เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด นิยาย บท 233

เซิ่งเคอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้น “เธอบอกว่าเธอเป็นน้องสาวแท้ๆ ของหยางหลี่”

หยางหลี่? หนานกงเฉินผ่านชื่อนี้ในหัวสมองอย่างรวดเร็ว สุดท้ายเขาก็นึกตัวละครนี้ไม่ออก จึงถามขึ้น “หยางหลี่คือใคร? ”

สีหน้าเซิ่งเคอเปลี่ยนไป ไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด “พี่โหดร้ายไร้ความปรานีจริงๆ เหมือนที่เหลียนเหยาพูดว่าไม่สนใจชีวิตมนุษย์เลยจริงๆ ”

สีหน้าหนานกงเฉินก็เปลี่ยนไปเช่นกัน เซิ่งเคอพูดต่อ “หยางหลี่เป็นภรรยาคนแรกของพี่ พี่ลืมเธอไปสนิทเลยจริงๆ เหรอ? ”

ได้ยินคำพูดของเซิ่งเคอ หนานกงเฉินก็ตกใจเล็กน้อย เขาสังเกตเซิ่งเคอแล้วถามขึ้น “นายว่าไงนะ? หยางหลี่คือภรรยาของฉัน? ผู่เหลียนเหยาคือน้องสาวของหยางหลี่? ”

“ถึงตอนนี้แล้ว พี่ยังเสแสร้งอะไรอีก? ” เซิ่งเคอถูกเขากระตุ้นจนสะเทือนใจขึ้นมาทันที พุ่งเข้าไปทุบเขา “หยางหลี่คือภรรยาของพี่ พี่ก็ไม่รู้เหรอ? พี่บีบบังคับให้เธอตายแม้แต่ชื่อเธอพี่ก็ไม่รู้เหรอ? พี่ยังเป็นคนหรือเปล่า? ”

เขาพลาดหมัดครั้งนี้ หนานกงเฉินหลบได้

เห็นเขาจะทุบมาอีกรอบ หนานกงเฉินก็เอ่ยปากหยุดเขา “หยุด!”

ถึงเซิ่งเคอจะหยุด แต่จ้องเขาด้วยใบหน้าโกรธเคือง ปากหายใจหอบหนัก

“พูดให้มันรู้เรื่อง เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ” หนานกงเฉินมองย้อนกลับไปที่เขาแล้วพูดเรียบๆ เขาหยุดชั่วคราวไม่กี่วินาทีแล้วพูดต่อ “ภรรยาคนแรกตายไปสิบปีแล้วใช่ไหม? และเรื่องทั้งหมดในตอนแรกคุณย่าเป็นคนจัดการคนเดียว ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น ฉันไม่เคยเห็นหน้าผู้หญิงที่ชื่อหยางหลี่อะไรนั่นด้วยซ้ำ”

เขาจำได้ตอนแรกที่เขาแต่งงานกับภรรยาคนแรก เพราะเขาดื้อรั้นมาก เลยเลือกที่จะหนีการแต่งงาน และหนีอยู่หลายวัน แม้แต่คืนแต่งงานก็ไม่กลับไป

เขานึกว่าวันต่อมาคุณผู้หญิงจะส่งคนมาจับตัวเขากลับไป ไม่คิดว่าวันที่สองวันที่สามก็สงบสุขมาก เรื่องนี้มันหายไปในพริบตา ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน

ส่วนผู้หญิงคนนั้นไปอยู่ที่ไหน เขาไม่เคยถาม และไม่สนใจ

ไม่คิดว่าผ่านไปหลายปีแล้ว เรื่องนี้เซิ่งเคอจะพูดขึ้นมา และมันยังเกี่ยวข้องกับผู่เหลียนเหยาด้วย

“เหลียนเหยาบอกว่าตอนนั้นหยางหลี่จะแต่งงานแล้ว เพื่อบังคับให้เธอแต่งงานกับหนานกงเฉินไม่เพียงแต่บังคับให้คู่หมั้นหยางหลี่ตาย ตระกูลหนานกงยังเอาคนในครอบครัวหยางหลี่มาบังคับให้เธอเชื่อฟังอีก แต่หลังจากเธอโดนบังคับให้แต่งงานเข้าตระกูลหนานกง วันต่อมาก็มีข่าวว่าหยางหลี่ฆ่าตัวตาย แต่เธอคิดว่าหยางหลี่ไม่ใช่คนที่จะเลือกฆ่าตัวตาย เธอคิดว่าหยางหลี่ต้องโดนตระกูลหนานกงฆาตกรรม” เซิ่งเคอขยับลูกกระเดือกอย่างรู้สึกแย่ ดวงตาแดงก่ำ “พี่ ถึงแม้ตอนนั้นพี่จะไม่รู้อะไรเลยก็ตาม แต่หยางหลี่ก็ตายเพราะพี่ ในสถานการณ์นี้ เหลียนเหยาจะไม่เกลียดพี่ได้ยังไง? มีเหตุผลอะไรที่จะไม่แก้แค้น? ในปีนั้นพี่ทำร้ายหยางหลี่ที่อายุแค่ยี่สิบปี ตอนนี้ก็มาทำร้ายเหลียนเหยา ถ้าไม่ใช่พี่ เธอจะเดินบนเส้นทางนี้ได้ยังไง พี่เป็นคนทำร้ายเธอ……”

“ดังนั้น……พี่ คิดซะว่าตระกูลหนานกงผิดก่อนได้ไหม? ให้อภัยเหลียนเหยาในครั้งนี้? ” เซิ่งเคอพูดด้วยใบหน้าอ้อนวอน “ฉันสัญญาว่าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันจะดูแลเธอให้ดี พาเธอไปให้ไกลและไม่ทำผิดอีก”

ถึงหนานกงเฉินจะรู้สึกประหลาดใจ แต่เขาไม่ใจอ่อนกับเรื่องนี้ แต่จ้องมองเขาพูดขึ้น “เรื่องมันเกิดขึ้นแบบนี้หรือเปล่า ฉันจะไปตรวจสอบกับคุณย่า สำหรับเรื่องอาชญากรรมของผู่เหลียนเหยา เซิ่งเคอทางที่ดีนายมีสติหน่อยว่าเธอไม่ได้ทำผิดกฎตระกูลหนานกง แต่ผิดกฎหมายของประเทศ และกลายเป็นเป้าหมายตำรวจในการรวบรวมพยานหลักฐาน ฉันจะให้อภัยเธอหรือไม่มันไม่สำคัญเลย”

เขาเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว จากนั้นก็พูด “ฉันจะไม่ให้นายรับผิดชอบการยักยอกเงินมหาศาลในตอนนี้ แต่กำหนดเวลาที่ฉันให้นายไม่ใช่ให้นายไปร่วมมือกับผู่เหลียนเหยา นายไม่จำเป็นต้องเอาตัวไปเข้าร่วม แต่ให้โอกาสนายในการชักชวนพ่อของนาย ให้มองตามความจริงหน่อย อย่าคิดฝันที่จะแย่งบริษัทอีก ไม่งั้นอย่าโทษที่ฉันไม่คิดถึงความรักครอบครัว”

หลังจากพูดประโยคนี้ หนานกงเฉินก็เดินไปที่รถของตัวเอง

หลังจากออกมาจากลานจอดรถ หนานกงเฉินก็จอดรถไว้ข้างถนน ครุ่นคิดสักพักก็เปลี่ยนเส้นทางไปยังคฤหาสน์หลังเก่าตระกูลหนานกง

--

พอหนานกงเฉินกลับไปที่คฤหาสน์หลังเก่า คุณผู้หญิงก็ถามอย่างเป็นห่วงทันที “เฉิน ทำไมกลับมาเองล่ะ? มู่ชิงเธอยังโอเคไหม? ”

หนานกงเฉินหยุดฝีเท้า หันข้างไปมองเธอ “คุณย่า คุณย่าเป็นห่วงความปลอดภัยของมู่ชิงหรือเป็นห่วงหัวใจของเธอ? ”

น้ำเสียงเขาไม่แยแส คุณผู้หญิงพูดไม่ออกสักพัก แล้วพูดขึ้น “ฉัน……ก็ต้องเป็นห่วงความปลอดภัยของเธออยู่แล้ว”

“เป็นแบบนี้ก็ดีที่สุดแล้วครับ” หนานกงเฉินพูดอย่างเข้มงวด “คุณย่า มู่ชิงไม่ใช่จูจู ทางที่ดีอย่าไปคิดไม่ดีกับเธอ เพราะกว่าผมจะหาเธอกลับมาได้”

“โอเคๆ ย่าจะไม่ทำอะไรเลย” คุณผู้หญิงเห็นสีหน้าเขาแย่แบบนี้ ก็รู้ว่าช่วงนี้เขาไม่ง่ายเลย ไม่คิดจะทำให้เขาโกรธแน่นอน

หนานกงเฉินเดินเข้าไปในห้องไม่กี่ก้าว หันตัวกลับมาจ้องมองคุณผู้หญิงอีกครั้งแล้วพูดขึ้น “คุณย่า ผมอยากถามอะไรคุณหน่อย คุณต้องตอบผมตามความจริง”

“เรื่องอะไรทำไมจริงจังแบบนั้น? ”

“เหตุการณ์หยางหลี่ในปีนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ” หนานกงเฉินยังคงทำหน้าจริงจัง

“หยางหลี่คือใคร? ” คุณผู้หญิงหันหน้าไปถามพี่เหอ

พี่เหอรีบพูด “คุณผู้หญิงลืมไปแล้วเหรอคะ? หยางหลี่คือภรรยาคนแรกของคุณชายใหญ่”

“อ๋อ ใช่ๆ ……ฉันจำได้แล้ว” คุณผู้หญิงพยักหน้า หันไปถามหนานกงเฉิน “เรื่องมันผ่านไปนานขนาดนี้แล้ว หลานถามทำไม? ”

“ก็ไม่ทำไมครับ จู่ๆ ก็แค่อยากรู้อดีตของตัวเอง” หนานกงเฉินพูด

“นี่มันไม่ใช่เรื่องดีอะไร จะรู้ไปทำไม ช่างมันเถอะ……”

“คุณย่า” หนานกงเฉินพูดขัดจังหวะเธอ “ตอนแรกคุณบังคับให้หยางหลี่แต่งเข้าตระกูลหนานกง ทำร้ายคู่หมั้นเธอตาย……มันเป็นแบบนี้ใช่ไหมครับ? ”

คุณผู้หญิงมองหน้าพี่เหอ ในใจรู้สึกผิดโดยไม่รู้ตัว ท่าทีหนานกงเฉินในตอนนี้ไม่ยอมรับการโกหกอย่างเห็นได้ชัด

เห็นสีหน้าบนใบหน้าคุณผู้หญิง หนานกงเฉินก็รู้ว่าเรื่องมันเป็นแบบนี้จริงๆ เขาหลับตาลงอย่างเศร้าใจ กัดฟันถามขึ้น “มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ”

“เอ่อ……คือแบบนี้นะคะ” พี่เหอเลียริมฝีปากแล้วพูดขึ้น “ตอนนั้นที่พ่อบ้านไปตามหาคุณหนูหยาง คู่หมั้นของเธอคนนั้นเอามีดจากในบ้านออกมาทำร้ายพ่อบ้าน และขู่ว่าจะวางระเบิดตระกูลหนานกง คุณผู้หญิงเพื่อไล่เขาไป เลยให้เงินก้อนโตกับเขา และให้เขาแกล้งตายออกไปจากชีวิตคุณหนูหยาง เขาทนไม่ไหวกับการล่อลวงเอาเงินก้อนโตแล้วหนีไป จริงๆ แล้ว……ผู้ชายคนนั้นก็ไม่ได้เป็นคนดีอะไร และไม่ได้ตายด้วย แต่เอาเงินไปซ่อนตัวใช้ชีวิตที่ดีข้างนอก”

“แล้วคุณหนูหยางล่ะ? เธอตายได้ยังไง? ” หนานกงเฉินถามอีก

“คุณหนูหยางน่ะ……” พี่เหอมองคุณผู้หญิง ลังเลที่จะพูด

คุณผู้หญิงรู้ว่าหลอกหนานกงเฉินไม่ได้ ลังเลอยู่พักหนึ่งสุดท้ายก็ตอบว่า “จริงๆ มันก็ไม่ใช่ความผิดฉัน คืนวันนั้นที่เธอแต่งเข้ามา ก็โวยวายใหญ่โตกับตระกูลหนานกง จากนั้นหลังจากกลางดึกเธอก็แอบหนีไป แต่เพราะวิ่งไปผิดทางบังเอิญบุกรุกเข้าไปในห้องโถงบรรพบุรุษ เห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นเลยตกใจเป็นลมไปที่นั่น”

“ตกใจจนเป็นลมหรือตกใจตาย? ” หนานกงเฉินตกตะลึง ขมวดคิ้วถามขึ้น

“ตกใจเป็นลม จากนั้นก็เป็นบ้า”

“จากนั้นล่ะครับ? ”

“จากนั้นเหรอ? จากนั้นก็ส่งเธอเข้าโรงพยาบาลโรคจิต”

“ตอนนี้ล่ะ? ”

คุณผู้หญิงมองเขา แล้วพูดอย่างเศร้าใจเล็กน้อย “หนานกงเฉิน หลานอย่าทำเหมือนฉันเป็นนักโทษได้ไหม? ฉันเป็นคุณย่าของหลานนะ”

“ผมอยากรู้ว่าตอนนี้เธออยู่ไหน? ” หนานกงเฉินกลั้นอารมณ์ที่ไม่สงบในใจ

คุณผู้หญิงเหลือบมองพี่เหออีกครั้ง แล้วถามขึ้น “ตอนนี้เธอเป็นยังไงบ้าง? ”

พี่เหอตอบ “เธอยังเหมือนเดิม บ้าคลั่งทุกวัน อยู่ที่……โรงพยาบาลจิตเวชอันคังในเมืองเฉิงซี”

“แปลว่าเธอยังไม่ตาย? ”

“ใช่ค่ะ แต่เป็นบ้าไปแล้ว” พี่เหอพูด

คุณผู้หญิงมองหนานกงเฉินแล้วผลุบตาลง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ จึงถามอย่างระมัดระวัง “เฉิน ทำไมจู่ๆ หลานถามเรื่องนี้? เกิดอะไรขึ้นเหรอ”

ในใจหนานกงเฉินมีความสับสนมากมาย เขาไม่คิดเลยว่าคุณผู้หญิงจะปิดบังเขาสิ่งที่ทำเหล่านี้ นานสักพัก เขาก็ยกเปลือกตาขึ้นเงียบๆ จ้องมองคุณผู้หญิงแล้วพูดขึ้น “คุณย่า คนอื่นพูดถูก คุณเห็นแก่ตัวและเย็นชามากเกินไป ไม่สนใจชีวิตคนอื่นเลย”

คุณผู้หญิงพูดไม่ออก

ถูกหลานชายตัวเองว่าแบบนี้ ในใจก็ไม่พอใจบ้างเล็กน้อย แต่เห็นว่าหนานกงเฉินกำลังโกรธอยู่ เธอก็ไม่สามารถตำหนิเขาได้อีก

หนานกงเฉินสูดลมหายใจ ถามขึ้นอีก “อีกห้าคนที่เหลือล่ะ? คุณทำอะไรกับแต่ละคนบ้าง? เอาพวกเธอไปไว้ที่ไหนแล้ว? ”

เมื่อก่อนสิ่งที่คุณผู้หญิงอธิบายกับเขาคือ ไล่พวกเธอไปต่างประเทศด้วยเงิน และพวกเขาเองก็พอใจมาก และในความทรงจำเขา ผู้หญิงโอหังและรักเงินจริงๆ เอาเงินหนีไปก็ไม่น่าแปลกใจ แต่ตอนนี้ดูเหมือนมันห่างไกลจากความเรียบง่ายอย่างที่คิดไว้

“ที่เหลือ……ก็อย่างที่บอกกับหลานไม่ใช่เหรอ? เอาเงินไปต่างประเทศแล้ว” คุณผู้หญิงเห็นความสงสัยบนใบหน้าเขา รีบพูดขึ้น “ฉันไม่ได้โกหกหลาน ถึงฉันจะขอร้องให้พวกเธอห้ามเข้าประเทศอีกตลอดชีวิต ห้ามบอกความลับตระกูลหนานกง แต่พวกเธอก็สัญญา เอาเงินก้อนโตจากไปอย่างมีความสุข……”

พี่เหอคล้อยตามอีกประโยค “ใช่ค่ะ นอกจากคุณหนูหยางที่ไม่รักเงิน ใช้เงินจัดการด้วยไม่ได้ ผู้หญิงคนอื่นก็ไล่ไปได้ง่ายมาก”

“ตอนนี้ฉันว่าพวกเธอแต่ละคนน่าจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบายข้างนอก” คุณผู้หญิงทำให้ตัวเองบริสุทธิ์ต่อไป

หนานกงเฉินเหลือบมองพวกเขาสองคน อยากด่าแต่ด่าไม่ได้ ทำได้แค่หายใจเบาๆ อย่างหมดหนทาง พูดขึ้นหนึ่งประโยค “คุณย่า ผมหวังว่าเรื่องนี้มันจะจบลงตรงนี้ และห้ามเกิดขึ้นอีก”

คุณผู้หญิงพยักหน้าตอบตกลง ตอนนี้รู้แล้วว่าคู่ครองคือไป๋มู่ชิง เธอยังจะทำเรื่องพวกนี้ไปทำไม? ไม่ทำอย่างแน่นอน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด