เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด นิยาย บท 232

"ผมเข้าใจ" เซิ่งเคอพยักหน้าแล้วกอดเธอเข้ามาในอ้อมกอดอีกครั้ง "เธอบอกผมหน่อยว่าพี่สาวชื่ออะไร เป็นภรรยาคนที่เท่าไหร่ของพี่ชาย ผมอาจจะรู้อะไรก็ได้นะ"

"เธอชื่อหยางหลี่ ความจริงเราไม่ได้นามสกุลผู่แต่เป็นหยาง เพื่อที่จะแก้แค้นฉันก็เลยเปลี่ยนนามสกุล" ผู่เหลียนเหยาส่ายหัวร้องไห้ไปด้วย "ฉันเคยแอบถามนายแล้ว นายบอกว่าหยางหลี่เป็นภรรยาคนแรกของหนานกงเฉิน ตอนนั้นนายกำลังเรียนอยู่ที่อื่นก็เลยไม่ค่อยรู้เรื่อง……"

"หยางหลี่……" เซิ่งเคอตอบอย่างรู้สึกผิด "ขอโทษ ตอนนั้นผมไม่ได้อยู่ที่บ้านหนานกงแล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ว่าเธออย่าใจร้อน ผมจะช่วยเธอสืบเองว่าตอนนั้นเกิดอะไรขึ้นแล้วพี่สาวเธอตายยังไง"

"ไม่ต้อง!" ผู่เหลียนเหยาพูดอย่างโมโห "ไม่ว่าจะตายยังไงก็ตายเพราะตระกูลหนานกง ถึงแม้ตอนนั้นเธอยังไม่ตายเพราะว่าเธอไม่ใช่คู่ครองที่ฟ้าลิขิตไว้ แต่ยังไงเธอก็ต้องตายอยู่ดี!"

จากสิ่งที่ไป๋มู่ชิงโดนตอนนั้น เธอก็จินตนาการณ์ถึงพี่สาวตัวเองได้เลย ถ้าเธอเป็นคู่ครองที่ฟ้าลิขิตไว้ก็คงจะโดนควักหัวใจไปหลังจากแต่งงานสามปี ถ้าไม่ใช่คุณหญิงก็จะฆ่าเธอลับๆเพราะว่าเธอรู้ความลับของตระกูลหนานกง ยังไงถ้าแต่งเข้ามาในตระกูลหนานกงก็ต้องตายอยู่ดี!

หนานกงเฉินก็เอาแต่ใจแล้วเลือดเย็นแบบนี้แหละ!

--

ผู้ช่วยเหยียนเห็นข่าวบนหนังสือพิมพ์ของหนานกงเฉินกับไป๋มู่ชิง ในใจก็นึกถึงเฉียวเฟิงเป็นคนแรก ไม่รู้ว่าถ้าเขาเห็นข่าวแล้วจะรู้สึกยังไง คงจะเสียใจมากเลยสินะ

เธอคิดไปคิดมา สุดท้ายก็ตัดสินใจที่จะไปเยี่ยมเขาแล้วขับรถไปที่หน้าบ้านเขา

เธอยืนอยู่หน้าประตูกำลังจะยกมือขึ้นกดกริ่งก็เห็นเฉียวซือเหิงออกมาจากบ้าน เธอเลยวางมือที่ยกขึ้นแล้วหลบไปข้างๆ

เฉียวซือเหิงเมื่อเห็นเธอสีหน้าก็ประหลาดใจไป จากนั้นก็ยิ้ม "ผู้ช่วยเหยียนเป็นเพื่อนกับน้องชายที่โมโหร้ายของผมเมื่อไหร่?"

"เปล่าค่ะ แค่มาเยี่ยมคุณชายรองเฉียวค่ะ"

"ก็ว่าทำไมเจ้านั่นไม่ให้ผมมา ที่แท้……" เฉียวซือเหิงยิ้มอย่างมีเลศนัยแล้วเดินผ่านตัวเธอไป

"คุณชายเฉียวเข้าใจผิดแล้วค่ะ ถ้าฉันรู้ว่าคุณจะมาฉันก็คงไม่มา" ผู้ช่วยเหยียนพูดตามหลังเขาไปแล้วในใจก็รู้สึกเอื้อมระอาด้วย เธอลืมว่าเฉียวเฟิงมีพี่ชายที่ทั้งรวยทั้งมีอำนาจอย่างเฉียวซือเหิง แล้วยังเป็นห่วงว่าเขาจะหิวตายคนเดียวที่นี่อีก

รถของเฉียวซือเหิงแล่นออกไป ผู้ช่วยก็แอบมองเข้าไปข้างใน เมื่อเห็นว่าเฉียวเฟิงไม่เป็นอะไรเธอก็ไม่จำเป็นต้องเข้าไปแล้ว แต่เมื่อหันหลังจะก้าวไป ด้านหลังก็มีเสียงของเฉียวเฟิงเอ่ยขึ้น "ในเมื่อมาแล้วก็เข้ามาเถอะ"

ผู้ช่วยเหยียนลังเลไป จากนั้นก็หันหลังก็เห็นว่าเขานั่งอยู่ข้างประตูก็เลยก้าวเดินเข้าไป

เธอยืนต่อหน้าเขาแล้วเอ่ย "ไม่มีอะไร เมื่อกี้เห็นข่าวก็เลยกลัวว่าคุณจะคิดมาก เลยมาเยี่ยมแล้วเอาอาหารเช้ามาให้ด้วย"ผู้ช่วยเหยียนเธอยกกล่องข้าวในมือขึ้น

"ขอบใจ" เฉียวเฟิงยิ้มอย่างเสียดสี "คุณชายเฉียวก็กลัวว่าผมจะคิดมากก็เลยเอาอาหารเช้ามาเยี่ยมผม"

"ออ งั้นก็ทิ้งเถอะ" ผู้ช่วยเหยียนยกมือขึ้นจะโยนอาหารเช้าในมือทิ้ง แต่เฉียวเฟิงก็เอ่ยว่า "วางไว้ก่อนเถอะ"

เฉียวเฟิงหลีกไปข้างๆ ผู้ช่วยเหยียนก็เดินเข้ามา ก็เห็นว่าบนโต๊ะมีของกินเต็มไปหมด เธอหันไปมองเฉียวเฟิงที่ค่อยๆเข้ามา "ดูเหมือนว่าเฉียวซือเหิงดีกับคุณมากยัง ซื้อของกินให้คุณเยอะขนาดนี้"

"เขาก็ดีกับผมจริง ถ้าอยากได้อะไรเขาก็ให้หมด"

"รวมถึงความรัก" ผู้ช่วยเหยียนพูดเสริม

เฉียวเฟิงยิ้มอย่างขมขื่นแล้วสูดหายใจเข้าเบาๆ

ที่เฉียวซือเหิงดีกับเขาก็แค่อยากจะชดใช้กับสิ่งที่คุณหญิงเฉียวทำกับเขา ไม่ว่าจะยังไง จากที่เขาดูมาเฉียวซือเหิงก็ไม่แย่ ในตระกูลที่ร่ำรวยมีความโกรธแค้นเยอะแยะ ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นก็คงไม่ช่วยเหลือลูกนอกสมรสอย่างเขา แถมยังจะทำร้ายเขาพร้อมกับแม่ตัวเองด้วย

--

ไป๋มู่ชิงอยู่ในคอนโดทั้งวันทั้งคืน ก็รู้สึกเบื่อมาก

แต่เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง เธอก็เลยจำใจต้องอยู่ที่นี่ เมื่อถึงเวลาอาหารเย็น เธอก็ได้รับโทรศัพท์ของผู่เหลียนเหยา

"เธอรู้โทรศัพท์ที่นี่ได้ยังไง?" ไป๋มู่ชิงเอ่ยถาม

เธอรู้ว่าเธอซ่อนอยู่ในคอนโดของหนานกงเฉิน ดูเหมือนว่าเธอจะลงทุนมาก ที่หนานกงเฉินคิดไว้ไม่ผิดเลย ผู่เหลียนเหยาเพื่อที่จะทำลายหลักฐานไม่มีทางปล่อยเธอไปง่ายๆแน่

"รู้ได้ยังไงไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญคือสิ่งที่ฉันจะพูดกับเธอ" อีกฝั่งของโทรศัพท์เอ่ยเสียงเรียบนิ่ง

"ถ้าเธอจะบอกกับฉันเรื่องอีเมลนั่นก็ไม่ต้องเอ่ยปากพูดหรอก เพราะว่าฉันจะไม่……"

"เธอทำแน่" ผู่เหลียนเหยาพูดแทรกขึ้น "ขอแค่เธอฟังฉันพูดจนจบ เธอก็จะร่วมมือกับฉันแน่ ไม่งั้น……"

"เพราะฉะนั้นฉันเลยไม่คิดที่จะฟังเธอพูดจนจบ แค่นี้" ไป๋มู่ชิงวางโทรศัพท์กลับไปที่เดิม

อีกฝั่งของโทรศัพท์ผู่เหลียนเหยาก็ตะโกนเรียกแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ สุดท้ายโมโหจนโยนโทรศัพท์ไปข้างๆ

เธอโทรไปอีกครั้ง แต่เสียงตอบรับคือหมายเลขไม่สามารถติดต่อได้

"เป็นไงบ้าง? เธอไม่รับหรอ?" ผู้ชายข้างกายเอ่ยถามขึ้น

"ใช่"

"เราจะทำยังไง? ที่คอนโดเซียงตี๋ระบบรักษาความปลอดภัยเข้มงวดมาก แล้วหนานกงเฉินก็ยังให้คนเฝ้าอยู่หน้าประตูด้วย เราติดต่อผู้หญิงคนนั่นไม่ได้เลย"

"แม้แต่โอกาสที่จะพูดคำเดียวกับเธอก็ไม่มีหรอ?"

ผู้ชายคนนั้นส่ายหน้า

ผู่เหลียนเหยาโกรธจนกัดฟันแน่น "ดีมาก งั้นก็อย่าโทษว่าฉันไม่ให้โอกาสเธอเลือกแล้วกัน"

"คุณหนูผู่ แล้วเรายังจะติดต่อเธออีกไหมครับ?"

"ติดต่อสิ" ผู่เหลียนเหยายิ้มอย่างเยือกเย็น "ฉันไม่เชื่อว่าเธอจะยอมเห็นหนานกงเฉินตาย"

ผู้ชายพยักหน้า "ผมจะพยายาม"

--

หลังจากที่ทานอาหารเย็นเสร็จ ไป๋มู่ชิงก็ไม่มีอะไรทำเลยเปิดโทรทัศน์ดู แต่ก็ดูไม่เข้าตาเลย

เมื่อสายตามองกวาดไปที่โทรศัพท์บนโต๊ะ เธอลังเลไปครู่หนึ่งก่อนจะขยับตัวไปวางโทรศัพท์แล้วยกหูขึ้นโทรหาเบอร์ของเฉียวเฟิง สถานการณ์แบบนี้เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอควรจะพูดอะไรกับเฉียวเฟิง

หลังจากที่ต่างคนต่างเงียบไปสักพัก เธอก็เอ่ยถามขึ้น "คุณอยู่บ้านคนเดียวยังดีไหม? คุณชายเฉียวให้คนมาดูแลคุณหรือเปล่า?"

"มีแล้ว วางใจเถอะ" น้ำเสียงของเฉียวเฟิงดูเรียบนิ่ง ฟังไม่ออกเลยว่าไม่พอใจ

ไป๋มู่ชิงพยักหน้าแล้วพูดกับเขาไปไม่กี่คำ สถานการณ์ก็กลับมาเงียบอีกครั้ง

สุดท้ายเฉียวเฟิงก็เอ่ยปากปลอบใจ "มู่ชิง คุณไม่ต้องสนใจผมหรอก ดูแลตัวเองดีๆ"

"อื้อ ถ้าฉันได้หลักฐานแล้วฉันจะกลับไป"

"ได้ ถ้าคุณกลับมาแล้วเราจะไปหาหว่านชิงที่ต่างประเทศด้วยกัน"

"ได้" ตอนที่ไป๋มู่ชิงพูดตอบคำนี้ไป ถึงแม้จะรู้สึกเจ็บปวดใจแต่ก็ตอบไปอย่างหนักแน่น

ไป๋มู่ชิงวางโทรศัพท์กลับไปที่เดิม หน้าประตูก็มีเสียงเปิดประตูลอยมา เธอลุกขึ้นจากโซฟาแล้วมองไปทางประตู

ในสถานการณ์แบบนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นที่ประตูเธอก็กลัวจนขนลุก ถึงแม้หน้าประตูจะมีคนที่หนานกงเฉินให้มาปกป้องเธอ

เมื่อเห็นว่าหนานกงเฉินกลับมาแล้วเธอค่อยโล่งอกไป

"นายเป็นอะไร?" เธอรู้สึกได้ว่าฝีเท้าของหนานกงเฉินไม่หนักแน่นเลยเดินไปพยุงแขนของเขาไว้

"ผมไม่เป็นไร เมื่อกี้ดื่มกับผู้บริหารมานิดหน่อย" หนานกงเฉินกอดเธอไว้แล้วก้มลงไปจุมพิตเธอ "ที่รัก คิดถึงผมหรือเปล่า?"

เขาดื่มจริงๆด้วย บนริมฝีปากมีกลิ่นหอมของวิสกี้

ไป๋มู่ชิงหลบหน้าไปข้างๆแล้วเอ่ยถาม "ดื่มกับผู้บริหารคนไหน?"

เขาก็เป็นผู้บริหารไม่ใช่หรอ? ยังต้องดื่มกับผู้บริหารอีก?

"จะมีใครอีกล่ะ……ก็พวกที่มีอำนาจแต่ทำไม่ได้เรื่องไง " หนานกงเฉินจับหน้าเธอขึ้นอย่างหงุดหงิด "ถ้าไม่จับคนร้ายให้หมด……เธอจะทำยังไง……คงเอาแต่หลบอยู่ที่นี่ไม่ได้?"

ไป๋มู่ชิงเอ่ย "นายดูแลตัวเองก่อนเถอะ ผู่เหลียนเหยาคงจ้องจะลงมือกับนายอยู่"

"ไม่……ตอนนี้เธอกำลังหาวิธีหลุดพ้นจากความผิด ไม่มีอารมณ์มาลงมือกับผมหรอก" เธอพยุงตัวหนานกงเฉินไปนั่งลงบนโซฟาจากนั้นก็เทน้ำให้เขาแล้วเอ่ย "นายนั่งที่นี่ก่อน เดี๋ยวฉันไปเอาน้ำร้อนมาเช็ดหน้าเช็ดมือให้"

"อือ……" หนานกงเฉินดึงไหล่เธอมาในอ้อมกอดแล้วก้มลงไปจูบเธออีกครั้งแล้วยิ้มอย่างมีความสุข "มีภรรยาอยู่บ้านก็ดีแบบนี้แหละ"

สีหน้าของไป๋มู่ชิงเปลี่ยนไปแล้วผลักออกจากอ้อมกอดเขา

เมื่อกี้……เธอเพิ่งตอบตกลงกับเฉียวเฟิงว่าถ้าได้หลักฐานมาแล้วจัดการเรื่องของผู่เหลียนเหยาแล้วจะไปหาหว่านชิงที่อังกฤษกับเขา

ไป๋มู่ชิงไปตักน้ำร้อนที่ห้องอาบน้ำ หนานกงเฉินก็นั่งอยู่บนโซฟาแล้วพักสายตา โทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง หนานกงเฉินหันไปมองจากนั้นก็ยกขึ้น ไม่รอให้เขาเอ่ยปากพูดอีกฝั่งของโทรศัพท์ก็มีเสียงของผู่เหลียนเหยาดังขึ้น "ไป๋มู่ชิงแกฟังไว้เลย ถ้าแกยังไม่ติดต่อฉันอีก ฉันจะทำให้หนานกงเฉินตายอย่างทุกข์ทรมานกว่าจูจูอีก……"

หนานกงเฉินยิ้มเยือกเย็น จากนั้นก็โยนโทรศัพท์ทิ้งไปแล้วถอดปลั๊กโทรศัพท์ด้วย

เขาพิงกลับไปที่โซฟาพักสายตาต่อ ในสมองก็มีแต่คำข่มขู่ของผู่เหลียนเหยา กลัวว่าเธอจะมาตอแยไป๋มู่ชิงอีก ก็เลยหยิบกรรไกรขึ้นจากใต้โต๊ะแล้วตัดสายโทรศัพท์ทิ้งซะ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด