สรุปตอน บทที่ 211 บทที่สำคัญ 2 – จากเรื่อง เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด โดย เยว่กวางจู่อวี
ตอน บทที่ 211 บทที่สำคัญ 2 ของนิยายInternetเรื่องดัง เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด โดยนักเขียน เยว่กวางจู่อวี เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
คุณตำรวจกลัวว่าเมื่อผู้ร้ายตื่นตระหนกแล้วจะขุ่นเคืองจนโมโหขึ้นมาจากนั้นก็ทำร้ายตัวประกันจนถึงแก่ชีวิต ภายใต้คำขอร้องของหนานกงเฉินจึงเปลี่ยนชุดเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบ
สถานที่ที่เฉียวเฟิงส่งให้เขาคือภายในหมู่บ้านชานเมืองทางตะวันตกของเมืองซี อีกทั้งพวกเขายังไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ มาตลอด
ทางนั้นจะต้องเป็นโรงงานเป็นแน่ หมู่บ้านชานเมืองส่วนมากจะเป็นบ้านพักส่วนตัวที่มีความสูงสามสี่ชั้น ผู้ที่พักอาศัยอยู่ล้วนเป็นผู้ใช้แรงงานที่ทำงานอยู่ภายในโรงงาน
และเวลานี้ ไป๋มู่ชิงเพิ่งฟื้นขึ้นมาจากการสลบ เธอขยับร่างกายและรู้สึกว่าตัวเองยังคงถูกมัดเอาไว้เหมือนเดิม ดูเหมือนว่าหากต้องการหลบหนีคงเป็นเรื่องที่ยากมาก
เธอจำได้ว่าขณะที่เธอกำลังโวยวายอยู่ภายในรถตู้นั้น ฝ่ายคนร้ายได้วางยาสลบให้เธอเป็นลมไป เวลานี้บริเวณรอบ ๆ มืดมิดไปหมด ดูเหมือนว่าท้องฟ้าได้มืดลงแล้ว ทันใดนั้นเองเธอก็คิดถึงหว่านชิงขึ้นมา ไม่รู้ว่าตอนนี้ลูกเธอจะเป็นอย่างไรบ้าง จะถูกพวกพ้องของพวกมันจับตัวไปหรือไม่
“ฟื้นแล้วเหรอ ?” อยู่ ๆ ข้างลำตัวเธอก็มีเสียงคนแปลกหน้าดังขึ้นมา
ไป๋มู่ชิงเงยหน้าเรียวเล็กของตนขึ้นมา เมื่อมองเห็นผู้ชายแปลกหน้าที่ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำเบื้องหน้า จึงรีบสอบถามทันทีอย่างกระวนกระวายใจ : “ลูกสาวฉันล่ะ ? พวกแกทำอะไรกับเธอ ?”
“แกยังมีหน้ามาถามเรื่องลูกสาวอีกเหรอ ?” ชายผู้นั้นง้างมือขึ้นมาตบลงใบหน้าของเธอ : “ถ้าไม่เป็นเพราะแก ตอนนี้พวกเราจะถูกตำรวจประกาศจับเหรอ ? และตาของฉัน เกือบจะบอดไปแล้ว !”
ไป๋มูชิ่งถูกเขาตบหน้าจนร้องตกใจขึ้นมา บริเวณแก้มของเธอได้บวมแดงขึ้นตั้งนานแล้ว
ทว่าเธอยังคงกล่าวขอร้องขึ้นมาโดยไม่เกรงกลัวต่อความตาย : “พวกนายจะตีหรือฆ่าฉันก็ได้ แต่ลูกสาวของฉันยังเด็กอยู่ เธอไม่รู้อะไรเลย ขอร้องพวกนายอย่าทำร้ายเธอเลยนะ ขอร้องละ……”
“แกมาขอร้องฉันมันจะไปมีประโยชน์อะไร ? ฉันเป็นแค่คนที่รับเงินมาแล้วทำตามเท่านั้น !”
“นายรับเงินใครมาทำร้ายฉันกันแน่ ? ฉันไม่เคยไปมีเรื่องกับใครเลยนะ ? ทำไมต้องทำอย่างนี้กับฉันด้วย ?”
“ตอนที่เธอแย่งสามีคนอื่น ทำไมถึงไม่คิดผลที่จะตามมาบ้าง ?” ชายผู้นั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงดูถูกเหยียดหยาม
ไป๋มู่ชิงอึ้งไปกับคำพูดของเขา จากนั้นจึงส่ายหน้าทันควัน : “ฉันเปล่านะ ! ฉันไม่เคยแย่งสามีของใครเลย……ฉันมีสามีแล้วฉันจะไปแย่งสามีคนอื่นมาได้ยังไงกัน……”
และทันใดนั้นเองเธอก็นึกถึงคำเตือนที่จูจูพูดกับตนในตอนนั้นพร้อมทั้งใบหน้าที่เคร่งขรึมน่ากลัวอย่างยิ่งของเธอด้วย และในที่สุดเธอก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดวันนี้ตนถึงตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ! ผู้หญิงคนนั้นชั่วร้ายจนน่ากลัว ชั่วร้ายจนไม่มีขอบเขต !
เธอรีบใช้มือดึงขากางเกงของชายผู้นั้นเอาไว้ทันที จากนั้นก็กล่าวขอร้อง : “เธอให้นายเท่าไหร่ ? ฉันจะให้นายสองเท่าเลย ขอแค่นายปล่อยพวกเราสองแม่ลูกไป……การที่พวกนายทำแบบนี้มันผิดกฎหมายนะ กฎหมายไม่มีทางปล่อยพวกนายไปแน่……”
“ถึงยังไงเจ้าหนี้พวกนั้นก็ไม่ยอมปล่อยฉันไปหรอก ยังไงก็ต้องตายอยู่ดี ฉันจะกลัวอะไร ?”
“ฉันจะช่วยนายคืนหนี้เอง……”
“หุบปาก คนเจ้าเล่ห์อย่างแกมีแค่ผีเท่านั้นแหละที่จะเชื่อ !” ชายผู้นั้นสะบัดขาอย่างแรง ทำให้มือของเธอหลุดออกจากขาเขา
“พี่รอง เรารีบจัดการ รีบแยกย้ายกันดีกว่า ไม่อย่างนั้นถ้าตำรวจตามมาจะยุ่งเอานะ” ชายอีกคนที่อยู่ข้าง ๆ พูดเร่ง
ชายหนุ่มหันหน้าไปหา : “นายโทรไปยืนยันหน่อยว่าให้จัดการยังไงกันแน่ บอกเขาว่าถ้าจะให้จัดการละก็ รีบโอนเงินเข้ามา”
“ครับ” ชายอีกคนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเครื่อง จากนั้นก็รีบโทรหาเบอร์หนึ่งทันที
หลังจากที่ปลายสายรับแล้วเขาก็พูดขึ้นอย่างตรงไปตรงมาทันทีว่า : “คุณหนูจู เอาเด็กกลับคืนมาไม่ได้ ตอนนี้คุณหนูอีอยู่ในมือของพวกเราแล้ว ขอถามหน่อยว่าจะต้องทำยังไงต่อ ?”
จูจูที่อยู่ปลายสายในเวลานี้กำลังเล่นที่สระว่ายน้ำภายในสวนดอกไม้เป็นเพื่อนเสียวหว่านชิงอยู่ มือหนึ่งของเธอหยิบโทรศัพท์ อีกมือโอบเสียวหว่านชิงเอาไว้ นิ้วมือลูบไปบนแก้มเล็ก ๆ ของเธออย่างอ่อนโยน จากนั้นเธอก็ก้มหน้ามองเสียวหว่านชิงที่อยู่ข้าง ๆ พร้อมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอันเย็นชาว่า : “ฉันจะจัดการเด็กเอง อีกคน……จัดการให้ฉันเดี๋ยวนี้”
“จัดการตอนนี้เลยได้ แต่เงินครึ่งหนึ่งที่คุยกันไว้ล่ะ ?” ชายหนุ่มถาม
“ฉันจะโอนให้เดี๋ยวนี้แหละ” จูจูวางสายโทรศัพท์ จากนั้นก็กดไปมาอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์
หลังจากที่เธอโอนเงินเสร็จสรรพ จึงพบว่าเสียวหว่านชิงกำลังเงยหน้ามองตนด้วยสายตาฉงนสงสัย เธอจึงฉีกยิ้มส่งไปให้พร้อมลูบเส้นผมของเธอ : “คุณพ่อบอกว่ารถติดนิดหน่อย อีกเดี๋ยวก็จะถึงแล้ว พวกเรารออีกหน่อยโอเคไหมคะ”
เสียวหว่านชิงพยักหน้า
--
ไป๋มู่ชิงสามารถได้ยินเสียงพูดของผู้หญิงที่อยู่ปลายสายได้เลือนราง เธอจึงรู้สึกกระส่ายกระสับขึ้นมากกว่าเดิม
ทำอย่างไรดี ? ดูท่าทางพวกเขาแล้วไม่เหมือนกำลังทำให้เธอหวาดกลัวเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าต้องการฆ่าแกงกัน ถ้าหากเธอยังไม่คิดหาวิธีหนีเอาตัวรอดออกมา เช่นนั้นวันนี้จะต้องตายแหงแก๋เป็นแน่
เธอถือโอกาสตอนที่พวกนั้นกำลังรอยอดเงินเข้าบัญชี รีบพูดขึ้นมาภายใต้จิตใจอันร้อนรน : “ฉันอยากไปเข้าห้องน้ำ”
เธอไม่มีวิธีอื่นแล้ว ทำได้เพียงถ่วงเวลาให้ได้มากที่สุด
“ห้ามไป” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงดุดัน
“นี่คือคำขอร้องสุดท้ายก่อนที่ฉันจะตาย พวกแกยังไม่ยอมให้ฉันไปอีกงั้นเหรอ ? พวกแกไม่กลัวฉันตายเป็นผีแล้วตามรังควานเหรอ ?” ไป๋มู่ชิงพูดขู่ด้วยความโมโหพร้อมใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตา
“อย่าคิดเอาเรื่องนี้มาทำให้พี่ตกใจหน่อยเลย ทั้งชีวิตนี้พี่ไม่เคยเชื่อเรื่องเทพเรื่องผีสาง เชื่อแต่ตัวเอง”
ครั้นชายอีกผู้หนึ่งกลับสะดุ้งโหยงพร้อมกล่าวว่า : “ให้เธอไปเถอะ ถึงยังไงเธอก็หนีไม่พ้นหรอก”
ชายหนุ่มทำได้เพียงแกะเชือกที่สองขาของไป๋มู่ชิงออก จากนั้นก็ผลักเธอเข้าห้องน้ำไป
หลังจากไป๋มู่ชิงเข้าห้องน้ำไปแล้วจึงรีบล็อกประตูโดยเร็ว จากนั้นก็พิงประตูแล้วเริ่มกวาดสายตามองทุกมุมในห้องน้ำ
จากนั้นก็มีเสียงกล่าวตักเตือนดังขึ้นมาจากหน้าประตู : “นังตัวดี ฉันขอเตือนเธอไว้นะอย่าเล่นแง่ นอกหน้าต่างคือกำแพงที่เต็มไปด้วยตะปูนะโว้ย ถ้าแกกล้ากระโดดลงไปจะต้องตายอย่างน่าเวทนาสุด ๆ เลยแหละ และก็ถ้าแกกล้าร้องขอความช่วยเหลือจากคนอื่น ฉันจะข่มขืนแกแล้วฆ่าทิ้งทันที……”
คำขู่อันน่ากลัวเข้ามากระทบใบหูเป็นชุด ๆ ไป๋มู่ชิงกระวนกระวายจนขีดสุด ครั้นกลับไม่รู้ว่าควรทำเช่นไรดี
เธอใช้ฟันกัดเชือกที่มัดแขนเธอเอาไว้อย่างแรง จากนั้นก็ปีนขึ้นขอบหน้าต่างไป ด้านล่างเห็นกำแพงที่มีตะปูตั้งอยู่เต็มไปหมดอย่างที่เขาว่า ถ้าหากกระโดดลงจากตรงนี้ไม่เพียงแต่อาจถูกตะปูทิ่มแทงจนพรุนเป็นรังผึ้ง และอาจจะหล่นลงบนพื้นปูนซีเมนต์ตายก็เป็นได้
เธอปิดปากเอาไว้ กระวนกระวายใจจนไม่รู้ว่าควรทำเช่นไรดี
จากนั้นก็มีเสียงผู้ชายดังเข้ามาจากหน้าประตู : “พี่รอง เงินเข้าแล้วครับ พวกเรารีบจัดการรีบหนีเอาตัวรอดกันเถอะ”
“รอมันออกมาก็จัดการได้เลย” อีกเสียงหนึ่งกล่าว
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ ไป๋มู่ชิงจึงรู้สึกหวาดกลัวยิ่งกว่าเดิม เธอคิดว่าตกลงไปตายยังดีเสียกว่าให้พวกมันฆ่าตาย คิดได้ดังนั้นเธอใช้สองมือเกาะขอบหน้าต่างเอาไว้ จากนั้นก็ปีนขึ้นไปอย่างยากลำบาก
หน้าต่างห้องน้ำเล็กมาก ลำตัวครึ่งท่อนของเธอสามารถฝืนยัดเข้าไปได้ ทันใดนั้นเองเธอมองเห็นด้านล่างมีเงาคนวิ่งกรูเข้ามาอยู่จำนวนมาก หนึ่งในนั้นคือหนานกงเฉิน เมื่อเห็นเงาร่างอันคุ้นเคยแล้วเธอจึงรู้สึกราวกับเห็นความหวัง น้ำตาจึงไหลรินลงมาทันที
หนานกงเฉินที่อยู่ด้านล่างมองเห็นเธอแล้วเช่นกัน และเมื่อเขาเห็นว่าเธออาจจะกระโดดลงมา จึงรีบโบกไม้โบกมือให้เธอด้วยความกระวนกระวาย : “มู่ชิงรีบกลับไป……อย่ากระโดดเด็ดขาด……”
ไป๋มู่ชิงใช้มือปิดปากไว้พร้อมร้องไห้โฮ เธอไม่กล้าทำเสียงดัง ทำได้เพียงร้องไห้โดยไม่มีเสียง และขอความช่วยเหลือโดยไม่มีเสียง
“อย่ากลัว ผมจะต้องช่วยคุณมาให้ได้……เชื่อผมนะ……” หนานกงเฉินพูดจบแล้วก็วิ่งพุ่งเข้าไปในประตูใหญ่ของตึกเล็ก ๆ ด้วยความเร็ว จากนั้นเขาก็กระชากประตูใหญ่ออก พบว่าประตูถูกล็อกเอาไว้แน่น เขาซึ่งขณะนี้กำลังร้อนรนใจอยู่นั้นจึงออกมาข้างนอกใหม่ พร้อมกวาดสายตามองรอบ ๆ สุดท้ายก็เลือกที่จะปีนกำแพงของบ้านข้าง ๆ ขึ้นไป
“คุณชายเฉิน อันตราย……” ผู้ที่มาพร้อมกันพูดห้ามปรามเขา
หนานกงเฉินไม่สามารถสนใจเรื่องอื่นได้ เขาคิดเพียงว่าต้องปีนขึ้นด้านบนตึกให้เร็วที่สุด จากนั้นก็เข้าไปช่วยเหลือไป๋มู่ชิงกลับคืนมาในขณะที่คนร้ายยังไม่รู้ตัว ไม่อย่างนั้นถ้าพวกมันรู้ตัว ไป๋มู่ชิงต้องตกอยู่ในอันตรายเป็นแน่
ผู้ชายที่รับผิดชอบเฝ้าทางเห็นด้านล่างมีคนอยู่มากมาย จึงรีบวิ่งกลับเข้าห้องพร้อมพูดกับชายทั้งสองคนว่า : “แย่แล้ว ด้านล่างมีคนมาเพียบเลย”
“นายว่าอะไรนะ ?” ชายทั้งสองคนวิ่งมายังระเบียงจากนั้นก็ก้มมองด้านล่าง และเห็นมีคนมากมายอยู่ด้านล่างจริง ๆ
พวกเขาอึ้งไป จากนั้นหนึ่งในนั้นก็รีบสาวเท้ามุ่งมายังห้องน้ำพร้อมพูดว่า : “รีบฆ่ามันซะแล้ววิ่งหนีไปจากชั้นบน”
เขาถีบประตูไม้ของห้องน้ำออกด้วยเท้าเดียว จากนั้นก็กระชากไป๋มู่ชิงลงมาจากขอบหน้าต่าง ในมือถือมีดหั่นผลไม้ที่เอาออกมาจากกระเป๋ากางเกงไว้เรียบร้อยแล้ว
เมื่อไป๋มู่ชิงเห็นมีดที่อยู่ในมือเขาจึงตกใจจนขวัญเสียทันที เธอกรีดร้องจากนั้นก็เดินถอยหลังไป
“พี่รอง ถ้าฆ่าเธอแล้วพวกเรายังหนีไปได้อยู่อีกไหม ? พวกเราพาเธอไปเป็นตัวประกันที่ด้านบนก่อน” ชายอีกผู้หนึ่งกล่าว
ไป๋มู่ชิงกลืนน้ำลายลงคอจากนั้นก็รีบพูดขึ้นมา : “พวกนายอย่าทำนะ……ฆ่าคนต้องถูกประหารชีวิตนะ……ถ้าตอนนี้พวกนายล้มเลิกอย่างมากก็แค่เข้าคุก……”
“หุบปากเดี๋ยวนี้……!” ชายหนุ่มง้างมือขึ้นหมายจะตบเธอ
ไป๋มู่ชิงจึงใช้สองมือกุมใบหน้าของตนเอาไว้ทันที
ชายหนุ่มไม่ได้ตบเธอ ครั้นคว้าเธอพร้อมกระชากเธอออกจากห้องน้ำมา จากนั้นก็เดินมุ่งไปชั้นบน พร้อมพูดกำชับพวกพ้องว่า : “รีบไปเร็ว ขึ้นไปชั้นบนสุด”
อาณาบริเวณนี้ไม่มีผู้ใดคุ้นเคยมากกว่าพวกเขาอีกแล้ว จากชั้นบนนั้นเป็นเส้นทางดีในการหนีเอาตัวรอดโดยแท้จริง พวกเขาพาไป๋มู่ชิงมายังชั้นบนสุดของตึก ขณะที่กำลังจะกระโดดลงไปจากตึกเพื่อนบ้านนั้น อยู่ ๆ เบื้องหน้าก็มีเงาร่างคนปรากฏขึ้นมา
เท้าของพวกเขาหยุดชะงักลง พร้อมทั้งมองหนานกงเฉินที่กระโดดข้ามมาจากบนตึกที่อยู่ข้าง ๆ อย่างระมัดระวัง
“คุณชายเฉิน……” ไป๋มู่ชิงตะโกนออกมาเสียงเบา จากนั้นน้ำตาก็ไหลรินลงด้วยความอัดอั้นตันใจ
“มู่ชิง……ได้โปรดอดทนเอาไว้นะได้ยินไหม ? ขอแค่เธออดทนผ่านครั้งนี้ไปได้ ขอแค่เธอหายดี ฉันสาบานว่าจากนี้ไปฉันจะไม่ไปยุ่งกับเธออีกแล้ว จะไม่โผล่หน้ามาให้เธอเห็นอีก จะไม่บังคับเธอทำเรื่องอะไรทั้งนั้น……” น้ำตาของหนานกงเฉินพรั่งพรูออกมา จากนั้นเขาก็พูดอ้อนวอนด้วยความเจ็บปวดหัวใจ : “มู่ชิง……อุบัติเหตุที่รุนแรงแบบนั้นเธอยังรอดมาได้เลย ครั้งนี้ก็ต้องรอดมาได้เหมือนกันใช่ไหม……ถ้าเธอตายไปแบบนี้ ฉันจะตายตามเธอไปจริง ๆ แล้วนะ เธอทนได้ไหม……”
ไป๋มู่ชิงที่นอนอยู่บนพื้นขยับดวงตาเล็กน้อยด้วยความเจ็บปวด จากนั้นก็ลืมตาขึ้นมาทีละนิด
ภาพที่อยู่เบื้องหน้ากำลังหมุนวนไป เธอมองเห็นใบหน้าอันทุกข์ทรมานของหนานกงเฉิน นัยน์ตาที่เต็มไปด้วยน้ำตา หัวใจของเธอ……เจ็บปวดขึ้นมาตามเขาทันที
เธออยากยื่นมือออกไป ครั้นกลับไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ทำได้เพียงร้องเรียกเสียงเบา : “เฉิน……”
หนานกงเฉินรีบจับมือเล็ก ๆ ของเธอเอาไว้ทันที พร้อมพูดขึ้นอย่างเป็นกังวลใจ : “มู่ชิงเธอฟื้นแล้วเหรอ เธอจะต้องอดทนไว้ห้ามหลับไปอีกเข้าใจไหม ?”
“เฉิน……” ไป๋มู่ชิงน้ำตาไหลรินลงตามเขา จากนั้นก็กล่าวขึ้นมาอย่างยากลำบากอีกครั้งว่า : “หว่านชิง……เธอ……”
“ตอนนี้หว่านชิงสบายดี เธอไม่ต้องห่วง” หนานกงเฉินกล่าวปลอบใจ
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา อยู่ ๆ ไป๋มู่ชิงก็ยิ้มขึ้นมาอย่างยากลำบาก จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงอันสั่นเครือ : “คุณ……จะต้องปกป้อง……หว่านชิง……เธอ……”
หนานกงเฉินรีบพยักหน้า : “ขอแค่เธอหายดี ฉันจะปกป้องเธออย่างดีแน่นอน”
“มู่ชิง……” หนานกงเฉินตกตะลึงไปในทันใด เวลาต่อมาก็ร้องเรียกด้วยความกังวลใจว่า : “มู่ชิงเธอรีบฟื้นขึ้นมาเร็วเข้า ตกลงกันแล้วไม่ใช่เหรอว่าจะอดทนเอาไว้ ? มู่ชิง……!”
ทันใดนั้นเขาก็หันหน้าไปด้านหลัง จากนั้นก็ตะโกนใส่กลุ่มคนที่ยืนอยู่เบื้องหลัง : “รถพยาบาลล่ะ ? ทำไมรถพยาบาลยังไม่มาถึงอีก……!”
“คุณผู้ชายใจเย็น ๆ นะครับ รถพยาบาลใกล้จะถึงแล้วครับ” มีคนกล่าวขึ้นมาจากในกลุ่มคน
เวลาต่อมาก็มีเสียงของรถพยาบาลดังขึ้นมาจากด้านนอกตรอกซอย จากนั้นก็มาถึงจุดเกิดเหตุโดยเร็ว เจ้าหน้าที่กู้ภัยรีบบึ่งลงมาจากบนรถด้วยความรวดเร็ว หลังจากที่ตรวจสอบร่างกายอย่างง่าย ๆ ให้ไป๋มู่ชิงเสร็จแล้ว ก็ยกเธอขึ้นบนเปลและส่งขึ้นรถพยาบาลไป
หนานกงเฉินขึ้นรถไปพร้อมเธอ เขานั่งอยู่อีกด้านหนึ่ง เหงื่อเย็น ๆ ค่อย ๆ ไหลลงพื้นรถ ไม่ทราบว่าเนื่องด้วยความเป็นห่วงหรือบาดแผลที่ทำให้ขาดเลือดเยอะเกินไป
หลังจากที่พยาบาลช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้ไป๋มู่ชิงแล้วนั้น จึงหันหน้ามาพูดกับหนานกงเฉินว่า : “คุณผู้ชาย ดูแล้วคุณเองก็อาการไม่ค่อยดีเลยนะคะ ให้ฉันช่วยคุณจัดการแผลบนแขนคุณหน่อยดีกว่า”
“ไม่ต้องสนใจผม ตอนนี้ช่วยเธอก่อน !” หนานกงเฉินชักแขนกลับคืนมาด้วยความเกรี้ยวกราด
เมื่อนางพยาบาลถูกเขาตะคอกมาเช่นนี้ จึงทำได้เพียงไม่เข้าไปยุ่งกับเขา
ไป๋มู่ชิงถูกส่งไปยังโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่สุด จนกระทั่งส่งเธอเข้าห้องฉุกเฉินแล้ว หนานกงเฉินค่อยหยุดเท้าตนเอง จากนั้นก็ลงไปนั่งบนเก้าอี้ที่อยู่ข้าง ๆ ช้า ๆ
เขาหลับตาลง ภายในสมองว่างเปล่า
เขาไม่กล้าไปคิดว่าครั้งนี้ไป๋มู่ชิงจะยังมีชีวิตรอดได้อีกหรือไม่ เขารู้เพียงว่าเธอหล่นลงมาจากชั้นสาม ทำให้มีเลือดออกเยอะมาก ๆ อีกทั้งตลอดทางก็ไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลย
--
จูจูพาเสียวหว่านชิงเล่นน้ำอยู่ข้าง ๆ สระว่ายน้ำ เมื่อเห็นท่าทางไม่ร่าเริงของเธอ จูจูจึงยิ้มพร้อมพูดขึ้นน้ำเสียงนุ่มนวล : “หว่านชิงเป็นอะไรไปคะ ? ทำไมไม่ยิ้มแล้วล่ะ ?”
“หนูคิดถึงคุณพ่อคุณแม่” เสียวหว่านชิงกล่าวด้วยสีหน้าบูดเบี้ยว
“เมื่อกี้น้าบอกแล้วไม่ใช่เหรอคะ พ่อของหนูกำลังมา น่าจะใกล้ถึงแล้วแหละ” จูจูชี้นิ้วไปยังน้ำที่อยู่ในสระ : “หนูดูสิน้ำในสระสะอาดมากเลยนะ พวกเราลงไปเล่นน้ำดีไหมคะ ?”
“หนูไม่อยากเล่นน้ำ หนูอยากกลับบ้าน”
“หว่านชิงไม่ดื้อนะ พวกเรารออีกหน่อยดีไหมคะ ?” จากนั้นจูจูก็คิดแผนการขึ้นมา : “หรือไม่น้าให้พี่สาวคนนั้นไปเอาของกินมาให้หว่านชิงทานดีไหมคะ ?”
เมื่อจูจูพูดจบจึงหันหลังไปพูดกับสาวคนรับใช้ที่ยืนเฝ้าอยู่ข้าง ๆ มาตลอด : “เธอไปเอาของอร่อยมาให้หว่านชิงหน่อยสิ เอามาเยอะ ๆ หน่อยนะ”
สาวคนรับใช้พยักหน้า จากนั้นก็หันหลังเดินเข้าบ้านไป
ในที่สุดภายในสวนก็เหลือเพียงพวกเธอสองคนแล้ว บนใบหน้าของจูจูเหี้ยมโหดขึ้นมา เมื่อเธอลงไปในน้ำก็ได้คว้าเสียวหว่านชิงลงมาด้วย
ทันใดนั้นเสียวหว่านชิงก็ถูกเธอกดลงใต้น้ำ เด็กตัวน้อยลำลักน้ำจนต้องใช้มือตีไปมาเพื่อดิ้นรนขัดขืน ขณะเดียวกันผิวน้ำก็มีฟองลอยขึ้นมาเป็นจำนวนมาก
“นังหนู อย่าว่าฉันใจร้ายเลยนะ ถ้าจะโทษก็โทษตัวแกเองเถอะที่คลอดออกมาเป็นทายาทของตระกูลหนานกง” จูจูกัดฟันกรอบจากนั้นก็กดร่างน้อย ๆ ของเธอเอาไว้อย่างแรง
เป็นครั้งแรกที่ทำร้ายชีวิตน้อย ๆ เช่นนี้ ภายในใจของเธอยังคงมีความรู้สึกหวาดกลัวอยู่บ้าง ทว่าเพื่อเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม เธอจึงกัดฟันแน่น ฝืนใจไม่ให้ตนเองทิ้งโอกาสอันมีค่านี้ไปเนื่องจากความกลัวของตน
เสียงหนึ่งที่อยู่ในใจเอาแต่ดังขึ้นมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า : ขอเพียงเด็กคนนี้ตาย เธอก็จะสามารถมีชีวิตได้อย่างปกติสุข……
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด
เขียนดี แต่แปลได้สับสน วางบทตอนกระโดดไปกระโดดมา...