คือพ่อของหว่านชิง”

แม้ว่าเธอจะลืมอดีตไปแล้วว่าเธอและเฉียวเฟิงพบและรักกันได้อย่างไร แต่เธอจะไม่มีวันลืมสิ่งเล็กน้อยที่เขาทำให้เธอในช่วงสองปีที่ผ่านมา เมื่อสองปีก่อนเธอสูญเสียความทรงจำและรูปลักษณ์ของเธอ ในขณะที่ไม่สามารถหาทางออกได้ด้วยความสิ้นหวัง เขาคือคนที่ช่วยเธอจากความสิ้นหวังโดยไม่รังเกียจแม้แต่น้อย เขาเป็นคนที่ให้กำลังใจเธอ ไปรักษาพยาบาลในต่างประเทศกับเธอและช่วยให้เธอก้าวเดินอย่างยากลำบากบนเส้นทางสู่การฟื้นตัว ...

หากไม่มีเขา เธอคงไม่มีชีวิตรอดและมีชีวิตที่ดีเช่นนี้ในวันนี้

ดังนั้นอย่าพูดว่าเขาพิการขา แม้ว่าเขาจะพิการจนเหลือเพียงลมหายใจ เธอก็จะไม่มีวันทอดทิ้งเขาอย่างแน่นอน

ในตอนเช้าไป๋มู่ชิงขับรถของเฉียวเฟิงไปที่โรงเรียนอนุบาล

ที่เบาะหลัง เฉียวเฟิงกำลังเล่าเสียวหว่านชิงเกี่ยวกับสโนโวท์ เสียวหว่านชิงที่นั่งอยู่ข้างๆ เฉียวเฟิงและถามอย่างสงสัย "พ่อคะ ทำไม สโนไวท์ถึงตายล่ะคะ? "

"เพราะเธอกินแอปเปิลอาบยาพิษจากคนแปลกหน้า"

“น่าสงสารจังเลยค่ะ”

“งั้นเสียวหว่านชิงอย่ากินของจากคนแปลกหน้านะ อย่าคุยกับคนแปลกหน้ารู้ไหม?”

"รู้แล้วค่ะ หนูจะเป็นเจ้าหญิงที่ฉลาด"

“อืม เด็กดี”

ไป๋มู่ชิงเหลือบมองพ่อและลูกสาวที่เบาะหลังจากกระจกมองหลังและมุมริมฝีปากของเธอก็มีรอยยิ้มเล็ก ๆ ออกมาโดยไม่รู้ตัว

เธออาจหลงใหลในเทพนิยายของสโนว์ไวท์มากเกินไป จึงไม่สังเกตว่ามีไฟสีแดงอยู่ข้างหน้า เธอจึงรีบเบรกรถอย่างกะทันหัน

"โอ๊ย! " แม้ว่าเสียวหว่านชิงจะใช้เก้าอี้นิรภัย แต่เธอก็ยังโดนกระแทกอย่างแรงและคิ้วของเธอขมวด "แม่ พ่อพูดหลายครั้งแล้วว่าให้ขับรถด้วยความระมัดระวังนะคะ"

"รู้แล้วจ้ะ แม่มองไม่เห็นไฟแดงน่ะ คราวหน้าจะระวังนะจ๊ะ"

“ก็ได้ค่ะ ครั้งนี้หนูกับพ่อจะยกโทษให้นะคะ แต่คราวหน้าระวังหน่อยนะคะ”

“เพคะ รู้แล้วค่ะ เจ้าหญิง ...”

เฉียวเฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและกล่าวว่า "ที่รัก รถคันนี้ไม่เหมาะให้คุณขับ วันหลังผมจะไปซื้อรถอีกคันกับคุณนะ"

“ไม่เป็นไร ไม่ต้องเสียเงินหรอกค่ะ”

"การซื้อรถที่เหมาะกับคุณ เป็นสิ่งที่ดีสำหรับคุณและเสียวหว่านชิง ถือว่าเป็นของขวัญวันเกิดสำหรับคุณด้วย"

เมื่อนึกถึงเสียวหว่านชิง ไป๋มู่ชิงก็ไม่ปฏิเสธอีกต่อไปและพยักหน้า "ก็ได้ค่ะ วันหลังไปดูกันนะคะ"

รถหยุดที่ทางเข้าโรงเรียนอนุบาลเสียวหว่านชิงกระโดดลงจากรถแล้วหันกลับไปหาเฉียวเฟิงและพูดว่า "บ๊ายบายค่ะคุณพ่อ เลิกเรียนตอนบ่ายอย่าลืมมารับหนูนะคะ"

"พ่อจะมากับแม่นะ" เฉียวเฟิงยิ้มและโบกมือให้เธอ "บ๊ายบาย เจ้าหญิงน้อย"

ไป๋มู่ชิงพาเสียวหว่านชิงเข้าไปในชั้นเรียนเล็ก ๆ ของโรงเรียนอนุบาล เสียวหว่านชิงเริ่มทักทายครูจากระยะไกล ครูฟางทักทายเธอด้วยรอยยิ้มและจับมือน้อย ๆ ของเธอและถามว่า "เมื่อคืนกลับไปกินเค้กหรือยังจ๊ะ?”

"กินแล้วค่ะ วันนี้หนูใส่กระโปรงที่พ่อกับแม่ซื้อให้ด้วยค่ะ" เสี่ยวหว่านชิงหมุนตัวไปมาเพื่ออวดชุดกระโปรง

“อ๊ะ กระโปรงใหม่สวยจัง” ครูฟางชื่นชม

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด