เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด นิยาย บท 250

หลังจากพักฟื้นในโรงพยาบาลไปไม่กี่วัน อาการของหนานกงเฉินก็ดีขึ้น แต่ว่าเพื่อคำนึงถึงร่างกายของเขาคุณหญิงก็ห้ามเขาออกจากโรงพยาบาลก่อนกำหนด

หนานกงเขารู้สึกเบื่อหน่ายแล้วเดินไปเดินมาในห้องพักฟื้น เมื่อได้ยินเสียงเคาะประตูก็รีบหันหลังไป

"เป็นยังไงบ้าง? สืบหาที่อยู่มู่ชิงที่อังกฤษได้หรือยัง?" เมื่อเห็นผู้ช่วยเหยียนเขาก็รีบเอ่ยถาม

"ได้ประมาณหนึ่งแล้วค่ะ แต่ก่อนอยู่ลอนดอน แต่ว่าตอนนี้อยู่ที่เอดินเบอระ แต่ว่าพักอยู่ที่ไหนยังไม่ทราบค่ะ" ผู้ช่วยเหยียนมองสำรวจเขา "คุณชายเฉินคะ คุณจะตามไปที่อังกฤษจริงหรอคะ?"

"ใช่" หนานกงเฉินตอบอย่างไม่ลังเลเลย นี่เป็นสิ่งแรกที่เขาจะทำหลังจากที่ออกจากโรงพยาบาล

"แต่ว่าอีกไม่ถึงหนึ่งเดือนก็จะถึงประชุมบอร์ดบริหารแล้วนะคะ คุณ……"

"ถ้าไม่ตามหาตัวมู่ชิงกลับมา ผมก็ไม่สบายใจแล้วไม่มีกระจิตกระใจดูแลบริษัทด้วย" หนานกงเฉินคิดไปคิดมาแล้วเอ่ย "คุณช่วยผมสืบหน่อยว่าเธอจะอยู่เอดินเบอระนานแค่ไหน"

"คุณชายเฉินคะ อาจจะยากหน่อยค่ะ เพราะว่าไม่ใช่ทุกเมืองที่จะใช้บัตรประชาชน ถ้าเธอไม่ใช้บัตรประชาชนเราก็ไม่สามารถสืบหาตัวเธอได้เลย" ผู้ช่วยเหยียนเอ่ย "แต่ว่าคุณไว้ใจเถอะค่ะ ฉันจะพยายาม"

เธอมองไปที่เขา เงียบไปสักพักค่อยเอ่ย "คุณชายเฉินคะ……ตอนนี้เราคุยเรื่องงานได้หรือยังคะ?"

หนานกงเฉินมองไปที่เธอ ถึงแม้จะไม่อยากแต่ก็จำใจนั่งกลับไปที่เก้าอี้แล้วรับเอกสารที่เธอยื่นมาให้พร้อมเปิดดู

ดูไปครู่หนึ่ง เขาก็เงยหน้าถาม "ช่วยผมถามคุณหมอหน่อยว่าออกไปจากโรงพยาบาลได้วันไหน?"

"คุณชายเฉินถามแล้วไม่ใช่หรอคะ?"

"ผมถามแล้ว เขาบอกว่าต้องอีกหนึ่งอาทิตย์" กับคำตอบนี้เขายอมรับไม่ได้ หนึ่งอาทิตย์? ภรรยาตัวน้อยของเขาไม่รู้ว่าจะไปถึงที่ไหนบนโลกนี้แล้ว

ผู้ช่วยเหยียนถอนหายใจแล้วส่ายหัวไปด้วย ดูเหมือนว่าจะให้เขาตั้งใจทำงานก็คงจะลำบาก

หนานกงเขาในตอนนี้ ในใจมีแต่ไป๋มู่ชิง ไม่มีอารมณ์มาทำงานเลย!

--

เอดินเบอระเป็นเมืองเก่าแก่ของอังกฤษ หนึ่งปีก่อนที่ไป๋มู่ชิงรักษาตัวหายแล้ว ก็เคยมากับเฉียวเฟิงหว่านชิงแล้วหนึ่งครั้ง

เมืองนี้ใหญ่โตมาก แต่ไม่รู้เพราะว่าเคยมาหรือเปล่าแล้วอารมณ์ก็ไม่ได้ไม่ดีด้วยก็เลยไม่รู้สึกแปลกอะไร เธอไม่ได้รู้สึกสนใจมากนัก

แต่เสี่ยวหว่านชิงที่ใส่เสื้อโค้ทไว้ก็วิ่งไปวิ่งมา ดูมีความสุขมาก

เธอวิ่งไปต่อหน้ารูปปั้นช้างแล้วหันกลับมาโบกมือให้เฉียวเฟิง "คุณพ่อเฉียว หนูจะถ่ายรูปสวยๆที่นี่แล้วส่งไปให้คุณทวดกับคุณพ่อดู"

เฉียวเฟิงยิ้มอ่อนแล้วพยักหน้า "ได้ เดี๋ยวถ่ายให้หว่านชิงรูปหนึ่ง"

เฉียวเฟิงยกกล้องถ่ายรูปขึ้นแล้วกดชัตเตอร์ลงไป

หลังจากที่หว่านชิงถ่ายรูปเสร็จก็วิ่งมา "คุณพ่อคุณแม่ หนูก็จะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่ด้วย"

เฉียวเฟิงยิ้มแล้วลูบศีรษะของเธอ "หนูก็รู้ คุณพ่อไม่ชอบถ่ายรูป ให้คุณพ่อถ่ายให้หนูกับคุณแม่ดีมั้ย?"

"ก็ได้ค่ะ" หว่านชิงจูงมือของไป๋มู่ชิงไว้ "คุณแม่ เราไปถ่ายรูปกันเถอะค่ะ"

ไป๋มู่ชิงยิ้มแล้วเดินตามเธอไป จากนั้นก็เสี่ยวหว่านชิงอุ้มเข้ามาในอ้อมกอดแล้วทำท่าทางมือไปทางเฉียวเฟิง

หลังจากที่ถ่ายรูปเสร็จ หว่านชิงก็วิ่งไปอีกวิวหนึ่ง มองเห็นแผ่นหลังที่มีความสุขของเธอ ไป๋มู่ชิงก็แอบสูดหายใจเข้า ตอนที่เพิ่งออกบ้านมาเธอก็คิดว่า ในเมื่อออกมาเที่ยวก็ควรจะดีใจหน่อย อย่าทำลายความรู้สึกของเด็ก แต่สุดท้ายเธอก็ทำได้ไม่ดีมาก

เธอหันกลับมาแล้วยิ้มไปทางเฉียวเฟิง "อาเฟิง คุณเหนื่อยหรือเปล่า? เราไปหาที่นั่งกันเถอะ"

"ได้" เฉียวเฟิงใช้คางชี้ไปที่ร้านกาแฟกลางแจ้ง "ตรงนั้นนั่งได้"

"ร้านกาแฟ? ฉันจำได้ว่าครั้งก่อนที่พวกเรามายังไม่มีใช่ไหม?"

"ใช่ เหมือนจะเพิ่งเปิด"

ทั้งครอบครัวก็ไปนั่งเล่นที่ร้านกาแฟกลางแจ้ง ด้านข้างก็เป็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม เสี่ยวหว่านชิงกอดอยู่บนราวแล้วเอ่ย "คุณพ่อเฉียวดูสิคะ ที่นั่นมีบ้านที่น่ารักเยอะมากเลย"

"ใช่ เดี๋ยวเราไปดูที่นั่นดีไหม?"

"ดีค่ะ"

"แล้วตอนนี้หว่านชิงนั่งพักผ่อนก่อนไหมคะ?" ไป๋มู่ชิงอุ้มเธอกลับมาบนเก้าอี้ "มา อย่าเหมือนครั้งก่อนที่เดินจนเหนื่อยแล้วให้คุณพ่ออุ้ม"

"ครั้งก่อนหนูเดินไม่ไหวหรอคะ?" ความทรงจำครั้งก่อนเธอจำได้ไม่เยอะมาก

"แน่นอน หนูลืมแล้วหรอ?" เฉียวเฟิงเอ่ยยิ้ม "ตอนนั้นหนูกินไอศครีมไปด้วยแล้วร้องไห้ไปด้วย บอกว่าต่อไปจะไม่ออกมาเที่ยวอีก คนรอบข้างก็เอาแต่หัวเราะหนู"

"น่าอายมาก……" หว่านชิงใช้มือปิดหน้าตัวเองไว้ จากนั้นก็หันมองไปถามเฉียวเฟิงอย่างสงสัย "แล้วหลังจากนั้นล่ะคะ?"

"หลังจากนั้นคุณพ่อก็อุ้มหนูไว้ตลอดเลย"

เสี่ยวหว่านชิงคิดไปคิดมาแล้วเอ่ย "ขอโทษค่ะคุณพ่อ ตอนนั้นหว่านชิงยังเด็กเกินไป แต่ว่าวันนี้จะไม่เป็นอีกแล้วค่ะ"

"ใช่ หว่านชิงของเราโตแล้ว" เฉียวเฟิงยิ้มแล้วเอ่ยชม

ไป๋มู่ชิงมองไปที่พวกเขาสองคนก็ยิ้มอ่อน เธอจินตนาการได้เลยว่าที่หว่านชิงพูดไปแบบนี้ พอถึงตอนบ่ายก็ต้องเหนื่อยจนเดินไม่ไหวแล้วไม่กล้าให้อุ้มด้วย

--

หนานกงเฉินอยู่ในโรงพยาบาลไปสามวัน สุดท้ายก็ทนอยู่ไม่ได้แล้วจะออกจากโรงพยาบาล

คุณหญิงก็ห้ามเขาไม่อยู่ คุณหมอก็ห้ามไม่อยู่ก็เลยต้องปล่อยเขา

สิ่งแรกที่หนานกงเฉินทำหลังจากออกจากโรงพยาบาลก็คือเข้าไปในห้องทำงานของเฉียวซือเหิง เพราะว่าความสัมพันธ์ของเขากับเฉียวซือเหิง หน้าเคาน์เตอร์ก็ไม่ได้ห้ามเขา ก็ปล่อยให้เขาเข้าไป จนกระทั่งหนานกงเฉินเข้าไปในห้อง เฉียวซือเหิงไม่ได้เตรียมใจอะไรเลยก็เลยตกใจกับเขา

หนานกงเฉินเดินไปต่อหน้าเขา มือทั้งสองก็วางลงบนโต๊ะทำงานพร้อมจ้องมองเขา "บอกมา แกเอาเมียกับลูกฉันไปที่ไหน?"

เฉียวซือเหิงเตรียมใจไว้แล้วว่าเขาจะมาหา ใบหน้าที่ประหลาดใจก็หายไป แล้วร่างกายก็เอนไปพิงกับเก้าอี้พร้อมใช้สายตาที่เยือกเย็นมองกลับ "แกแน่ใจเหรอว่าแกจะคิดบัญชีกับฉันตอนนี้?"

"ฉันถามแกว่ามู่ชิงอยู่ไหน!"

"ฉันเตือนจะไว้เลย แกใจเย็นดีกว่าถ้า ครั้งนี้ทำให้ร่างกายเป็นอะไรอีกหว่านชิงก็ช่วยแกไม่ได้"

"ฉันถามว่ามู่ชิงอยู่ไหน!" หนานกงเฉินชกหน้าเขาไปแล้วเอ่ยอย่างเยือกเย็น "เรื่องที่ลักพาตัวหว่านชิงไปอีกหน่อยฉันค่อยคิดบัญชีกับแก ตอนนี้ฉันบอกให้แกส่งตัวมู่ชิงมาไม่งั้น……"

เฉียวซือเหิงรู้จักนิสัยเขาดีแล้วเดาได้ว่าเขาจะลงมือ ก็เลยขยับเก้าอี้ถอยหลังหลบหนีหมัดของเขา "ไม่งั้นจะทำไม? แกจะฆ่าฉันหรอ?"

"หรือว่า……คืนชีวิตแกมาให้ฉัน ฉันก็จะคืนไป๋มู่ชิงให้แก ถ้าถึงเวลาไป๋มู่ชิงก็คงไม่ยอมแน่นอน" เฉียวซือเหิงมองไปที่เขา "แกเข้าใจไหม? ตอนนั้นไป๋มู่ชิงทำการแลกเปลี่ยนกับฉันเอง ฉันไม่ได้บังคับเธอ"

"แกรู้อยู่แล้วว่าเธอจะเลือกไปกับเฉียวเฟิง ทำไมยังให้เธอเลือกอีก?"

"แกหมายความว่าแกยอมตายก็ไม่ยอมให้เธอไปกับเฉียวเฟิงงั้นเหรอ?" เฉียวซือเหิงยิ้มอย่างมีเลศนัย "แล้วแกเคยคิดหรือเปล่าถ้าแกตายไป มู่ชิงก็จะกลับไปข้างกายเฉียวเฟิงเหมือนกัน?"

หนานกงเขาถูกเขาถามจนเป็นใบ้ไป ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าก่อนเขาจะตาย เขาก็หวังว่าไป๋มู่ชิงจะอยู่กับเฉียวเฟิง แต่ว่าตอนนี้เขาฟื้นแล้ว เขาก็ไม่ยอมให้ภรรยากับลูกสาวตัวเองอยู่กับคนอื่นเด็ดขาด

"ฉันไม่สนว่าทำการแลกเปลี่ยนอะไร ฉันต้องตามหาตัวมู่ชิงกับหว่านชิงกลับมาแน่นอน แกไม่บอกฉันก็ไม่เป็นไร ฉันไปหาเอง" หนานกงเฉินเอ่ยกัดฟันแน่น "มู่ชิงกับหว่านชิงเป็นของฉัน นี่คือเรื่องจริง ไม่ว่าแกจะซ่อนจะบังคับก็ไม่มีประโยชน์ ถ้าแกรู้สึกไม่สบายใจก็เอาชีวิตฉันกลับไปก็ได้"

พูดคำนี้จบ หนานกงเฉินก็ยืดตัวขึ้นแล้วเอ่ย "แล้วก็เรื่องของหว่านชิง ฉันจะให้แกชดใช้แน่!"

พูดจบเขาก็เดินออกไป

เฉียวซือเหิงมองแผ่นหลังของเขาที่เดินออกไปก็ยิ้มอย่างมีเลศนัย จากนั้นก็ก้มหน้าทำงานต่อ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด