เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด นิยาย บท 231

พอเดินออกมา หนานกงเฉินก็กำลังนำอาหารเช้าออกมาจากกล่องเก็บอุณหภูมิแล้วกวาดมองเธอ "เสื้อผ้าพอดีไหม?"

"พอดี ขอบใจ" ไป๋มู่ชิงเดินไปแล้วเอ่ยถามเขา "ใช่สิ เรื่องของผู่เหลียนเหยาจัดการยังไงบ้าง? นายได้รับข่าวหรือยัง?"

หนานกงเฉินวางจานลงแล้วมองไปที่เธอ "ปล่อยออกมาแล้ว"

"เร็วขนาดนี้เลย?"

"ใช่ แค่กักขังบริเวณ ก็หมายความว่าต้องรอตำรวจตรวจสอบอีก" หนานกงเฉินดึงข้อมือเธอมานั่งลงที่โต๊ะอาหาร "ค่อยเป็นค่อยไป ตำรวจต้องหาหลักฐานเจอแน่นอน"

"แต่ฉันไม่เข้าใจ" ไป๋มู่ชิงเงยหน้ามองไปที่เขาเพื่อเอ่ยถามความสงสัยในใจ "นายก็ให้คนสะกดรอยตามผู่เหลียนเหยาไม่ใช่หรอ? จะไม่รู้ได้ยังไงว่าเธอไปโรงแรม?"

"ผู่เหลียนเหยาฉลาดแค่ไหน ถ้าไม่มั่นใจจริงเธอจะกล้าเข้าไปในโรงแรมได้ยังไง?" เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ หนานกงเฉินก็รู้สึกเอื้อมระอา ผู่เหลียนเหยาหนีจากคนสะกดรอยตามของเขาแล้วค่อยไปโรงแรม

"ถ้าตำรวจไม่เชื่อฉันแล้วเชื่อเธอ……ฉันจะโดนจับตัวไปอีกไหม?" ไป๋มู่ชิงมีความกังวล ถึงแม้จะใส่ร้ายเธอ แต่ยังไงก็มีความผิด

หนานกงเฉินยิ้มปลอบใจ "ไม่หรอก วางใจเถอะ"

ไป๋มู่ชิงจะไม่กังวลได้ยังไง? ผู่เหลียนเหยาเจ้าเลห์ขนาดนี้ คนทั่วไปจะจัดการกับเธอได้ยังไง?

หรือว่าเธอต้องภาวนาว่าคำพูดก่อนที่จูจูจะตายเป็นเรื่องจริง แบบนั้นผู่เหลียนเหยาจะได้รีบชดใช้กรรมของตัวเอง

--

หลังจากที่ผู่เหลียนเหยาถูกปล่อยตัวออกมา ยืนอยู่ตรงหน้าประตูที่ว่างเปล่าก็รู้สึกใจหายไปทันที

ความคิดที่ว่าค่อยเป็นค่อยไปนี้ไม่ดีเลย แต่ยังดีที่ตอนนี้ตำรวจทำอะไรเธอไม่ได้ แค่กักขังบริเวณของเธอ

เมื่อเดินออกโรงพัก เธอก็เห็นผู้ชายที่ใส่เครื่องแบบเต็มยศ เป็นเซิ่งเคอ! ในขณะเดียวกันเซิ่งเคอก็มองไปที่เธอก็รู้สึกเสียใจเหมือนกัน

เธออึ้งไปแล้วตั้งใจหลบสายตาเขา แล้วเดินไปอีกทาง

เซิ่งเคอรีบก้าวเดินตามเธอไปแล้วดักหน้าเธอไว้แล้วพูดอย่างไม่เชื่อ "เธอจะเกี่ยวข้องกับคดีของจูจูได้ยังไง? ที่พวกเธอพูดเป็นเรื่องจริงหรอ? แล้วอุบัติเหตุเมื่อสองปีก่อนของพี่สะใภ้……"

ผู่เหลียนเหยาพูดแทรกขึ้น "คุณชายเซิ่ง! ตอนนี้คุณก็อยู่ในฐานะผู้ต้องหา ยังกล้ามาที่สถานีตำรวจอีกหรอ? คุณไม่กลัวว่าตัวเองจับหรอ?"

"ผมกลัวสิ แต่ผมอยากรู้มากกว่าว่านี่มันอะไรกันแน่!"

"คุณแน่ใจเหรอว่าจะถามฉันตรงนี้?" ผู่เหลียนเหยาจ้องไปที่เขาอย่างไม่สบอารมณ์

เซิ่งเคออ้าปากจะพูดแล้วอ้อมไปข้างหลังเธอแล้วผลักเธอไปจากที่นี่

เซิ่งเคอพาตัวเธอกลับมาที่พักชั่วคราวของเขา เมื่อหันหลังดูว่าดูข้างนอกแล้วค่อยปิดประตู จากนั้นก็เดินมาตรงหน้าผู่เหลียนเหยา

ไม่รอให้เขาเอ่ยปากพูด ผู่เหลียนเหยาก็เอ่ยถามเขา "นายกลับมาเมื่อไหร่? ไม่กลัวว่าหนานกงเฉินจะส่งนายไปให้ตำรวจหรอ?"

"พี่ชายรู้ว่าผมถูกบังคับ ไม่มีทางบีบบังคับผมหรอก แต่เธอต่างหาก เธอเป็นคนทำร้ายคุณหนูจูหรือเปล่า?" เซิ่งเคอถอดหมวกแล้วโยนไปข้างๆ จากนั้นก็จ้องไปที่เธอ

"ใช่ ฉันเป็นคนทำเอง" เซิ่งเคอคาดไม่ถึงเลยว่าผู่เหลียนเหยาจะไม่ปฏิเสธ

เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ "เหลียนเหยา เธอบ้าแล้วหรอ? ทำไมต้องทำแบบนี้?"

"เพราะว่าเธอมีหลักฐานความผิดที่ฉันเคยทำ" ผู่เหลียนเหยาลุกขึ้นจากรถเข็นแล้วเดินไปทางห้องรับแขก

"เธอ……" เซิ่งเคอจ้องไปที่ขาทั้งสองข้างของเธอแล้วเอ่ยปากพูด "เซิ่งซินบอกว่าเธอแค่เสแสร้งเรื่องขา เป็นเรื่องจริงสินะ?"

เซิ่งซินบอกทุกอย่างที่เกี่ยวกับผู่เหลียนเหยากับเขา เขาไม่อยากเชื่อเลยแม้แต่คำเดียว โดยเฉพาะที่ว่าแกล้งว่าพิการ อยู่กับผู่เหลียนเหยามาตั้งกี่ปี เธอพิการหรือเปล่าเขาจะไม่รู้ได้ยังไง? แต่ไม่คิดเลยว่า……เซิ่งซินไม่ได้โกหกเขา!

"ใช่ ฉันแค่แกล้งก็เพื่อที่จะสะดวกเวลาฉันจะทำอะไรผิด" ผู่เหลียนเหยาเทน้ำใส่แก้วแล้วยกขึ้นดื่ม จากนั้นก็เดินมาตรงหน้าเขา "รวมถึงความรู้สึกที่ฉันมีให้นายด้วยก็แค่เสแสร้ง คุณชายเซิ่งคุณได้ยินหรือยัง? ฉันไม่เคยรักคุณแล้วไม่เคยคิดที่จะแต่งงานกับคุณด้วย ไม่งั้นฉันคงไม่ตอบตกลงเกี่ยวกับเงื่อนไขของพ่อแม่คุณแล้วช่วยพวกเขาบังคับคุณยักยอกเงินของบริษัท"

"เธอพูดว่าอะไรนะ……?"

"ไม่ว่าคุณจะเข้าคุกหรือไม่เข้าคุกก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน ฉันไม่สนใจอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณก็อยู่ส่วนคุณ ฉันก็อยู่ส่วนฉัน เราจะไม่ยุ่งเกี่ยวกันอีก" ผู่เหลียนเหยาพูดคำพูดที่ร้ายแรงออกมา

"ทำไม?" เซิ่งเคอจับไหล่ทั้งสองข้างของเธอไว้แล้วเขย่า "เราอยู่ด้วยกันเจ็ดปี แต่เธอกลับพูดว่าไม่เคยรักผมเลยงั้นหรอ? เป็นไปได้ยังไง? เธอกำลังโกหกใช่มั้ย? เธอต้องโกหกอยู่แน่ๆ……!"

"ฉันไม่ได้โกหก" ผู่เหลียนเหยาสะบัดมือทั้งสองข้างของเขาออกแล้วจ้องไปที่เขา "ฉันพูดความจริงก็ได้ ตั้งแต่วันแรกที่รู้จักคุณ ฉันก็ตั้งใจจะเข้าใกล้คุณแล้วใช้คุณเพื่อจะเข้าไปในตระกูลหนานกง เข้าใกล้หนานกงเฉิน เป้าหมายของฉันไม่ใช่อยู่กับคุณแต่เพื่อที่จะแก้แค้นหนานกงเฉิน คุณเข้าใจหรือยัง?"

"เพราะอะไร? ทั้งหมดนี้เพราะอะไร?" เซิ่งเคอตกใจมาก สำหรับเขา ผู่เหลียนเหยาตรงหน้าช่างเหมือนคนแปลกหน้า ต่างกับเหลียนเหยาที่สดใสอย่างสิ้นเชิง

เขาไปแค่ไม่กี่วันเอง แต่เธอกลับเปลี่ยนขนาดนี้แล้ว

เป็นแบบนี้ได้ยังไง?

"คุณไม่ต้องรู้เยอะหรอก แค่รู้ว่าหนานกงเฉินเป็นศัตรูของฉัน ระหว่างฉันกับเขาถ้าไม่ใช่เขาตายก็จะต้องเป็นฉัน" ผู่เหลียนเหยาพูดกัดฟันแล้วมือทั้งสองข้างก็จับคอเสื้อของเขาไว้ "นายรู้หรือเปล่าว่าฉันเกลียดเขามากแค่ไหน? ฉันเกลียดจนอยากจะฆ่าให้เขาตาย แต่ฉันกลับถูกความคิดนี้ปิดบังตาไว้จนทำให้เสียโอกาสที่จะฆ่าเขาให้ตายไปหลายครั้ง สุดท้ายก็ทำให้ตัวเองตกอยู่ในอันตรายแบบนี้ จนทำให้ชีวิตของฉันกลายเป็นสิ่งของที่ต้องตายตามเขาไปด้วย!"

เมื่อเธอพูดจบก็ยิ้มอย่างเยือกเย็น "แต่ว่าไม่เป็นอะไรหรอก ขอแค่ทำให้เขาตายได้อย่างทุกข์ทรมาน ถึงแม้จะต้องชดใช้ด้วยชีวิตของฉันก็ไม่เป็นไร ฉันไม่แคร์!"

"เหลียนเหยา เธอกำลังพูดอะไร? ทำไมผมฟังไม่รู้เรื่อง?" เซิ่งเคอจับแขนของเธอไว้แล้วรีบเอ่ยขึ้น

ทำไมเขาไม่รู้เลยว่าผู่เหลียนเหยามีความแค้นกับตระกูลหนานกงมากขนาดนี้ เป็นเพราะเขาโง่หรือว่าเธอปิดบังได้ดีเกินไป? เขารู้สึกมาตลอดว่าผู่เหลียนเหยาดีกับตระกูลหนานกงมาก แล้วพร้อมที่จะปกป้องตระกูลหนานกงเหมือนเขา ไม่คิดเลยว่า……

"ฟังไม่รู้เรื่องก็ไม่เป็นไร นายแค่รู้ไว้ว่าฉันไม่รักนาย แล้วเอาแต่ปั่นหัวนายก็พอแล้ว"

"ผมไม่เชื่อ!"

"จะเชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่นาย ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปฉันหวังว่านายจะไม่โผล่มาให้ฉันเห็นหน้าอีก" สีหน้าของผู่เหลียนเหยาเลือดเย็นแล้วเอ่ย "เพราะวันนายไม่ได้มีค่าอะไรให้ฉันปั่นหัวแล้ว!"

พูดจบ เธอก็หันหลังเดินไปทางประตู

"เหลียนเหยา!" เซิ่งเคอรีบเรียกเธอไว้ มองแผ่นหลังของเธอแล้วหลับตาลงอย่างเจ็บปวดใจ "ผมเชื่อว่าเธอเกลียดพี่ชายมาก แล้วเชื่อด้วยว่าเธอทำให้คุณหนูจูตาย แต่ผมไม่เชื่อว่าเธอไม่รักผมเลยสักนิด" เขาเดินไปแล้วกอดเธอจากข้างหลัง "ทำผิดแล้วก็ไม่เป็นไร ผมพร้อมจะยอมรับผิดพร้อมกับเธอ ก็เหมือนตอนนั้นที่เธอบอกว่าขาเธอพิการผมก็พร้อมจะยอมรับพร้อมกับเธอไม่ใช่หรอ? ขอแค่กลับตัวกลับใจ ยังไงผมก็ให้อภัยแล้วรักเธอเหมือนแต่ก่อน……"

ผู่เหลียนเหยาจับลูกบิดที่ประตูไว้แน่น น้ำตาก็เอ่อล้นออกมา แต่ว่าเธอรีบสูดจมูกแล้วปรับน้ำเสียงให้ปกติ "ฉันไม่ได้ทำผิด แต่แค่มีโทษที่ให้อภัยไม่ได้ ฉันกลับตัวไม่ทันแล้ว……"

"มีสิ ต้องมีโอกาสสิ ไม่ว่าจะกี่ปีผมก็จะรอโอเคไหม?"

"ไม่จำเป็น!" ผู่เหลียนเหยาหันกลับมาจ้องเขาทั้งน้ำตา "ฉันจะฆ่าทั้งจูจูแล้วฉันก็จะฆ่าหนานกงเฉินด้วย ฉันไม่อยากกลับตัวกลับใจแล้วไม่มีทางด้วย!"

"ทำไม?" เซิ่งเคอเอ่ย "พี่ชายทำอะไรให้เธอ? เธอบอกมาสิ ผมไปขอให้เขามาขอโทษได้มั้ย?!"

"ชีวิตคนทั้งคน เขาชดใช้ไม่ได้หรอก!" ผู่เหลียนเหยากัดริมฝีปากจ้องไปที่เขาสักพักค่อยเอ่ยพูด "เซิ่งเคอ ที่ฉันบอกนายว่าพ่อแม่ฉันอยู่เมืองเยว่ก็โกหก ความจริงพ่อแม่ฉันตายไปด้วยอุบัติเหตุเมื่อยี่สิบปีก่อน แล้วเหลือแค่สามพี่น้องไว้ ตอนนั้นพี่สาวฉันอายุแค่สิบสอง แล้วยังจะต้องดูแลฉันที่อายุเจ็ดขวบกับน้องชายที่อายุห้าขวบ ตั้งแต่ที่พ่อแม่ฉันเสียไปพี่สาวก็ไม่ได้เรียนอีกเลย เพราะว่ายังเด็กเกินไปก็เลยทำงานไม่ได้ เลยจำเป็นต้องเก็บสิ่งของแล้วไปแลกเงินให้ฉันกับน้องชายเพื่อจ่ายค่าเทอม พอโตขึ้นอีกหน่อยก็ทำงานได้แล้ว วันนึงก็ต้องทำสามสี่งานเหนื่อยจะเป็นจะตายก็เพื่อที่จะหาเงิน เป็นลมไปที่ทำงานตั้งกี่ครั้ง ถ้าไม่ใช่เพราะพี่สาวกับเพื่อนบ้านที่ใจดี ฉันกับน้องชายฉันก็หิวตายไปแล้ว เพราะฉะนั้นความหวังตอนนั้นของฉันก็คืออยากจะรีบโตแล้วหางานทำเพื่อลดภาระของพี่สาว หลังจากนั้น ความขยันของพี่สาวก็ดึงดูดให้ผู้ชายที่ยังไม่แต่งงานมาหลงรักแล้วมีแฟนที่รักเธอด้วย ฉันคิดว่าความยากลำบากของพี่สาวจะหายไป แล้วจัดงานแต่งงานให้เธออย่างดีใจ แต่ก่อนที่เธอจะแต่งงานกับแฟนหนึ่งเดือน คนตระกูลหนานกงก็มาแล้วบอกว่าเธอเป็นคู่ครองที่ฟ้าลิขิตไว้ของหนานกงเฉิน แล้วให้เธอแต่งงานเข้าตระกูลหนานกง ตอนนั้นพี่สาวฉันไม่ยอมแยกจากพี่เขย คนตระกูลหนานกงก็ใช้วิธีสกปรกมาทำให้พี่เขยเสียชีวิตแล้วยังเอาชีวิตของฉันกับน้องชายมาขู่ให้เธอแต่งงานเข้าตระกูลหนานกง พี่สาวฉันก็เลยจำใจต้องแต่ง แต่หลังจากที่แต่งเข้าตระกูลหนานกงได้สามวัน พี่สาวฉันก็ตายแล้วคนตระกูลหนานกงก็บอกว่าพี่สาวฉันฆ่าตัวตาย แต่ว่าฉันไม่เชื่อ ตั้งแต่เด็กจนโต พี่สาวเป็นห่วงฉันกับน้องชายมากที่สุด เธอไม่มีทางทิ้งพวกเราไว้แล้วฆ่าตัวตาย……"

เมื่อพูดถึงตรงนี้ ผู่เหลียนเหยาก็พูดสะอึกสะอื้นแล้วนั่งลงไปแล้วร้องไห้อย่างเสียใจ

"เหลียนเหยาเธออย่าร้องไห้……" เซิ่งเคอนั่งลงไปกอดเธอเข้ามาในอ้อมกอดแล้วลูบเส้นผมของเธอเบามือ

ผู่เหลียนเหลาผลักเขาออกแล้วจ้องเขาทั้งน้ำตา "นายว่าหนานกงเฉินสมควรตายหรือเปล่า? เขาเห็นแก่ตัวหรือเปล่า? เขาเลือดเย็นหรือเปล่า?"

เธอเช็ดน้ำตาบนใบหน้าแล้วเอ่ยร้องไห้ไปด้วย "เขาจะหาคู่ครองที่ฟ้าลิขิตไว้แต่ฉันจะหยุดยั้งเขาเอง เขาอยากจะหลุดพ้นจากโรคบ้าบอนั่นแต่ฉันไม่มีทางทำให้เขาหลุดพ้นแน่ ยิงเขาตายไปเลยฉันคิดว่ามันดีกับเขาเกินไป นายเข้าใจความรู้สึกของฉันไหม?"

"ผมเข้าใจ" เซิ่งเคอพยักหน้าแล้วกอดเธอเข้ามาในอ้อมกอดอีกครั้ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด