ไป๋มู่ชิงเดินไปนั่งลงข้างกายเขาแล้วช่วยเขาทำแผลอย่างระมัดระวัง
ครั้งก่อนก็อยู่บนโซฟานี้ เขาช่วยเธอทำหาบนนิ้วมือ วันนี้เปลี่ยนเป็นเธอช่วยเขาแทน
ระหว่างเธอกับเขา……ดูเหมือนว่าจะเกี่ยวข้องกับบาดแผล ก็เหมือนกับคำเล่าลือว่าต้องผ่านความยากลำบากด้วยกันงั้นเหรอ?
หนานกงเฉินมองไปที่มือข้างขวาที่เธอจับสำลีไว้ แผลบนนิ้วมือหายดีแล้ว แต่ว่ารอยไหม้บนหลังมือก็ยังทำให้ตกใจแล้วเป็นห่วงมาก
เขายื่นมือไปจับมือเธอไว้แล้วเอ่ย "ตอนนั้นเกิดอุบัติเหตุได้ยังไง บอกผมได้ไหม?"
หลังจากที่เธอฟื้นคืนความจำ เขาก็อยากจะถามคำถามนี้กับเธอ แต่ก็ห้ามใจไว้ไม่อยากให้เธอนึกถึงความทรงจำที่เจ็บปวดนั้นอีก
ครั้งก่อนที่พาเธอไปสถานที่เกิดอุบัติเหตุ ปฏิกิริยาที่เสียใจของเธอก็ทำให้เขาเสียใจมากแล้ว
ไป๋มู่ชิงมองไปที่เขาแล้วส่ายหน้า "ช่างเถอะ ผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว ถ้าฉันบอกนายก็จะทำให้นายรู้สึกผิด อย่าพูดดีกว่า"
ถ้าบอกเขาว่าจูจูไล่ตามเธอ เขาก็คงโกรธจนกลับไปเฆี่ยนตีจูจู ใช่ ทำได้แค่เฆี่ยนตีเธอ ฆ่าไม่ได้ด้วย นี่จะทำให้เขายิ่งโมโหหงุดหงิดไปกว่าเดิม
กับสุนัขที่วิ่งพุ่งออกมาเป็นเพราะอะไรเธอเดาได้ว่า อาจจะเป็นเพราะผู่เหลียนเหยา นอกจากผู่เหลียนเหยา เธอก็นึกไม่ถึงเลยว่าใครยังจะมีความสามารถนี้ สามารถวางแผนได้ในเวลาอันน้อยนิด
"ทำไมถึงไม่พูดล่ะ?" หนานกงเฉินมองไปที่เธอ
"วิดีโอนายก็เห็นแล้ว ก็แบบนั้นแหละ ไม่ระวังก็เลยพุ่งตกทะเลไป"
"จูจูกับผู่เหลียนเหยาร่วมมือทำร้ายเธอใช่ไหม?"
ไป๋มู่ชิงมองไปที่เขา ที่แท้เขาเดาได้แล้ว
เธอแอบดึงมือตัวเองกลับแล้วเอ่ย "เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็อย่าพูดถึงอีกเลย"
"ได้ ไม่พูดแล้ว" หนานกงเฉินลูบเส้นผมเธออย่างเป็นห่วงแล้วเอ่ยอย่างอ่อนโยน "มู่ชิง ไม่ใช่ว่าผมจะไม่ล้างแค้นให้ แต่ว่ายังไม่ถึงเวลา เชื่อใจผมนะ?"
ไป๋มู่ชิงพยักหน้า "อื้อ"
หนานกงเฉินยิ้มอย่างดีใจ "เด็กดี"
ฝ่ามือของเขาเลื่อนจากเส้นผมของเธอไปที่การแก้มแล้วจับอย่างเบามือ ไป๋มู่ชิงก็ยกมือขึ้นจับใบหน้าของตัวเองแล้วเอ่ย "หน้าของฉัน……แปลกมากเลยใช่ไหม"
"ไม่แปลก ยังไงแต่ก่อนเธอก็ไม่ได้สวยขนาดนั้น"
ไป๋มู่ชิงไม่รู้จะเอ่ยพูดยังไง
หนานกงเฉินทอดมองไปที่แก้มอมชมพูของเธอ เอนตัวลงไปจูบ แต่ไป๋มู่ชิงกลับหันหน้าหนี "หนานกงเฉิน นายอย่าทำแบบนี้"
"ทำไมล่ะ?"
"เพราะว่าตอนนี้เราไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกัน" น้ำเสียงของไป๋มู่ชิงเข้มงวดขึ้น "หนานกงเฉิน ถ้านายยังอยากจะเป็นเพื่อนกับฉัน งั้นก็ให้เกียรติฉันได้ไหม?"
"ทำไมต้องพูดให้รุนแรงขนาดนี้ด้วย?" หนานกงเฉินเอ่ย
"นายจะตกลงหรือเปล่า?"
"ผมตกลง" ขอแค่เธอไม่หลบหน้าเขาแล้วไม่ทำท่าทางเหินห่างเขาก็พอใจแล้ว
เส้นทางตามตัวภรรยากลับมายังอีกยาวนาน จะรีบร้อนไม่ได้
ไป๋มู่ชิงแอบโล่งใจไป ลุกขึ้นแล้วเดินไปที่หน้าต่างแล้วมองลงไป ข้างล่างมีคนเต็มไปหมดพร้อมหันไปมองเขา "นายคิดจะทำยังไงต่อ?"
"เมื่อวานผมก็คิด ถ้าเป็นเธอ เธอจะทำยังไง?" หนานกงเฉินลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินมาข้างกายเธอพร้อมมองลงไปข้างล่างด้วย
"เพื่อความปลอดภัยของร่างกายนายแล้วก็ชื่อเสียงของบริษัท นายก็ทำตามเขาสิ ฉันว่าเขาก็น่าสงสารเหมือนกัน" ไป๋มู่ชิงเอ่ย
"รู้ว่าเธอจะพูดแบบนี้" หนานกงเฉินยิ้ม "แต่ว่าที่ผู้ช่วยหวงพูดก็มีเหตุผล ถ้าผมเปิดประเด็นครั้งนี้ แล้วอีกหน่อยถ้ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก หรือว่าอาจจะมีคดีที่ยอมทำร้ายตัวเองแล้วอยากจะได้ค่าเสียหาย เพราะฉะนั้นเพื่อที่จะตัดปัญหา ผมก็เลยเปิดประเด็นนี้ไม่ได้"
"อย่าคิดว่าทุกคนเป็นคนโลภเลย จะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ยังไง?"
"ก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้" หนานกงเฉินพูด "จำได้ว่าตอนนั้นมีโรงงานหนึ่งแล้วมีพนักงานกระโดดตึก คนในโรงงานก็ชดใช้ให้เธอสองแสน เดือนต่อมาก็มีคนกระโดดอีก บริษัทก็ชดใช้ไปอีกสองแสน จากนั้นก็เกิดขึ้นเรื่อยๆจนกระทั่งโรงงานต้องประกาศว่า คนที่คิดสั้นกระโดดตึกจะไม่ให้เงินชดใช้ จากนั้นก็ไม่มีใครกระโดดอีกเลย"
"เรื่องจริงหรือเรื่องปลอมเนี่ย?"
"เรื่องจริง" หนานกงเฉินทอดมองไปที่เธอแล้วยิ้ม "สองปีก่อนเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากของเธอ เธอคงไม่มีอารมณ์ดูข่าวหรอกมั้ง?"
"แล้วนายล่ะ? เวลานั้นนายไม่ลำบากหรอ?"
"ผมก็ลำบากใจ แต่ว่าผมยังมีชีวิตอยู่ ยังต้องทำงานก็เลยได้ยินมา"
"ตอนนั้นนายควรจะยุ่งเรื่องแต่งงานกับจูจูไม่ใช่ไง?" ไป๋มู่ชิงไม่ระวังก็เอ่ยพูดออกมา
เมื่อเธอพูดจบก็รู้สึกเสียใจทันที อยากจะกัดลิ้นตัวเองตาย
สุดท้าย หนานกงเฉินก็รีบหันมามองเธอ "เธอกำลังหึงงั้นหรอ?"
"เปล่าสักหน่อย"
"ผมรู้สึกได้ ยังบอกว่าเปล่าอีก" อารมณ์ของหนานกงเฉินดีขึ้นทันทีเพราะคำพูดของเธอคำนี้
ไป๋มู่ชิงรู้สึกว่าถ้าตัวเองยังไม่รีบออกไป ความรู้สึกในใจจะถูกเขาควักออกมาก็เลยหันหลังเดินกลับไปที่โซฟาแล้วเก็บกวาดกล่องยาบนโต๊ะพร้อมเอ่ย "ฉันกลับก่อนนะ นายอยู่ดีๆล่ะ"
"ผมจะอยู่ดีๆได้ยังไง?" หนานกงเฉินเดินอ้อมไปข้างกายเธอแล้วกอดอกทอดมองไปที่เธอ
ไป๋มู่ชิงเงยหน้าแล้วเอ่ยกับเขา "อย่างน้อยก็อย่างทำตัวเหมือนไม่มีสมองเมื่อกี้ คิดว่าคนทั้งโลกจะกลัวนายไม่กล้าหาเรื่องนาย สุดท้ายก็โดนคนอื่นทำให้เสียโฉม"
หนานกงเฉินยกมือขึ้นจับพลาสเตอร์บนแผลที่เธอติดให้ "ในเมื่อไม่มีใครเอา แล้วจะเก็บหน้านี้ไว้ทำไม"
"หนานกงเฉิน นายคิดว่าตลกหรอ?"
"ผมยังพูดได้ไม่น่าสงสารหรอ?" เธอคิดว่าคำพูดที่น่าสงสารนี้ตลกงั้นหรอ?
"ไม่อยากจะสนใจนาย" ไป๋มู่ชิงเก็บกล่องยาแล้วโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นรับ สีหน้าก็ยิ้มเอ่ยอย่างมีมารยาท "ผู้จัดการเฉิน……ค่ะ……เดี๋ยวฉันจะรีบไป……ไม่ต้องค่ะรูปภาพดูไม่สมจริง ฉันไปดูเค้กที่ร้านคุณดีกว่า……ค่ะ ขอบคุณค่ะ……"
เธอวางสาย เมื่อเงยหน้าก็เห็นว่าหนานกงเฉินมองมาที่ตัวเอง
"วันเกิดใคร?" หนานกงเฉินถาม
ไม่ใช่เธอแล้วหว่านชิงก็ไม่อยู่ในประเทศด้วย งั้นก็คงเป็นเฉียวเฟิง?
เธอลังเลไม่ตอบ แล้วเขาก็เอ่ยถาม "เฉียวเฟิงหรอ?"
ความจริงไป๋มู่ชิงไม่อยากให้เขาอึดอัด แต่ในเมื่อเขาถาม เธอก็เลยพยักหน้า "ใช่"
หนานกงเฉินเหมือนได้ยินเสียงหัวใจตัวเองแตกสลายไป เมื่อกี้ยังดีใจเพราะเธอหึง แต่ตอนนี้เธอก็จะไปเลือกเค้กให้ผู้ชายคนอื่น ความรู้สึกนี้ที่ทิ่มแทงในใจสะใจมาก!
"ใกล้จะถึงวันเกิดผมแล้วด้วย ช่วยผมเลือกด้วยสิ" เขาเอ่ยอย่างหึงหวง
ไป๋มู่ชิงเอ่ย "ของนายยังอีกสองเดือนไม่ใช่เหรอ?"
"ใครบอกว่าจัดงานวันเกิดล่วงหน้าไม่ได้ล่ะ?"
"ฉันคิดว่าจูจูคงจะเลือกให้นาย เธอรักนายขนาดนั้น……"
หนานกงเฉินพูดแทรกเธอ "ผมเคยเตือนเคยหรือเปล่า? ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปห้ามเอ่ยชื่อจูจูต่อหน้าผม"
เมื่อเห็นเขาหงุดหงิด ไป๋มู่ชิงก็ไม่อยากจะยั่วยุเขาอีกก็เลยรับปาก "ได้ เดี๋ยวฉันจะดูของนายให้ด้วยก็ได้"
ก็ได้ แค่ก็ได้!
หนานกงเฉินมองแผ่นหลังเธอที่เดินจากไปเหมือนกำลังหลบหน้าหนีเลยถอนหายใจ
--
เมื่อไป๋มู่ชิงเดินออกไปได้ไม่นาน ผู้ช่วยหลินก็รีบวิ่งมาบอกหนานกงเฉินว่ายามข้างล่างทำให้คนฝั่งตรงข้ามบาดเจ็บ
เมื่อหนานกงเฉินได้ยินก็โมโหขึ้นมาทันที "ผู้ช่วยหวงล่ะ? ผมบอกกับเขาแล้วไม่ใช่เหรอว่าห้ามทำร้ายคนอื่น?"
"ผู้ช่วยหวงก็ได้รับบาดเจ็บเหมือนกันค่ะ "ผู้ช่วยหลินพูด "เมื่อกี้ยังดีอยู่เลย ไม่รู้ว่าใครลงมือก่อนก็ตีกันขึ้นมา"
หนานกงเฉินเดินไปที่หน้าต่างแล้วมองลงไป สุดท้ายก็เห็นภาพเหตุการณ์ที่ทุลักทุเล เขาหันกลับมาคิดไปคิดมาแล้วเอ่ยกับผู้ช่วยหลิน "เรื่องนี้ให้ประธานเซิ่งเป็นคนจัดการ ไม่ต้องมารายงานผมอีก"
"แต่ว่าประธานเซิ่งยังอยู่ที่ลูกค้า ยังไม่กลับมา"
"งั้นก็ให้เซิ่งเคอมา"
"ผู้ช่วยหลินพยักหน้า แล้วหนานกงเฉินเอ่ย "เรียกผู้ช่วยหวงมาเจอผมด้วย"
"ผู้ช่วยหวงได้รับบาดเจ็บกำลังถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลกับคนเจ็บคนอื่นค่ะ" ผู้ช่วยหลินพูด" ถ้าเดี๋ยวผู้ช่วยหวงกลับมาฉันจะให้มาหาคุณค่ะ"
ผู้ช่วยหลินเดินออกไป หนานกงเฉินก็นั่งกลับไปที่เก้าอี้อย่างหงุดหงิด
เซิ่งเคอก็มาถึงอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นสีหน้าหงุดหงิดของเขาก็เลยเอ่ยถาม "พี่ชาย พี่หาผมมีอะไรครับ?"
หนานกงเฉินมองไปที่เขาแล้วเอ่ยด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก "นายไปจัดการเรื่องข้างล่างนี้ให้สงบ ถ้าไม่สงบก็รับผิดชอบด้วยการลาออกไป"
เซิ่งเคอประหลาดใจแล้วเอ่ยถาม "พี่ชาย เรื่องนี้ควรจะให้ฝ่ายธุรการกับฝ่ายประชาสัมพันธ์จัดการไม่ใช่เหรอครับ?"
"เรื่องนี้พวกเขาทำไม่ได้งั้น"
"ผมถ้า……"
"แกทำไม่ได้……" หนานกงเฉินหยุดไปแล้วเอ่ยอย่างเยือกเย็น "ก็ให้พ่อของนายช่วย เขาต้องมีวิธีแน่นอน"
ดูจากที่ผู้ช่วยหวงยอมให้ยามของบริษัททำร้ายคน ดูเหมือนว่าเรื่องนี้ไม่ได้ง่ายเหมือนที่คิด นี่ไม่ใช่มาเพราะเงินชดใช้ แต่จุดประสงค์เพราะอะไรดูเหมือนว่าเซิ่งตงหยางที่ใช้ข้ออ้างว่าเจอกับลูกค้าแล้วหลบหน้ารู้ดีที่สุด
หนานกงเฉินมองไปที่เซิ่งเคอแล้วเลิกคิ้ว "ทำไม? เรื่องแค่นี้ก็ทำไม่สำเร็จเหรอ?"
"เปล่าครับ" เซิ่งเคอพยักหน้า "ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้"
หลังจากที่ออกมาจากห้องทำงานของหนานกงเฉิน เซิ่งเคอก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นโทรหาเซิ่งตงหยาง
โทรศัพท์โทรออกแล้วก็เอ่ยถามตามตรง "พ่อ คนที่อยู่หน้าประตูมาเพราะอะไรกันแน่?"
อีกฝั่งของโทรศัพท์กำลังขับรถอยู่ก็เอ่ยถาม "เซิ่งเคอ ทำไมถึงถามแบบนี้?"
"พ่อ พ่อคิดจะทำอะไรกันแน่?" น้ำเสียงของเซิ่งเคอเข้มขึ้น "พี่ชายรู้แล้วว่าพ่อเป็นคนทำ แล้วสั่งให้ผมจัดการเรื่องนี้ ไม่งั้นก็จะไล่ผมออก"
เซิ่งตงหยางเอ่ยอย่างไม่แคร์ "แกอย่าฟังคำข่มขู่ของเขา เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับฉัน แล้วเขาก็ไม่มีทางไล่แกด้วย"
"พ่อ ไม่ว่าเรื่องนี้พ่อจะเป็นคนทำหรือเปล่า รีบช่วยผมจัดการเรื่องให้สงบเดี๋ยวนี้"
"ได้ เดี๋ยวฉันจะคิดวิธีเอง แค่นี้ก่อน" เซิ่งตงหยางตัดสายโทรศัพท์
--
ใต้ตึก เป็นเพราะตำรวจมาสถานการณ์ก็เลยควบคุมได้ แล้วค่อยจัดการที่เกิดเหตุ
หน้าประตูบริษัทก็กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง ถึงแม้ต่อหน้าจะดูเหมือนว่าเรื่องนี้ผ่านไปแล้ว แต่หลังจากนั้นสำนักข่าวต่างๆก็ขุดคุ้ยข่าวเสียหายเรื่องค่าชดใช้ของบริษัทหนานกงขึ้นมา
แม้แต่คุณหญิงที่อยู่ในคฤหาสน์ก็รู้สึกตกใจ หนานกงเฉินกลับมาก็รีบถามเขาทันทีว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
หนานกงเฉินยิ้มอย่างไม่แคร์แล้วปลอบใจท่าน "แค่เรื่องเล็กๆ ไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับบริษัทครับ"
"จะเรื่องเล็กได้ยังไง? แกดูสิเขาเขียนแกเป็นอะไรแล้ว ยังถูกคนอื่นด่าว่าเลือดเย็นเป็นแวมไพร์ ตระกูลของเราเหมือนที่ไหน" ในมือคุณหญิงจับหนังสือพิมพ์ไว้แล้วเอ่ยอย่างหงุดหงิด
"คุณย่าครับ พวกเธออยากจะพูดก็ให้พูดไปเถอะครับ ไม่ใช่ว่าไม่เคยโดนสักหน่อย" หนานกงเฉินก็ยังเอ่ยด้วยสีหน้าไม่สนใจ คำเล่าลือที่น่าเกลียดก็ไม่ใช่ไม่เคยมี เขาก็ผ่านมาได้ไม่ใช่เหรอ?
คุณหญิงถอนหายใจแล้วเอ่ย "นี่จะเหมือนกันได้ยังไง นี่กระทบกับภาพลักษณ์ของบริษัท ถ้าบริษัทไม่มีภาพลักษณ์แล้วต่อไปแกจะทำยังไง"
ผู่เหลียนเหยาที่อยู่ข้างๆก็เอ่ย "คุณย่าคะ ขอแค่ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ของบริษัทเกิดข้อผิดพลาด ประชาชนก็จะลืมเรื่องนี้เองค่ะ แล้วก็จะไม่มีผลกระทบอะไรกับบริษัทด้วย"
หนานกงเฉินมองไปทางผู่เหลียนเหยาแล้วยิ้มอ่อนพยักหน้า "เหลียนเหยาพูดถูกแล้ว ผมก็ให้เซิ่งเคอเป็นคนจัดการแล้ว เชื่อว่าจะจัดการเรื่องนี้ให้สงบได้"
สุดท้ายคุณหญิงก็ไม่เอ่ยพูดอะไร
"นี่ หน้าแกไปโดนอะไรมา?" คุณหญิงเพิ่มสังเกตุเห็นพลาสเตอร์บนหน้าเขา
"ไม่มีอะไรครับ แค่ไม่ระวังแล้วโดนของขูดโดน" หนานกงเฉินยกมือขึ้นจับไปที่แผลแล้วเอ่ยกับคุณหญิง "คุณย่าครับ ผมขึ้นไปพักผ่อนก่อนนะครับ"
"รีบไปเถอะ" คุณหญิงเอ่ย
เมื่อหนานกงเฉินก้าวเดินขึ้นไปข้างบน เขาเดินกลับไปในห้องทำงานแต่ไม่ได้จากการเรื่องงาน แต่พิงอยู่บนเตียงข้างหน้าต่าง
เขาหลับตาลงแล้วใช้มือทั้งสองข้างนวดตาเบาๆ จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นโทรหาไป๋มู่ชิง
เมื่อสายโทรออกแล้ว ไป๋มู่ชิงก็กำลังใช้โทรศัพท์อ่านข่าวของบริษัทหนานกงอยู่ เธอก็รับโทรศัพท์แล้วเอ่ย "บริษัทหนานกงต้องมีกล้องวงจรปิดไม่ใช่หรอ? ทำไมนายไม่ปล่อยภาพกล้องวงจรปิดที่ฝ่ายตรงข้ามทำร้ายนายล่ะ?"
"เธอกำลังพูดอะไรเนี่ย?" หนานกงเฉินเอ่ยยิ้ม
"นายไม่ได้ดูข่าวหรอ?"
"ดูแล้ว"
"แล้วนายไม่สังเกตหรอว่าข่าวพวกนี้ก็กำลังโจมตีว่านายเลือดเย็น ภาพเหตุการณ์ที่นายถูกพวกเขาล้อมไว้ไม่มีแม้แต่รูปเดียว นี่กำลังตั้งใจทำร้ายนายชัดๆ"
หนานกงเฉินยิ้ม "ดูเหมือนว่าเธอก็ไม่โง่ มาเป็นผู้ช่วยผมดีไหม ตอนนี้ผมกำลังขาดผู้ช่วยที่ฉลาดพอดี"
"ฉันกำลังจริงจังอยู่" ไป๋มู่ชิงรู้สึกเอื้อมระอา
เธอไม่ได้ฉลาด แค่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้ของเขา ก็เลยสังเกตเหตุการณ์อย่างละเอียดก็เท่านั้น
"คำพูดของคนสำคัญมากนะ อยู่ในยุคที่อินเตอร์เน็ตพัฒนาด้วย ประชาชนก็ต้องเห็นใจคนอ่อนแอแล้วเกลียดคนมีอำนาจ ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไปก็จะเกิดผลกระทบที่เสียหายแน่" ไป๋มู่ชิงพูด
"ผมเข้าใจ" หนานกงเฉินยิ้มอ่อน อะไรพวกนี้เขาจะมองไม่ออกได้ยังไง?
"ใครกำลังใส่ร้ายนาย? นายจะผ่านไปได้มั้ย?"
"ผ่านไปไม่ได้แล้วยังไง? เธอจะช่วยผมงั้นหรอ?"
"ฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลย แถมยัง……นายก็รู้ ฐานะฉันตอนนี้ไม่เหมาะสม"
"ผมว่าคุณรู้ดี"
"หนานกงเฉิน นายตั้งใจหน่อยได้ไหม?" ไป๋มู่ชิงไม่รู้ว่าจะเอ่ยพูดยังไง สถานการณ์ขนาดนี้แล้วเขายังมีอารมณ์มาล้อเล่นอีก
เธอน่าจะไม่รู้ มีแค่เวลาที่คุยโทรศัพท์กับเธอเท่านั้น หนานกงเฉินถึงยิ้มออก ก็เลยดูไม่จริงจัง
"มู่ชิง ที่ผมโทรหาเธอเพื่อที่จะได้รับคำปลอบใจไม่ใช่มาฟังเธอพูดทำร้ายผมนะ" สุดท้ายหนานกงเฉินก็จริงจังขึ้น แล้วน้ำเสียงก็มีความเสียใจแฝงมาด้วย "สถานการณ์ตอนนี้ ผมอยากให้เธออยู่ข้างกายผม ขอแค่พูดคุยกับผมก็ยังดี!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด
เขียนดี แต่แปลได้สับสน วางบทตอนกระโดดไปกระโดดมา...