เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด นิยาย บท 200

"เดี๋ยวก่อน! " จูจูก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ มายืนอยู่ตรงหน้าเฉียวเฟิงอีกครั้ง "หรือว่าคุณไม่อยากรู้ว่าภรรยาของตัวเองอยู่ข้างนอกทำอะไรบ้าง หรือที่แท้คุณเองก็รู้เห็นเป็นใจกับเธอ เพื่อที่จะได้ทรัพย์สมบัติของสามีฉัน? "

"ถ้าคุณยังพูดจาไร้สาระอีก ผมจะให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยโยนคุณออกไป! " ลุงหลิวพูดด้วยความโกรธเคือง

เฉียวเฟิงจับมือลุงหลิวพลางมองไปที่ผู้หญิงตรงหน้าแล้วถามว่า "สามีของคุณคือใคร"

"เฮ้ คุณไม่ได้อ่านนิตยสารบ้างหรือไง ฉันคือจูจู ภรรยาของหนานกงเฉิน! " จูจูกล่าวพลางตบบนอกของตัวเอง "เคยได้ยินไหม ฉันเป็นภรรยาของหนานกงเฉิน แต่ตอนนี้ภรรยาของคุณกำลังแอบคบชู้กับสามีของฉัน เธออยากจะแย่งทุกสิ่งทุกอย่างไปจากฉัน!”

ใบหน้าของเฉียวเฟิงเริ่มบูดเบี้ยว

หนานกงเฉิน คือหนานกงเฉินงั้นเหรอ ...!

ลุงหลิวรีบกล่าวว่า "คุณชายรอง คุณผู้หญิงไม่ใช่คนแบบนั้น คุณอย่าไปฟังสิ่งที่ผู้หญิงคนนี้พูดเป็นอันขาดนะครับ"

"เธอไม่ใช่คนแบบนี้ คุณรู้จักเธอจริงๆ แล้วเหรอ? " จูจูพูดอย่างตื่นเต้นเล็กน้อยหลังจากเฉียวเฟิงเหลือบมองไปรอบ ๆ เขาก็พูดกับลุงหลิวว่า "พาเธอไปที่ห้องทำงาน"

หลังจากพูดเสร็จเขาก็ขยับรถเข็นไปที่ร้านอาหาร

อาจจะเป็นเพราะตกใจและสะเทือนใจมากเกินไป จนทำให้มือทั้งสองข้างของเฉียวเฟิงที่กำลังบังคับรถเข็นอยู่นั้นสั่นสะท้าน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งเข้าไปช่วยเขาเข็นรถ

แต่เฉียวเฟิงไม่ได้ขอบคุณเขาแต่อย่างใด กลับตะคอกใส่เขาเสียงดัง "อย่ามายุ่ง! "

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหดมือด้วยความตกใจและเขาก็ไม่สนใจอีกต่อไป

เมื่อเฉียวเฟิงกลับไปที่ห้องทำงาน จูจูที่นั่งรออยู่ด้านในมองเขาด้วยสายตาที่เย้ยหยัน "ถึงว่าทั้งๆที่หนานกงเฉินรู้อยู่แล้วว่าภรรยาของคุณมีครอบครัวแล้ว แต่เขาก็ไม่สนใจ ที่แท้ก็ไม่ได้มีคุณอยู่ในสายตานี่เอง”

เฉียวเฟิงต่อต้านความโกรธในใจของเขากัดฟันและถามว่า "คุณบอกว่าภรรยาของผมอยู่กับสามีของคุณ มันเกิดขึ้นเมื่อไหร่? "

"ฉันจะรู้ได้ยังไงเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันรู้แค่ว่าพวกเขาจูบกันที่ริมแม่น้ำ"

"คุณเห็นงั้นเหรอ? "

"ใช่ ฉันเห็น ฉันเดินตามพวกเขาไปตลอดทางตั้งแต่ชั้นล่างจนถึงริมแม่น้ำของบริษัทภรรยาของคุณ เห็นอย่างชัดเจน"

เฉียวเฟิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขาจำสถานการณ์เมื่อตอนหนานกงเฉินจอดรถที่ประตูโรงเรียนอนุบาลในวันนั้นและความผิดปกติของไป๋มู่ชิงหลังจากกลับบ้านเมื่อคืน

จูจูเหลือบมองไปรอบ ๆ ที่ห้องทำงานที่กว้างใหญ่พลางเยาะเย้ย "คุณเฉียว ฉันคิดว่าที่ผู้หญิงคนนั้นยอมแต่งงานกับคนพิการอย่างคุณก็เพราะต้องการเงินล่ะสิ ตอนนี้ยั่วยวนหนานกงเฉินได้สำเร็จ และหนานกงเฉินเองก็ดูจะชอบเธอไม่น้อย ฉันเดาว่าอีกไม่กี่วันก็คงหย่ากับคุณแล้วล่ะ หึๆ ... ไม่รู้ว่าพวกผู้ชายชอบผู้หญิงจิตใจโลเลแบบนี้ที่ตรงไหน ... "

"กรี๊ด! " จูจูกรีดร้องอย่างกะทันหันหลบเขี่ยบุหรี่ที่กำลังลอยมาหาเธอ

เฉียวเฟิงคว้าแฟ้มเอกสารบนโต๊ะขว้างใส่เธออีกโดยไม่รีรอ"ไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ! "

ใบหน้าของจูจูซีดเซียว เธอรีบซ่อนตัวอยู่หลังโต๊ะและมองเขาด้วยความตื่นตระหนก ถึงแม้ว่าเขาจะทำลายข้าวของทุกอย่างรอบๆ ตัว แต่เธอก็รู้สึกสงบขึ้นเล็กน้อยเมื่อคิดขึ้นได้ว่าคนพิการอย่างเขาคงทำอะไรเธอไม่ได้มาก

เธอหัวเราะเยาะเย้ย "ดูเหมือนว่าคุณจะมีความอดทนมากนะ มิน่าล่ะคุณหนูอีถึงไม่เห็นคุณอยู่ในสายตา ยังไงฉันก็อยากจะเตือนคุณไว้สักอย่างนะ หากคุณยังไม่คิดหาวิธีหยุดมันละก็ไม่ช้าก็เร็วเธอจะขอหย่ากับคุณในสักวันแน่นอน ...! "

"ออกไป! " เฉียวเฟิงคว้าสิ่งของชิ้นสุดท้ายบนโต๊ะและขว้างมันออกไป

จูจูหลบแล้วพูดว่า "ไม่ต้องห่วง ฉันจะออกไปเดี๋ยวนี้"

“ทำคุณบูชาโทษโปรดสัตว์ได้บาปแท้ๆ” เธอตะคอกอย่างเย็นชาพลางหันหลังเดินออกจากห้องทำงาน

ในห้องเงียบสงัดลงทันใด เฉียวเฟิงนั่งอยู่ในห้องทำงานที่เละเทะอยู่คนเดียว พลางกำล้อรถเข็นแน่นจนเสื้อเลือดบนมือปรากฏขึ้น

เป็นเวลานานแล้วที่เขาสูญเสียการควบคุม ความโกรธเขาไม่ได้เป็นแบบนี้ตั้งแต่เขามีไป๋มู่ชิงและเสียวหว่านชิง แต่วันนี้เมื่อเขารู้ว่าไป๋มู่ชิงนอกใจ และอีกฝ่ายคือหนานกงเฉิน ในที่สุดความอดทนของเขาก็พังทลายลง

เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าฝ่ามือของเขาได้รับบาดเจ็บ

หลังจากนั่งอยู่สักพักโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้นซึ่งเป็นเสียงเรียกเข้าพิเศษของไป๋มู่ชิง

เขาหายใจเข้าลึก ๆ เอาโทรศัพท์แนบหูแล้วพูดเบา ๆ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความสดใสของไป๋มู่ชิงดังมาจากอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ "ที่รัก คุณถึงร้านอาหารหรือยังคะ? "

“ถึงแล้ว มีอะไรเหรอ?” น้ำเสียงของเขาสงบ

“ไม่มีอะไรค่ะ ฉันแค่เป็นห่วง”

เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งและถามว่า "ตอนบ่ายต้องทำโอทีหรือเปล่า? "

"น่าจะไม่ต้องค่ะ" ไป่มู่ชิงกล่าว "ต่อให้ต้องทำ ฉันก็จะไม่ทำค่ะ"

“งั้นผมจะไปรับคุณหลังเลิกงาน”

"ค่ะ"

"ไม่มีอะไรแล้ว ผมขอวางสายก่อนนะ"

"บ๊ายบายค่ะที่รัก" ไป๋มู่ชิงวางสายหลังจากพูด

ปกติในเวลานี้เธอจะโทรหาเฉียวเฟิงเพื่อถามว่าเขาอยู่ที่ร้านอาหารหรือไม่ ทุกครั้งเฉียวเฟิงจะพูดคุยกับเธออย่างสนิทสนม แต่วันนี้ ... แม้ว่าคำพูดของเขาจะไม่มีอะไรผิดปกติ แต่อารมณ์ของเขานั้นผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด

ไป๋มู่ชิงถือโทรศัพท์มือถืออย่างสงสัยสักครู่ เพราะคิดว่าเฉียวเฟิงอาจกำลังมีปัญหาในการทำงาน

หลังจากเลิกงานตอนเที่ยงไป๋มู่ชิงตัดสินใจไปที่ร้านอาหารซิงหยวนเพื่อดูเฉียวเฟิง

เมื่อเธอมาถึงเฉียวเฟิงกำลังมองไปที่อาหารกลางวัน เมื่อเห็นเธอใบหน้าของเขาก็รู้สึกประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด

ไป๋มู่ชิงเดินไปด้านข้างด้วยรอยยิ้มและโอบแขนของเขาไว้ "ทำไมคะ ฉันไม่ได้มาครั้งแรกซะหน่อย"

“ทำไมถึงว่างมาล่ะ?” เฉียวเฟิงมองเธอด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนเช่นเคย

" มากินข้าวน่ะสิ "

“งั้นผมจะให้เชฟทำอาหารเพิ่มให้ เธออยากกินอะไร”

“ข้าวผัดก็ได้ค่ะ”

เฉียวเฟิงเรียกพนักงานเสิร์ฟและสั่งข้าวผัดให้เธอ

ระหว่างรออาหารไป๋มู่ชิงเหลือบมองอาหารกลางวันตรงหน้าเขาที่เย็นหมดแล้ว จึงถามด้วยความกังวล "เป็นอะไร? ตอนเช้าที่ฉันโทรหาคุณ ดูเหมือนว่าคุณจะอารมณ์ไม่ดีเลยนะคะ แล้วนี่ก็ไม่ยอมกินอาหารอีก เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าคะ?”

เฉียวเฟิงเงียบไม่ตอบอะไร

สีหน้าของไป๋มู่ชิงเริ่มเคร่งขึมขึ้น ดูเหมือนว่าจะเกิดเรื่องขึ้นจริงๆ

"เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าคะ งานมีปัญหาเหรอคะ? " เธอมองเขาอีกครั้งและเมื่อเธอมองฝ่ามือที่ห่อด้วยผ้าก๊อซเธอก็กระซิบอย่างทุกข์ใจ "มือของคุณไปโดนอะไรมา? "

เธอจับฝ่ามือของเขา "ทำไมคุณถึงมือเป็นแผลล่ะ เจ็บมากไหม?"

เฉียวเฟิงมองเธอด้วยสีหน้ากังวล ทำไมเขาถึงไม่เชื่อว่าเธอแอบนอกใจเขาควรจะเชื่อผู้หญิงคนนั้นหรือไม่?

ถ้าเธอไม่ได้อยู่กับหนานกงเฉินจู่ๆ จะมีคนมาหาเธอได้อย่างไร?

เขาสูดลมหายใจและมองเธออย่างจริงจัง "หลิน พวกเรากลับไปอยู่ต่างประเทศกันไหม? "

ไป๋มู่ชิงตัวแข็งสักครู่แล้วพูดว่า "ทำไมล่ะ? "

“คุณแค่ตอบมาได้หรือเปล่า?”

ไป๋มู่ชิงจ้องมองเขาด้วยความประหลาดใจจากนั้นก็พูดว่า "ที่รัก กลับไปน่ะได้ แต่คุณช่วยบอกเหตุผลดีๆ กับฉันมาสักข้อได้ไหมคะ? "

“งั้นบอกก่อนนะว่าอะไรคือเหตุผลที่คุณไม่อยากออกจากที่นี่”

"เพราะว่า ... ฉันก็ชอบคนที่นี่นะ หว่านชิงเองก็ชอบ อีกอย่างหว่านชิงก็เพิ่งปรับตัวเข้ากับโรงเรียนใหม่นี้ได้" ไป๋มู่ชิงหยุดและพูดว่า "แล้วคุณเองก็มีเรื่องที่ต้องทำที่นี่ ไม่ต้องนั่งอยู่บ้านเบื่อๆ ทุกวันไม่ใช่เหรอคะ?”

“นอกจากนั้นล่ะ?”

"นอกจากนั้น ... " ไป๋มู่ชิงคิดสักพักแล้วส่ายหัว "ดูเหมือนจะไม่มีแล้วนะ"

ไป๋มู่ชิงเห็นเขาเงียบไปจึงถามอย่างระมัดระวัง "ที่รัก คุณบอกฉันได้ไหมว่าทำไมถึงอยากไปต่างประเทศ? "

"เพราะผมไม่อยากเสียคุณไป" เฉียวเฟิงเน้นประโยคดังกล่าว

"อะไรนะ? "

"เมื่อเช้านี้ผมได้ยินข่าวลือว่าคุณกับหนานกงเฉินสนิทกันมาก" เฉียวเฟิงพูดตรงๆ

เดิมทีเขาไม่อยากถามเธอจริงๆ แต่จะให้เขาส่งคนแอบติดตามสืบเรื่องของเธอ ถ้าหากเรื่องนั้นเป็นเรื่องจริง เขาจะต้องรู้สึกแย่อย่างแน่นอน แต่ถ้าหากพูดแบบนี้เธออาจจะปฏิเสธก็ได้

ถูกต้อง เขาอยากจะฟังคำปฏิเสธของเธอมากกว่าที่จะรู้ความจริงบางอย่างที่เขาไม่อยากเห็น

ไป๋มู่ชิงตะลึงเมื่อเธอได้ยินสิ่งที่เขาพูด เธอไม่เคยคาดหวังว่าเฉียวเฟิงจะได้ยินข่าวประเภทนี้

“ใคร ... บอกคุณ?” เธออ้าปากและพูดด้วยความตะลึง

“ใครบอกเรื่องสำคัญเหรอ?”

"ไม่ ... " ไป๋มู่ชิงรีบส่ายหัวจับมือเขาอย่างกังวล "เฟิง ฟังฉันนะ หนานกงเฉินกับฉันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิด จริงๆ แล้วพวกเรา ... "

“คุณรู้จักเขาตั้งแต่เมื่อไหร่?” เฉียวเฟิงถามอย่างระงับความเศร้าในใจ

"ตอนที่ท่านประธานจางได้รับใบคำสั่งซื้อ หนานกงเฉินเป็นเจ้านายของบริษัทนั้นพอดี แล้วพวกเราก็รู้จักกันค่ะ ... "

"คุณว่าอะไรนะ? ใบคำสั่งซื้อนั้นเป็นของบริษัทหนานกงกรุ๊ปงั้นเหรอ? ทำไมคุณถึงไม่บอกผม? "

"คุณไม่ได้ถามฉันนี่คะ" ไป๋มู่ชิงพูดอย่างไร้เดียงสา "ฉันเคยถามคุณว่าทำไมคุณไม่ถามฉันว่าอีกฝ่ายเป็นบริษัทอะไร แต่คุณไม่สนใจที่จะรู้ อย่างไรก็ตาม ที่รักคะ คุณเชื่อฉัน ฉันไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับหนานกงเฉิน มีแต่เขาที่เอาแต่พูดว่าฉันเหมือนกับภรรยาเก่า จากนั้น ... "

“เขาบอกว่าคุณคล้ายกับอดีตภรรยาของเขามากงั้นเหรอ?” เฉียวเฟิงรู้สึกหนาวอีกครั้ง

"ใช่" ไป๋มู่ชิงพูดอย่างรีบร้อน "เมื่อคืนเขาเมาและวิ่งลงไปชั้นล่างและบอกว่าเป็นวันครบรอบวันเสียชีวิตของลูกชายเขา อยากให้ฉันไปเป็นเพื่อนเขาสักหน่อย ฉันจึงไปที่ริมแม่น้ำกับเขา"

เฉียวเฟิงที่ได้รับข่าวเรื่องเธอกับหนานกงเฉิน จะต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับเมื่อคืนแน่นอน ไป๋มู่ชิงคิดในใจ จึงรีบชิงสารภาพไปก่อน

“เป็นแบบนี้จริงๆ เหรอ?”

"ใช่" ไป๋มู่ชิงเกี่ยวก้อยสัญญากับเขา"เฟิง วันนี้ฉันบอกกับประธานจางปแล้วว่าไม่ต้องรับใบคำสั้งซื้อจากบริษัทหนานกงกรุ๊ปอีกแล้ว ต่อไปฉันจะไม่ไปเจอเขาอีก ฉันสัญญาว่าจะไม่รักเขา และจะไม่ทิ้งคุณไปไหน "

เฉียวเฟิงตอบด้วยความสับสนและจิตใจของเขาก็เต็มไปด้วยสิ่งที่เธอเพิ่งพูด หนานกงเฉินรู้สึกว่าเธอคล้ายกับอดีตภรรยาของเขามาก!

หนานกงเฉินรักอดีตภรรยาของเขามาก ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เขาจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเข้าหาเธอและตกหลุมรักเธอ

เขาหลับตาลงและสิ่งที่เขากังวลมากที่สุดก็เริ่มปรากฏขึ้น ตอนนั้นเขาไม่น่าใจอ่อนพาเธอกลับมาที่นี่เลย

ตอนที่เธออยู่ต่างประเทศ ไป๋มู่ชิงไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมากนัก เพราะเธอไม่ชอบชีวิตในต่างประเทศ ต่อมาเมื่อเขาถามเธอว่าอยากกลับไปที่ประเทศจีน ใบหน้าของเธอก็แสดงความดีใจทันที ในขณะนั้นเขาตัดสินใจพาสองแม่ลูกกลับไปใช้ชีวิตที่ประเทศจีน

ตอนนี้ดูเหมือนว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะผิดพลาด

"ที่รัก โปรดเชื่อใจฉันเถอะค่ะ" เธอเขย่าแขนของเขาดวงตาของเธอเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด

เฉียวเฟิงมองไปที่เธอและพูดประโยคที่ขมขื่น "ผมเชื่อคุณ แต่ผมไม่เชื่อเขา"

เขายังคงเชื่อในตัวของไป๋มู่ชิง แต่เขาไม่สามารถเชื่อในหนานกงเฉินได้ เฉียวเฟิงพูดถูกถ้าหนานกงเฉินรู้ว่าไป๋มู่ชิงกับเสียวหว่านชิงเป็นภรรยาและลูกสาวของเขา เขาจะพาพวกเธอกลับไป เขากังวลว่าวันหนึ่งหนานกงเฉินจะจำไป๋มู่ชิงได้ จากนั้นจะพาพวกเธอกลับไป

ไป๋มู่ชิงครุ่นคิดสักพักและพูดว่า "ถ้าคุณเป็นห่วงจริงๆ ฉันจะไปต่างประเทศกับคุณ เราจะอยู่ห่างจากเขาโอเคไหม? "

“คุณเต็มใจจริงๆ เหรอ?”

ไป๋มู่ชิงพยักหน้า "ฉันเต็มใจ ตราบใดที่คุณมีความสุข ฉันเต็มใจทำทุกอย่างที่คุณต้องการ"

เฉียวเฟิงมองไปที่เธอด้วยท่าทางจริงจัง หลังจากที่รู้สึกเหน็บหนาวมาตลอดเช้าในที่สุดหัวใจของเขาก็อุ่นขึ้นเล็กน้อย แต่เขารู้ดีว่าหนานกงเฉินจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เพียงแค่คิดว่าสักวันเขาจะจำไป๋มู่ชิงได้ ในใจของเขาก็รู้สึกไม่สบายใจ

ไป่มู่ชิงเห็นว่าการแสดงออกบนใบหน้าของเขายังคงหนักอึ้งจึงพูดอย่างระมัดระวัง “ฉันพูดไปหมดแล้ว ที่รักยังไม่ยกโทษให้ฉันอีกเหรอคะ?”

"ผมไม่ยกโทษให้คุณ" เฉียวเฟิงสูดหายใจ "ผมแค่กังวลว่าเขาจะมายุ่งกับคุณอีก"

"คุณสบายใจได้เลยค่ะ ตราบใดที่ฉันชอบเขา ต่อให้เขาตื๊อฉัน ยังไงก็ไม่มีประโยชน์"

เฉียวเฟิงยิ้มอย่างขมขื่น เขาไม่อยากจะคิดเลยว่าหากวันหนึ่งไป๋มู่ชิงรู้ความจริง ยังจะพูดแบบนี้อีกหรือไม่ คงจะไม่แน่นอน!

หนานกงเฉินมาถึงบริษัทในตอนบ่าย เลขาเหยียนมองใบหน้าที่ทรุดโทรมดกว่าปกติของเขาจึงถามด้วยความกังวล "คุณชายเฉิน เมื่อคืนดื่มอีกแล้วเหรอคะ? "

เมื่อคืนนี้เป็นวันครบรอบการเสียชีวิตของลูกชายของคุณชายเฉิน และแน่นอนว่าเธอรู้

หนานกงเฉินพยักหน้า "ดื่มไปนิดหน่อย แล้วก็ได้ทำในสิ่งที่อยากทำมาตลอด"

"เรื่องอะไรเหรอคะ? "

“ไม่ใช่เรื่องดีหรอก” หนานกงเฉินยิ้มอย่างขมขื่น แม้ว่าเขาจะทำเช่นนั้น แต่เขาก็ทำให้ผู้หญิงคนนั้นตกใจกลัว

อันที่จริงเมื่อคืนเขาไม่ได้เมา เพียงแค่นึกถึงฉากตอนที่เขาจูบเธอคืนนั้นที่เมืองเยว่ ตอนนั้นเขาไม่ได้สังเกตอะไรเลยและตอนนี้ก็นึกขึ้นได้อีกครั้งและค่อยๆ จำมันได้

เขาจำได้ว่าลมหายใจของเธอคุ้นเคยมากและความรู้สึกนี้ค่อยๆ กระตุ้นความปรารถนาของเขาที่จะสำรวจต่อไป ดังนั้นเมื่อคืนนี้เขาจึงคลายข้อสงสัยด้วยการดื่มแอลกอฮอล์

ใช่แล้ว ลมหายใจของเธอคุ้นเคยมาก เพียงแต่ชัดเจนแล้วจะมีประโยชน์อะไร นอกจากรู้สึกกับเธออย่างลึกซื้งมากกว่าเดิมแล้วจะมีอะไรอีก?

เขาจะเป็นผู้ชายเลว ๆ ที่แย่งภรรยาของคนอื่นเพื่อเก็บความรู้สึกนี้ไว้จริงๆ เหรอ? เขาไม่เคยคิดจะทำเรื่องแบบนี้ นับประสาอะไรกับมัน! และแม้ว่าเขาจะทำเช่นนั้น คุณหนูอีอาจจะไม่สนใจเขาไม่ใช่เหรอ?

เขาคิดอยู่พักหนึ่งและในที่สุดก็ส่งข้อความไปหาไป๋มู่ชิง ‘ขอโทษที เมื่อคืนฉันดื่มมากเกินไปและพูดเรื่องไร้สาระ’

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด