"ถ้าพูดอย่างนี้หมายความว่าเธอตกลงแล้ว?"
"ใช่ค่ะ ก็ถือซะว่าตอบแทนบุญคุณของคุณชายเฉิน" ผู้ช่วยเหยียนยิ้ม "แต่ว่าเงื่อนไข……ตอนนี้ยังไม่พูดถึงดีกว่าค่ะ รอให้คุณชายเฉินดีขึ้นแล้วแล้วบริษัทก็กลับมาดีเหมือนเดิมค่อยว่ากันค่ะ"
"ได้งั้ นก็ขอบคุณผู้ช่วยเหยียนมาก" ผู้หญิงกับไป๋มู่ชิงก็โล่งอกไป
"ไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะเป็นสิ่งที่ฉันควรทำ" เมื่อผู้ช่วยเหยียนพูดจบก็เงียบไปสักพักก่อนจะเอ่ยขึ้น "คุณหญิงคะ ถ้าคุณหญิงเชื่อใจเซิ่งเคอ ให้เขากลับมาทำงานที่บริษัทก็ได้ค่ะ"
"เซิ่งเคอ?" คุณหญิงรู้สึกประหลาดใจ
"ใช่ค่ะ ถึงแม้เขาจะมีประวัติ แต่ก็เป็นเพราะเซิ่งตงหยางบังคับ" ผู้ช่วยเหยียนพูด "ทำงานกับเขามาตั้งกี่ปี ฉันกับคุณชายเฉินก็เชื่อใจเขามาก แล้วที่ตระกูลหนานกงไม่ได้ส่งเขาเข้าคุก เขาก็รู้สึกขอบคุนมากไม่มีทางทำตามพ่อของตัวเองหรอกค่ะ"
คุณหญิงหันมองไปทางไป๋มู่ชิง ดูเหมือนว่ายังไม่ไว้ใจเซิ่งเคอ
ไป๋มู่ชิงรีบอธิบาย "คุณหญิงคะ ฉันคิดว่าเซิ่งเคอเป็นคนมีประโยชน์ ให้โอกาสเขาอีกสักครั้งก็ได้ค่ะ"
คุณหญิงคิดไปคิดมาแล้วพยักหน้า "ได้ เดี๋ยวฉันไปคุยกับเขาเอง"
--
เฉียวเฟิงมองไปที่เฉียวซือเหิงอย่างประหลาดใจแล้วเอ่ยถาม "พี่พูดว่าอะไรนะ? หว่านชิงถูกคนของผู่เหลียนเหยาลักพาตัวไปจริงหรอ?"
"ใช่ คนคนนั้นเป็นน้องชายแท้ๆของผู่เหลียนเหยา" เฉียวซือเหิงยกแก้วขึ้นจีบแล้วยิ้มเสียดสี "ดูเหมือนว่าผู่เหลียนเหยาจะโกรธแค้นหนานกงเฉินมาก แม้แต่น้องชายตัวเองก็ยอมให้เสี่ยง"
"เธออยากจะฆ่าหนานกงเฉิน ไม่มีทางยอมแพ้หรอก" เฉียวเฟิงสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วจ้องไปที่เขา "พี่ชาย พี่เดาได้แล้วไม่ใช่เหรอว่าจะช่วยหนานกงเฉินยังไง? รีบช่วยเขาสิ"
"แกจะให้ฉันช่วยมัน?" เฉียวซือเหิงประหลาดใจ
"พี่เป็นเพื่อนกับหนานกงเฉินมาตั้งนาน พี่คงทำใจเห็นว่าครอบครัวเขาสูญเสียไม่ได้หรอก" สีหน้าเฉียวเฟิงมีความรู้สึกเยาะเย้ย "ผมรู้ว่าพี่กำลังคิดอะไรอยู่ แต่ผมไม่อยากให้พี่ทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับใจตัวเองเพื่อผม"
"ฉันไม่ได้วางยามัน ฉันก็ไม่ได้ทำให้โรคมันกำเริบด้วย ฉันไม่ได้รู้สึกไม่สบายใจอะไร"
"แต่เขาเป็นเพื่อนของพี่ ตอนนั้นที่พี่ขโมยลูกสาวของคนอื่นไปก็ไม่ดีมากแล้ว"
"ฉันเคยบอกแล้ว ฉันช่วยลูกสาวมันต่างหาก ถ้าไม่ใช่เพราะฉันลูกสาวมันตายไปตั้งนานแล้ว มันควรจะขอบใจฉัน" เฉียวซือเหิงลังเลไป "อีกอย่าง ฉันแค่เดาได้นิดหน่อย แต่ไม่กล้ารับรองว่าความคิดของฉันถูกหรือเปล่า"
"ไม่ว่าถูกหรือเปล่าก็ลองดูก่อน ยังดีกว่าที่เขารอเวลาตายแบบนี้" เฉียวเฟิงพูด
เฉียวซือเหิงมองไปที่เขา "ฉันว่าแกใจอ่อนเพราะไป๋มู่ชิงร้องไห้สินะ ก็เลยไม่รู้ว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่"
เฉียวเฟิงเป็นใบ้ไป
เขาไม่ปฏิเสธว่าตัวเองใจอ่อนเพราะมองเห็นน้ำตาของไป๋มู่ชิงไม่ได้ แต่ว่า……
"พี่……" เฉียวเฟิงยิ้มอย่างขมขื่น "ตอนนั้นที่พี่พามู่ชิงกับหว่านชิงมาข้างกายผม ผมก็ปฏิเสธแล้ว ถึงแม้สุดท้ายจะเห็นแก่ตัวแล้วยอมรับทั้งสองแม่ลูก แต่กี่ปีนี้มาผมก็ไม่สบายใจเพราะฉะนั้น……ผมไม่ได้ใจอ่อนเพราะมู่ชิงร้องไห้ แต่นิสัยใจอ่อนอยู่แล้ว นี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ตั้งแต่เด็กจนโตผมเทียบอะไรกับพี่ไม่ได้มั้งครับ"
เฉียวซือเหิงมองไปที่เขาแล้วเงียบไปสักพัก "คุณชายเฉียว ถ้าหนานกงเฉินฟื้นขึ้นมาแล้ว ทั้งชาตินี้แกก็ไม่ต้องหวังว่าจะได้ไป๋มู่ชิง แกต้องพิจารณาให้ดี"
"ถ้าต้องมองให้เขาตายไปโดยไม่ช่วยอะไรถึงจะได้มู่ชิง ผมว่าถึงแม้ผมจะได้มู่ชิงมาก็ไม่สบายใจหรอกครับ ผมก็เชื่อว่าพี่ก็จะไม่สบายใจเหมือนกัน เพราะว่ายังไงหนานกงเฉินก็เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของพี่ เขาไม่เคยทำอะไรไม่ดีกับพี่เลย"
เฉียวเฟิงพูดอย่างไม่ลังเล เพราะกี่วันนี้มาเขาคิดได้แล้ว
"พี่ ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะผม พี่ยังจะลังเลแบบนี้หรือเปล่า?" เฉียวเฟิงเอ่ยถามขึ้น
เฉียวซือเหิงมองเห็นสีหน้าที่จริงจังบนหน้าเขา แต่ไม่ได้ตอบคำถามเขา สุดท้ายก็พยักหน้า "ก็ได้ ในเมื่อแกพูดแบบนี้ ฉันก็จะไม่บังคับแกอีก"
--
กว่าเฉียวซือเหิงจะได้เจอผู่เหลียนเหยาก็ใช้เส้นสายอย่างยากลำบาก
แต่ผู่เหลียนเหยากลับพูดออกมาโดยที่ไม่คิดเลย "ฉันเคยบอกแล้ว ไม่ว่าใครก็จะไม่เจอ"
"ก็ได้ครับ" ผู้คุมขังพยักหน้าแล้วเอ่ย "ใช่ครับ คุณเฉียวให้ผมพูดกับคุณหนูผู่ว่า ขอให้คุณไม่ต้องกังวล เขาจะช่วยดูแลน้องชายคุณเอง"
คำพูดของผู้คุมขังก็ทำให้ผู่เหลียนเหยาไม่สนใจเลยเงยหน้าขึ้นถาม "เขาบอกว่าอะไรนะ?"
ผู้คุมขังไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงแสดงปฏิกิริยาขนาดนั้น "เขาบอกว่าเขาจะช่วยดูแลน้องชายคุณเอง ทำไมครับ?"
ผู่เหลียนเหยากัดฟันแน่นแล้วกำมือทั้งสองข้างแน่น ก่อนที่ผู้คุมขังจะหันหลังเดินไปก็เอ่ยขึ้น "รอก่อน"
"มีอะไรหรือเปล่าครับ?" ผู้คุมขังหันมามองเธอ
ผู่เหลียนเหยาจำใจเอ่ยพูดออกมา "ฉันจะพบเขา"
ตลอดเวลาที่ผ่านมาผู่เหลียนเหยากับเฉียวซือเหิงไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันเลย เมื่อได้ยินผู้คุมขังบอกว่าเขาจะเจอเธอ ในใจเธอก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่ไม่ว่าจะเพราะอะไรเธอก็ไม่อยากเจอใครทั้งนั้น แต่เธอคาดไม่ถึงเลยว่าเฉียวซือเหิงจะพูดถึงเรื่องน้องชายเธอ
คนรอบข้างที่รู้จักเธอ ไม่มีใครรู้ว่าเธอยังมีน้องชายอีกคน แม้แต่คนตระกูลหนานกงกับเซิ่งเคอก็ไม่รู้!
ทำไมเฉียวซือเหิงถึงรู้? ทำไม?
ด้วยความสงสัย ผู่เหลียนเหยาก็เดินมาตรงหน้าเฉียวซือเหิงแล้วนั่งลงเก้าอี้หน้าเขาแล้วยิ้มอย่างเยือกเย็น "คุณชายเฉียวที่ยุ่งตลอดเวลาแต่กลับมาเจอฉันที่ไม่เคยเจอกันเลย? รู้สึกเป็นเกียรติมากเลยค่ะ"
"คุณหนูผู่พูดถูก ผมยุ่งมาก" เฉียวซือเหิงเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง "เราคุยกันตรงๆเถอะ บอกผมมาเดี๋ยวนี้ว่าคุณวางยาอะไรใส่หนานกงเฉิน"
"ถ้าฉันไม่บอกคุณล่ะ?"
"ถ้างั้นผมก็ไม่บอกคุณเหมือนกันว่าผู่จี๋ตอนนี้เป็นยังไง"
"คุณ……" ผู่เหลียนเหยาไม่รู้จะเอ่ยพูดยังไง
"โมโหก็ถูกแล้ว ก็แสดงว่าคุณก็ยังเป็นห่วงเขา" เฉียวซือเหิงยิ้มอย่างเยือกเย็น "ใช่สิ เตือนคุณหน่อยก็ดี ผมเรียนหมอมานานกว่าคุณ คุณอย่าโกหกผมจะดีกว่า"
"ตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้าง?" ผู่เหลียนเหยาเอ่ยถามขึ้นทันที
"เป็นเพราะคุณ ก็เลยโดนคดีลักพาตัวเด็ก ตอนนี้ถูกตำรวจที่อังกฤษจับตัวแล้ว"
"อะไรนะ……!" ใจผู่เหลียนเหยาสั่นวูบไป สีหน้าก็ซีดขาวทันที
"แต่ว่าจะโดนโทษอะไรบ้างก็ต้องรอความเห็นจากเด็กแล้วก็ผู้ปกครองของเด็ก อย่างมากก็สิบปียี่สิบปี อย่างน้อยก็สามสี่ปีหรือว่าอาจจะพ้นโทษก็ได้" เฉียวซือเหิงหยุดเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้น "สมมุติว่าผู่จี๋เป็นเพื่อนของเฉียวเฟิง เขาแค่ชอบหว่านชิงก็เลยพาตัวเธอไป จากนั้นก็ได้รับการอภัยจากเฉียวเฟิง ทุกอย่างก็จะเปลี่ยนไปทันที"
"เป็นยังไงบ้าง? คุณควรจะคิดพิจารณาแล้วยอมรับแผนของผมใช่ไหม?"
ผู่เหลียนเหยาจ้องไปที่เขาด้วยสีหน้าหงุดหงิด
เธอคิดไม่ถึงเลยว่าผู่จี๋จะถูกจับตัวที่อังกฤษ ในใจก็เสียใจที่ให้เขาไปลักพาตัวหว่านชิง เธอไม่ควรให้เขาไปเสี่ยงเลย!
"คุณอย่าจ้องผมแบบนี้ ผู่จี๋ลีกพาตัวเป็นเรื่องจริง ผมไม่ได้แต่งเรื่อง ไม่งั้นผมก็คงไม่รู้ว่าคุณหนูผู้ยังมีน้องชายอีกคน"
ผู่เหลียนเหยาหายใจเสียงดัง แม้แต่เสียงพูดก็ยังสั่น "ฉันจะรู้ได้ยังไงว่าคุณกำลังโกหกฉันหรือเปล่า?"
"คุณหมายถึงเรื่องที่ผู่จี๋ถูกจับหรือว่าเรื่องหลังจากนั้น?"
ผู่เหลียนเหยาไม่เอ่ยพูดอะไร จากนั้นเฉียวซือเหิงก็ยิ้ม "คุณยังมีสิทธิ์เลือกอีกหรอ? หรือว่าคุณจะยอมเห็นผู่จี๋อยู่ในคุกเพื่อคุณงั้นหรอ?"
"แต่ฉันไม่ยอม ฉันไม่มีทางให้หนานกงเฉินมีชีวิตอยู่ต่อแน่!" ผู่เหลียนเหยากัดฟันแน่นแล้วเอ่ยขึ้น
เฉียวซือเหิงยิ้มอย่างไม่แคร์ "ผมเคยบอกแล้ว ผมเรียนหมอมานานกว่าคุณ ก่อนที่คุณจะลงมือกับหว่านชิง ผมก็เดาอะไรออกแล้ว คุณหนูผู่อย่าดูถูกอำนาจของผมแล้วอย่าเปลืองโอกาสที่ดีแบบนี้ด้วย"
เงียบไปอีกสักพักเฉียวซือเหิงก็เอ่ยขึ้น "คุณหนูผู่ ความจริงหนานกงเฉินจะรอดหรือไม่รอดก็ไม่มีอะไรสำคัญกับผม ถึงแม้คุณจะปฏิเสธ ผมก็ไม่เสียใจหรอกเพราะฉะนั้น……ผมให้เวลาคุณหนึ่งนาทีในการคิด"
พูดจบเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้
หนึ่งนาทีสั้นมาก แค่กระพริบตาก็ผ่านไปแล้ว เฉียวซือเหิงจะหันหลังเดินไปอย่างลังเล
"รอก่อน" ในใจที่กำลังตีกันวุ่นไปหมดของผู่เหลียนเหยาก็เรียกเขาไว้
ฝีก้าวของเฉียวซือเหิงก็หยุดลงแล้วหันมายิ้มอย่างมีเลศนัยให้เธอ……
--
ไป๋มู่ชิงยกถ้วยโจ๊กที่ตัวเองทำกับมือเข้าไปในห้องพักฟื้นของหนานกงเฉิน เมื่อหนานกงเฉินเห็นเธอก็หันหน้าหนีไปไม่สนใจเธอ
หลังจากที่รู้ถึงความคิดในใจของเขา ไป๋มู่ชิงไม่สนใจความเยือกเย็นของเขาเลยแต่กลับนั่งลงข้างเตียงเขาแล้วทอดมองไปที่เขา "นายกับผู้ช่วยเหยียนยังคุยกันก็นานขนาดนั้น แต่ไม่อยากพูดกับฉันสักคำเลยหรอ? นายไม่กลัวว่าฉันจะหึงหรอ?"
เมื่อเห็นว่าเขาไม่เอ่ยพูดอะไร ไป๋มู่ชิงก็พูดขึ้นอีกว่า "ฉันบอกความลับกับคุณก็ได้ ความจริงฉันเป็นคนขี้หึงมาก"
"ผมให้อิสระคุณแล้ว ทำไมคุณยังไม่ไปอีก?" สุดท้ายหนานกงเฉินก็หันหน้ามาแล้วจ้องเธออย่างไม่สบอารมณ์ "ผมไม่แย่งหว่านชิงกับคุณแล้ว ไม่ห้ามให้คุณอยู่กับเฉียวเฟิงด้วย คุณกลับไปได้ทุกเมื่อ"
ไป๋มู่ชิงเอนตัวลงไปบนตัวเขาแล้วจูบริมฝีปากเขา "เฉิน นายอย่าแกล้งอีกเลย ฉันรู้ว่าในใจนายกำลังคิดอะไรอยู่"
เมื่อหนานกงเฉินถูกจูบ ในใจก็ใจอ่อน ความเสแสร้งที่แกล้งมาตลอดก็หายไปทันที
แต่เขาก็แค่ทอดมองไปที่เธอ ไม่เอ่ยพูดอะไรออกมา
ไป๋มู่ชิงยิ้ม "แต่ก่อนฉันเอาแต่แกล้งว่าไม่รักนายแล้วทำสีหน้าต่างๆ ตอนนี้เปลี่ยนเป็นนายแล้วหรอ? ตอนนั้นนายบอกว่าฉันยังแสดงได้ไม่ดี แสดงได้ไม่สมจริงเลย นายก็ไม่ดูตัวเองตอนนี้แสดงได้แย่กว่า……อือ……"
ร่างกายของไป๋มู่ชิงก็เอนลงไป ริมฝีปากสีแดงก็จุมพิตที่ริมฝีปากเขาอีกครั้ง
เธอขยับร่างกาย ฝ่ามือของหนานกงเฉินที่จับที่ท้ายทอยไว้ก็แน่นขึ้น ไม่ให้โอกาสเธอหลบหนี
จนสุดท้ายเธอไม่ขยับแล้วเขาถึงปล่อยตัวเธอ
ไม่ได้ลิ้มลองรสชาติของเธอมาตั้งนาน เมื่อกี้ถูกเธอจูบก็รู้สึกคิดถึงขึ้นมาทันที
"ไม่แกล้งล่ะ?" ไป๋มู่ชิงมองไปที่สายตาที่โหยหาของเขาแล้วยิ้มอ่อน
หนานกงเฉินก็ทอดมองไปที่เธอแล้วเอ่ยว่า "เธอจะมองฉันค่อยๆตายไปแล้วเหลือรอยด่างไว้ในใจถึงจะพอใจงั้นหรอ?"
ตอนนั้นที่เธอเดินจากไป เขาเสียใจมาก รู้สึกว่าเธอรังเกียจเขา ก็เลยชอบหายตัวไป จากนั้นก็โมโหหงุดหงิด แต่ตอนนี้เธอกลับมาแล้ว แต่เขาก็ทำใจไม่ได้ ทำใจไม่ได้ที่จะให้เธอลำบากอยู่ข้างกายตัวเอง ทำใจไม่ได้ที่เธอต้องร้องไห้เสียใจเพราะโรคของเขา
"นายไว้ใจเถอะ นายไม่มีตายหรอก" ไป๋มู่ชิงซบลงไปที่อกเขาแล้วฟังเสียงหัวใจเขา "ฉันได้ยินเสียงหัวใจนายยังเต้นปกติ ไม่อ่อนแรงลงไปเลยสักนิด"
"เธอภาวนาให้ผมตายไปดีกว่า ไม่งั้น……" หนานกงเฉินจับที่คางเธอไว้แล้วเงยหน้าเธอขึ้น จ้องเธอด้วยสีหน้าเยือกเย็น "เธอโกหกผมครั้งแล้วครั้งเล่า โกหกผมเยอะขนาดนั้น ถ้าผมยังปล่อยคุณไปอีกผมก็คงไม่ใช่ผู้ชายแล้ว"
"แล้วนายจะไม่ปล่อยฉันไปยังไงล่ะ?" ไป๋มู่ชิงทำท่าทางรู้สึกกลัว
"ถึงเวลาค่อยว่ากัน" หนานกงเฉินพูด
ไป๋มู่ชิงไม่แยแส "นอกจากนายจะขังฉันยังทำอะไรได้อีก? มัดตัวฉันไว้แล้วเฆี่ยนตีฉันหรอ? ใช้มีดฟันฉัน?" เธอพูดแล้วยักไหล "นายไม่กล้าหรอก"
ถึงแม้หนานกงเฉินจะหงุดหงิดกับคำพูดของเธอ แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่านั่นคือความจริง
เธอพูดถูก กับเธอ……เขาทำร้ายไม่ได้จริงๆ
"หว่านชิงจะกลับมาเมื่อไหร่?" หนานกงเฉินเอ่ยถามขึ้น
เมื่อพูดถึงหว่านชิง ไป๋มู่ชิงก็ยิ้มอย่างอ่อนโยน "ไม่กี่วันก็กลับมาแล้ว รอเธอกลับมาฉันจะรีบพาเธอมาเจอนายเลยดีไหม?"
เฉียวเฟิงบอกว่าหาตัวหว่านชิงเจอแล้ว ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ตอนนั้นเธอก็ดีใจจนร้องไห้ รู้สึกว่าทั้งชีวิตนี้ไม่เคยดีใจขนาดนั้นมาก่อน
หนานกงเฉินพยักหน้าแล้วจ้องไปที่เธอ "แต่ว่าอย่าเพิ่งบอกเธอว่าผมเป็นพ่อ"
"ทำไม?"
"อยู่ดีๆหว่านชิงก็เปลี่ยนพ่อ เธอคงยอมรับไม่ได้ ถ้าคุณพ่อคนใหม่จากไปอีกเธอก็ยิ่งยอมรับไม่ได้"
"นายอย่าพูดอย่างนี้" น้ำตาของไป๋มู่ชิงก็ไหลลงมาทันทีแล้วซบไปบนตัวเขา "นายเอาแต่บอกให้ฉันรู้อย่าเสียใจ แต่นายก็เอาแต่พูดคำพูดที่ทำให้คนอื่นเสียใจ"
"ขอโทษ" หนานกงเฉินยกมือขึ้นลูบเส้นผมของเธอ "ผมแค่ไม่อยากให้ดวงใจน้อยๆของหว่านชิงเสียใจ ไม่อยากให้เธอรู้ว่าพ่อแท้ๆของเธอไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว อยากให้เธอมีชีวิตที่มีความสุขแบบนี้"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด
เขียนดี แต่แปลได้สับสน วางบทตอนกระโดดไปกระโดดมา...