"เดี๋ยวก่อน! " จูจูก้าวไปข้างหน้าอย่างช้าๆ มายืนอยู่ตรงหน้าเฉียวเฟิงอีกครั้ง "หรือว่าคุณไม่อยากรู้ว่าภรรยาของตัวเองอยู่ข้างนอกทำอะไรบ้าง หรือที่แท้คุณเองก็รู้เห็นเป็นใจกับเธอ เพื่อที่จะได้ทรัพย์สมบัติของสามีฉัน? "
"ถ้าคุณยังพูดจาไร้สาระอีก ผมจะให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยโยนคุณออกไป! " ลุงหลิวพูดด้วยความโกรธเคือง
เฉียวเฟิงจับมือลุงหลิวพลางมองไปที่ผู้หญิงตรงหน้าแล้วถามว่า "สามีของคุณคือใคร"
"เฮ้ คุณไม่ได้อ่านนิตยสารบ้างหรือไง ฉันคือจูจู ภรรยาของหนานกงเฉิน! " จูจูกล่าวพลางตบบนอกของตัวเอง "เคยได้ยินไหม ฉันเป็นภรรยาของหนานกงเฉิน แต่ตอนนี้ภรรยาของคุณกำลังแอบคบชู้กับสามีของฉัน เธออยากจะแย่งทุกสิ่งทุกอย่างไปจากฉัน!”
ใบหน้าของเฉียวเฟิงเริ่มบูดเบี้ยว
หนานกงเฉิน คือหนานกงเฉินงั้นเหรอ ...!
ลุงหลิวรีบกล่าวว่า "คุณชายรอง คุณผู้หญิงไม่ใช่คนแบบนั้น คุณอย่าไปฟังสิ่งที่ผู้หญิงคนนี้พูดเป็นอันขาดนะครับ"
"เธอไม่ใช่คนแบบนี้ คุณรู้จักเธอจริงๆ แล้วเหรอ? " จูจูพูดอย่างตื่นเต้นเล็กน้อยหลังจากเฉียวเฟิงเหลือบมองไปรอบ ๆ เขาก็พูดกับลุงหลิวว่า "พาเธอไปที่ห้องทำงาน"
หลังจากพูดเสร็จเขาก็ขยับรถเข็นไปที่ร้านอาหาร
อาจจะเป็นเพราะตกใจและสะเทือนใจมากเกินไป จนทำให้มือทั้งสองข้างของเฉียวเฟิงที่กำลังบังคับรถเข็นอยู่นั้นสั่นสะท้าน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งเข้าไปช่วยเขาเข็นรถ
แต่เฉียวเฟิงไม่ได้ขอบคุณเขาแต่อย่างใด กลับตะคอกใส่เขาเสียงดัง "อย่ามายุ่ง! "
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหดมือด้วยความตกใจและเขาก็ไม่สนใจอีกต่อไป
เมื่อเฉียวเฟิงกลับไปที่ห้องทำงาน จูจูที่นั่งรออยู่ด้านในมองเขาด้วยสายตาที่เย้ยหยัน "ถึงว่าทั้งๆที่หนานกงเฉินรู้อยู่แล้วว่าภรรยาของคุณมีครอบครัวแล้ว แต่เขาก็ไม่สนใจ ที่แท้ก็ไม่ได้มีคุณอยู่ในสายตานี่เอง”
เฉียวเฟิงต่อต้านความโกรธในใจของเขากัดฟันและถามว่า "คุณบอกว่าภรรยาของผมอยู่กับสามีของคุณ มันเกิดขึ้นเมื่อไหร่? "
"ฉันจะรู้ได้ยังไงเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉันรู้แค่ว่าพวกเขาจูบกันที่ริมแม่น้ำ"
"คุณเห็นงั้นเหรอ? "
"ใช่ ฉันเห็น ฉันเดินตามพวกเขาไปตลอดทางตั้งแต่ชั้นล่างจนถึงริมแม่น้ำของบริษัทภรรยาของคุณ เห็นอย่างชัดเจน"
เฉียวเฟิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขาจำสถานการณ์เมื่อตอนหนานกงเฉินจอดรถที่ประตูโรงเรียนอนุบาลในวันนั้นและความผิดปกติของไป๋มู่ชิงหลังจากกลับบ้านเมื่อคืน
จูจูเหลือบมองไปรอบ ๆ ที่ห้องทำงานที่กว้างใหญ่พลางเยาะเย้ย "คุณเฉียว ฉันคิดว่าที่ผู้หญิงคนนั้นยอมแต่งงานกับคนพิการอย่างคุณก็เพราะต้องการเงินล่ะสิ ตอนนี้ยั่วยวนหนานกงเฉินได้สำเร็จ และหนานกงเฉินเองก็ดูจะชอบเธอไม่น้อย ฉันเดาว่าอีกไม่กี่วันก็คงหย่ากับคุณแล้วล่ะ หึๆ ... ไม่รู้ว่าพวกผู้ชายชอบผู้หญิงจิตใจโลเลแบบนี้ที่ตรงไหน ... "
"กรี๊ด! " จูจูกรีดร้องอย่างกะทันหันหลบเขี่ยบุหรี่ที่กำลังลอยมาหาเธอ
เฉียวเฟิงคว้าแฟ้มเอกสารบนโต๊ะขว้างใส่เธออีกโดยไม่รีรอ"ไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ! "
ใบหน้าของจูจูซีดเซียว เธอรีบซ่อนตัวอยู่หลังโต๊ะและมองเขาด้วยความตื่นตระหนก ถึงแม้ว่าเขาจะทำลายข้าวของทุกอย่างรอบๆ ตัว แต่เธอก็รู้สึกสงบขึ้นเล็กน้อยเมื่อคิดขึ้นได้ว่าคนพิการอย่างเขาคงทำอะไรเธอไม่ได้มาก
เธอหัวเราะเยาะเย้ย "ดูเหมือนว่าคุณจะมีความอดทนมากนะ มิน่าล่ะคุณหนูอีถึงไม่เห็นคุณอยู่ในสายตา ยังไงฉันก็อยากจะเตือนคุณไว้สักอย่างนะ หากคุณยังไม่คิดหาวิธีหยุดมันละก็ไม่ช้าก็เร็วเธอจะขอหย่ากับคุณในสักวันแน่นอน ...! "
"ออกไป! " เฉียวเฟิงคว้าสิ่งของชิ้นสุดท้ายบนโต๊ะและขว้างมันออกไป
จูจูหลบแล้วพูดว่า "ไม่ต้องห่วง ฉันจะออกไปเดี๋ยวนี้"
“ทำคุณบูชาโทษโปรดสัตว์ได้บาปแท้ๆ” เธอตะคอกอย่างเย็นชาพลางหันหลังเดินออกจากห้องทำงาน
ในห้องเงียบสงัดลงทันใด เฉียวเฟิงนั่งอยู่ในห้องทำงานที่เละเทะอยู่คนเดียว พลางกำล้อรถเข็นแน่นจนเสื้อเลือดบนมือปรากฏขึ้น
เป็นเวลานานแล้วที่เขาสูญเสียการควบคุม ความโกรธเขาไม่ได้เป็นแบบนี้ตั้งแต่เขามีไป๋มู่ชิงและเสียวหว่านชิง แต่วันนี้เมื่อเขารู้ว่าไป๋มู่ชิงนอกใจ และอีกฝ่ายคือหนานกงเฉิน ในที่สุดความอดทนของเขาก็พังทลายลง
เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าฝ่ามือของเขาได้รับบาดเจ็บ
หลังจากนั่งอยู่สักพักโทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้นซึ่งเป็นเสียงเรียกเข้าพิเศษของไป๋มู่ชิง
เขาหายใจเข้าลึก ๆ เอาโทรศัพท์แนบหูแล้วพูดเบา ๆ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความสดใสของไป๋มู่ชิงดังมาจากอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ "ที่รัก คุณถึงร้านอาหารหรือยังคะ? "
“ถึงแล้ว มีอะไรเหรอ?” น้ำเสียงของเขาสงบ
“ไม่มีอะไรค่ะ ฉันแค่เป็นห่วง”
เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งและถามว่า "ตอนบ่ายต้องทำโอทีหรือเปล่า? "
"น่าจะไม่ต้องค่ะ" ไป่มู่ชิงกล่าว "ต่อให้ต้องทำ ฉันก็จะไม่ทำค่ะ"
“งั้นผมจะไปรับคุณหลังเลิกงาน”
"ค่ะ"
"ไม่มีอะไรแล้ว ผมขอวางสายก่อนนะ"
"บ๊ายบายค่ะที่รัก" ไป๋มู่ชิงวางสายหลังจากพูด
ปกติในเวลานี้เธอจะโทรหาเฉียวเฟิงเพื่อถามว่าเขาอยู่ที่ร้านอาหารหรือไม่ ทุกครั้งเฉียวเฟิงจะพูดคุยกับเธออย่างสนิทสนม แต่วันนี้ ... แม้ว่าคำพูดของเขาจะไม่มีอะไรผิดปกติ แต่อารมณ์ของเขานั้นผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด
ไป๋มู่ชิงถือโทรศัพท์มือถืออย่างสงสัยสักครู่ เพราะคิดว่าเฉียวเฟิงอาจกำลังมีปัญหาในการทำงาน
หลังจากเลิกงานตอนเที่ยงไป๋มู่ชิงตัดสินใจไปที่ร้านอาหารซิงหยวนเพื่อดูเฉียวเฟิง
เมื่อเธอมาถึงเฉียวเฟิงกำลังมองไปที่อาหารกลางวัน เมื่อเห็นเธอใบหน้าของเขาก็รู้สึกประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด
ไป๋มู่ชิงเดินไปด้านข้างด้วยรอยยิ้มและโอบแขนของเขาไว้ "ทำไมคะ ฉันไม่ได้มาครั้งแรกซะหน่อย"
“ทำไมถึงว่างมาล่ะ?” เฉียวเฟิงมองเธอด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนเช่นเคย
" มากินข้าวน่ะสิ "
“งั้นผมจะให้เชฟทำอาหารเพิ่มให้ เธออยากกินอะไร”
“ข้าวผัดก็ได้ค่ะ”
เฉียวเฟิงเรียกพนักงานเสิร์ฟและสั่งข้าวผัดให้เธอ
ระหว่างรออาหารไป๋มู่ชิงเหลือบมองอาหารกลางวันตรงหน้าเขาที่เย็นหมดแล้ว จึงถามด้วยความกังวล "เป็นอะไร? ตอนเช้าที่ฉันโทรหาคุณ ดูเหมือนว่าคุณจะอารมณ์ไม่ดีเลยนะคะ แล้วนี่ก็ไม่ยอมกินอาหารอีก เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าคะ?”
เฉียวเฟิงเงียบไม่ตอบอะไร
สีหน้าของไป๋มู่ชิงเริ่มเคร่งขึมขึ้น ดูเหมือนว่าจะเกิดเรื่องขึ้นจริงๆ
"เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าคะ งานมีปัญหาเหรอคะ? " เธอมองเขาอีกครั้งและเมื่อเธอมองฝ่ามือที่ห่อด้วยผ้าก๊อซเธอก็กระซิบอย่างทุกข์ใจ "มือของคุณไปโดนอะไรมา? "
เธอจับฝ่ามือของเขา "ทำไมคุณถึงมือเป็นแผลล่ะ เจ็บมากไหม?"
เฉียวเฟิงมองเธอด้วยสีหน้ากังวล ทำไมเขาถึงไม่เชื่อว่าเธอแอบนอกใจเขาควรจะเชื่อผู้หญิงคนนั้นหรือไม่?
ถ้าเธอไม่ได้อยู่กับหนานกงเฉินจู่ๆ จะมีคนมาหาเธอได้อย่างไร?
เขาสูดลมหายใจและมองเธออย่างจริงจัง "หลิน พวกเรากลับไปอยู่ต่างประเทศกันไหม? "
ไป๋มู่ชิงตัวแข็งสักครู่แล้วพูดว่า "ทำไมล่ะ? "
“คุณแค่ตอบมาได้หรือเปล่า?”
ไป๋มู่ชิงจ้องมองเขาด้วยความประหลาดใจจากนั้นก็พูดว่า "ที่รัก กลับไปน่ะได้ แต่คุณช่วยบอกเหตุผลดีๆ กับฉันมาสักข้อได้ไหมคะ? "
“งั้นบอกก่อนนะว่าอะไรคือเหตุผลที่คุณไม่อยากออกจากที่นี่”
"เพราะว่า ... ฉันก็ชอบคนที่นี่นะ หว่านชิงเองก็ชอบ อีกอย่างหว่านชิงก็เพิ่งปรับตัวเข้ากับโรงเรียนใหม่นี้ได้" ไป๋มู่ชิงหยุดและพูดว่า "แล้วคุณเองก็มีเรื่องที่ต้องทำที่นี่ ไม่ต้องนั่งอยู่บ้านเบื่อๆ ทุกวันไม่ใช่เหรอคะ?”
“นอกจากนั้นล่ะ?”
"นอกจากนั้น ... " ไป๋มู่ชิงคิดสักพักแล้วส่ายหัว "ดูเหมือนจะไม่มีแล้วนะ"
ไป๋มู่ชิงเห็นเขาเงียบไปจึงถามอย่างระมัดระวัง "ที่รัก คุณบอกฉันได้ไหมว่าทำไมถึงอยากไปต่างประเทศ? "
"เพราะผมไม่อยากเสียคุณไป" เฉียวเฟิงเน้นประโยคดังกล่าว
"อะไรนะ? "
"เมื่อเช้านี้ผมได้ยินข่าวลือว่าคุณกับหนานกงเฉินสนิทกันมาก" เฉียวเฟิงพูดตรงๆ
เดิมทีเขาไม่อยากถามเธอจริงๆ แต่จะให้เขาส่งคนแอบติดตามสืบเรื่องของเธอ ถ้าหากเรื่องนั้นเป็นเรื่องจริง เขาจะต้องรู้สึกแย่อย่างแน่นอน แต่ถ้าหากพูดแบบนี้เธออาจจะปฏิเสธก็ได้
ถูกต้อง เขาอยากจะฟังคำปฏิเสธของเธอมากกว่าที่จะรู้ความจริงบางอย่างที่เขาไม่อยากเห็น
ไป๋มู่ชิงตะลึงเมื่อเธอได้ยินสิ่งที่เขาพูด เธอไม่เคยคาดหวังว่าเฉียวเฟิงจะได้ยินข่าวประเภทนี้
“ใคร ... บอกคุณ?” เธออ้าปากและพูดด้วยความตะลึง
“ใครบอกเรื่องสำคัญเหรอ?”
"ไม่ ... " ไป๋มู่ชิงรีบส่ายหัวจับมือเขาอย่างกังวล "เฟิง ฟังฉันนะ หนานกงเฉินกับฉันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิด จริงๆ แล้วพวกเรา ... "
“คุณรู้จักเขาตั้งแต่เมื่อไหร่?” เฉียวเฟิงถามอย่างระงับความเศร้าในใจ
"ตอนที่ท่านประธานจางได้รับใบคำสั่งซื้อ หนานกงเฉินเป็นเจ้านายของบริษัทนั้นพอดี แล้วพวกเราก็รู้จักกันค่ะ ... "
"คุณว่าอะไรนะ? ใบคำสั่งซื้อนั้นเป็นของบริษัทหนานกงกรุ๊ปงั้นเหรอ? ทำไมคุณถึงไม่บอกผม? "
"คุณไม่ได้ถามฉันนี่คะ" ไป๋มู่ชิงพูดอย่างไร้เดียงสา "ฉันเคยถามคุณว่าทำไมคุณไม่ถามฉันว่าอีกฝ่ายเป็นบริษัทอะไร แต่คุณไม่สนใจที่จะรู้ อย่างไรก็ตาม ที่รักคะ คุณเชื่อฉัน ฉันไม่ได้คิดอะไรเกินเลยกับหนานกงเฉิน มีแต่เขาที่เอาแต่พูดว่าฉันเหมือนกับภรรยาเก่า จากนั้น ... "
“เขาบอกว่าคุณคล้ายกับอดีตภรรยาของเขามากงั้นเหรอ?” เฉียวเฟิงรู้สึกหนาวอีกครั้ง
"ใช่" ไป๋มู่ชิงพูดอย่างรีบร้อน "เมื่อคืนเขาเมาและวิ่งลงไปชั้นล่างและบอกว่าเป็นวันครบรอบวันเสียชีวิตของลูกชายเขา อยากให้ฉันไปเป็นเพื่อนเขาสักหน่อย ฉันจึงไปที่ริมแม่น้ำกับเขา"
เฉียวเฟิงที่ได้รับข่าวเรื่องเธอกับหนานกงเฉิน จะต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับเมื่อคืนแน่นอน ไป๋มู่ชิงคิดในใจ จึงรีบชิงสารภาพไปก่อน
“เป็นแบบนี้จริงๆ เหรอ?”
"ใช่" ไป๋มู่ชิงเกี่ยวก้อยสัญญากับเขา"เฟิง วันนี้ฉันบอกกับประธานจางปแล้วว่าไม่ต้องรับใบคำสั้งซื้อจากบริษัทหนานกงกรุ๊ปอีกแล้ว ต่อไปฉันจะไม่ไปเจอเขาอีก ฉันสัญญาว่าจะไม่รักเขา และจะไม่ทิ้งคุณไปไหน "
เฉียวเฟิงตอบด้วยความสับสนและจิตใจของเขาก็เต็มไปด้วยสิ่งที่เธอเพิ่งพูด หนานกงเฉินรู้สึกว่าเธอคล้ายกับอดีตภรรยาของเขามาก!
หนานกงเฉินรักอดีตภรรยาของเขามาก ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้เขาจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเข้าหาเธอและตกหลุมรักเธอ
เขาหลับตาลงและสิ่งที่เขากังวลมากที่สุดก็เริ่มปรากฏขึ้น ตอนนั้นเขาไม่น่าใจอ่อนพาเธอกลับมาที่นี่เลย
ตอนที่เธออยู่ต่างประเทศ ไป๋มู่ชิงไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขมากนัก เพราะเธอไม่ชอบชีวิตในต่างประเทศ ต่อมาเมื่อเขาถามเธอว่าอยากกลับไปที่ประเทศจีน ใบหน้าของเธอก็แสดงความดีใจทันที ในขณะนั้นเขาตัดสินใจพาสองแม่ลูกกลับไปใช้ชีวิตที่ประเทศจีน
ตอนนี้ดูเหมือนว่าการตัดสินใจครั้งนี้จะผิดพลาด
"ที่รัก โปรดเชื่อใจฉันเถอะค่ะ" เธอเขย่าแขนของเขาดวงตาของเธอเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด
เฉียวเฟิงมองไปที่เธอและพูดประโยคที่ขมขื่น "ผมเชื่อคุณ แต่ผมไม่เชื่อเขา"
เขายังคงเชื่อในตัวของไป๋มู่ชิง แต่เขาไม่สามารถเชื่อในหนานกงเฉินได้ เฉียวเฟิงพูดถูกถ้าหนานกงเฉินรู้ว่าไป๋มู่ชิงกับเสียวหว่านชิงเป็นภรรยาและลูกสาวของเขา เขาจะพาพวกเธอกลับไป เขากังวลว่าวันหนึ่งหนานกงเฉินจะจำไป๋มู่ชิงได้ จากนั้นจะพาพวกเธอกลับไป
ไป๋มู่ชิงครุ่นคิดสักพักและพูดว่า "ถ้าคุณเป็นห่วงจริงๆ ฉันจะไปต่างประเทศกับคุณ เราจะอยู่ห่างจากเขาโอเคไหม? "
“คุณเต็มใจจริงๆ เหรอ?”
ไป๋มู่ชิงพยักหน้า "ฉันเต็มใจ ตราบใดที่คุณมีความสุข ฉันเต็มใจทำทุกอย่างที่คุณต้องการ"
เฉียวเฟิงมองไปที่เธอด้วยท่าทางจริงจัง หลังจากที่รู้สึกเหน็บหนาวมาตลอดเช้าในที่สุดหัวใจของเขาก็อุ่นขึ้นเล็กน้อย แต่เขารู้ดีว่าหนานกงเฉินจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เพียงแค่คิดว่าสักวันเขาจะจำไป๋มู่ชิงได้ ในใจของเขาก็รู้สึกไม่สบายใจ
ไป่มู่ชิงเห็นว่าการแสดงออกบนใบหน้าของเขายังคงหนักอึ้งจึงพูดอย่างระมัดระวัง “ฉันพูดไปหมดแล้ว ที่รักยังไม่ยกโทษให้ฉันอีกเหรอคะ?”
"ผมไม่ยกโทษให้คุณ" เฉียวเฟิงสูดหายใจ "ผมแค่กังวลว่าเขาจะมายุ่งกับคุณอีก"
"คุณสบายใจได้เลยค่ะ ตราบใดที่ฉันชอบเขา ต่อให้เขาตื๊อฉัน ยังไงก็ไม่มีประโยชน์"
เฉียวเฟิงยิ้มอย่างขมขื่น เขาไม่อยากจะคิดเลยว่าหากวันหนึ่งไป๋มู่ชิงรู้ความจริง ยังจะพูดแบบนี้อีกหรือไม่ คงจะไม่แน่นอน!
หนานกงเฉินมาถึงบริษัทในตอนบ่าย เลขาเหยียนมองใบหน้าที่ทรุดโทรมดกว่าปกติของเขาจึงถามด้วยความกังวล "คุณชายเฉิน เมื่อคืนดื่มอีกแล้วเหรอคะ? "
เมื่อคืนนี้เป็นวันครบรอบการเสียชีวิตของลูกชายของคุณชายเฉิน และแน่นอนว่าเธอรู้
หนานกงเฉินพยักหน้า "ดื่มไปนิดหน่อย แล้วก็ได้ทำในสิ่งที่อยากทำมาตลอด"
"เรื่องอะไรเหรอคะ? "
“ไม่ใช่เรื่องดีหรอก” หนานกงเฉินยิ้มอย่างขมขื่น แม้ว่าเขาจะทำเช่นนั้น แต่เขาก็ทำให้ผู้หญิงคนนั้นตกใจกลัว
อันที่จริงเมื่อคืนเขาไม่ได้เมา เพียงแค่นึกถึงฉากตอนที่เขาจูบเธอคืนนั้นที่เมืองเยว่ ตอนนั้นเขาไม่ได้สังเกตอะไรเลยและตอนนี้ก็นึกขึ้นได้อีกครั้งและค่อยๆ จำมันได้
เขาจำได้ว่าลมหายใจของเธอคุ้นเคยมากและความรู้สึกนี้ค่อยๆ กระตุ้นความปรารถนาของเขาที่จะสำรวจต่อไป ดังนั้นเมื่อคืนนี้เขาจึงคลายข้อสงสัยด้วยการดื่มแอลกอฮอล์
ใช่แล้ว ลมหายใจของเธอคุ้นเคยมาก เพียงแต่ชัดเจนแล้วจะมีประโยชน์อะไร นอกจากรู้สึกกับเธออย่างลึกซื้งมากกว่าเดิมแล้วจะมีอะไรอีก?
เขาจะเป็นผู้ชายเลว ๆ ที่แย่งภรรยาของคนอื่นเพื่อเก็บความรู้สึกนี้ไว้จริงๆ เหรอ? เขาไม่เคยคิดจะทำเรื่องแบบนี้ นับประสาอะไรกับมัน! และแม้ว่าเขาจะทำเช่นนั้น คุณหนูอีอาจจะไม่สนใจเขาไม่ใช่เหรอ?
เขาคิดอยู่พักหนึ่งและในที่สุดก็ส่งข้อความไปหาไป๋มู่ชิง ‘ขอโทษที เมื่อคืนฉันดื่มมากเกินไปและพูดเรื่องไร้สาระ’
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด
เขียนดี แต่แปลได้สับสน วางบทตอนกระโดดไปกระโดดมา...