เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด นิยาย บท 62

สรุปบท บทที่ 62 มาผิดเวลา: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด

อ่านสรุป บทที่ 62 มาผิดเวลา จาก เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด โดย เยว่กวางจู่อวี

บทที่ บทที่ 62 มาผิดเวลา คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายInternet เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย เยว่กวางจู่อวี อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

หลังออกจากโรงแรม ไป๋มู่ชิงนั่งอยู่ริมแม่น้ำคนเดียวถึงบ่ายจึงกลับบ้าน

ขณะกำลังเดินเข้าบ้าน ก็พบว่าคนในตระกูลหนานกงกำลังทานข้าวกันอยู่ ลูกสาวคนโตของคุณนายหนานกง หนานกงยวี่ก็อยู่ด้วย พอเห็นเธอเข้ามาหนานกงยวี่ก็รีบวางตะเกียบแล้วเดินไปคล้องแขนเธอก่อนพูดด้วยสีหน้าอย่างเป็นมิตรว่า "ยิ่งอันกลับมาแล้วเหรอ ไม่เจอกันแค่ไม่กี่วันทำไมสีหน้าดูไม่ดีเลย?"

ใบหน้าอันงดงามทำตาตื่นแล้วถามว่า "เฉินรังแกเธอเหรอ บอกป้ามาเลยเดี๋ยวป้าจัดการเขาให้"

ไป๋มู่ชิงโดนเธอลากไปทางห้องอาหาร ป้าเธอมองไปที่หนานกงเฉินแวบหนึ่งก่อนหันไปทักทายทุกคน

"นายหญิงน้อยทานข้าวแล้วหรือยังคะ" พี่เหอถาม

ไป๋มู่ชิงรีบบอกว่า "ทานมาแล้วค่ะ"

เธอไม่กล้าที่จะนั่งร่วมโต๊ะกับทุกคน กลัวจะมีอาการแพ้ท้องเหมือนเมื่อตอนเที่ยง เรื่องที่เธอกำลังตั้งท้องจะความแตกซะก่อน

เธอไม่เคยลืมเรื่องที่ว่าหนานกงเฉินไม่อยากให้เธอตั้งท้อง และไม่ลืมเรื่องเมื่อตอนเที่ยงที่ซูวยาหยงข่มขู่เธอไว้

" พวกคุณค่อยๆทาน ฉันขอตัวขึ้นข้างบนก่อนนะคะ " เธอพูดอย่างนอบน้อม

" กินมาแล้วก็กินอีกได้" หนานกงยวี่พูดขึ้นอย่างเป็นห่วง "ดูเธอซิผอมจนมีแต่กระดูกแล้ว คุณย่าท่านยังรออุ้มหลานอยู่นะ ต้องกินเยอะๆให้อ้วนกว่านี้หน่อย"

"คุณแม่ อย่าฝืนให้พี่เขากินเลย พี่สะใภ้จะท้องเพราะกินเยอะอย่างเดียวไม่ได้หรอกนะ มันต้องเพิ่งพี่เฉินด้วย"เซิ่งเคอที่นั่งอยู่ข้างๆพูดขึ้นมาอย่างยิ้มๆ

" ที่พูดก็ถูก" หนานกงยวี่หันไปหาหนานกงเฉิน "เฉิน ต้องรีบแล้วนะ นี่ก็แต่งกันสองเดือนกว่าแล้วยังไม่มีวี่แววอะไร ไม่ได้เรื่องเลย"

หนานกงเฉินยุ่นคิ้วเล็กน้อย แสดงถึงความไม่พอใจกับเรื่องที่ทุกคนพูดถึง เพราะฟังบ่อยจนรู้สึกเบื่อ

เขายังคงค่อยๆทานข้าวโดยไม่สนใจกับหัวข้อสนทนาดังกล่าว

"ไม่แน่นะพี่สะใภ้อาจจะท้องแล้วก็ได้ แต่ยังไม่ได้บอกทุกคนแค่นั้นเอง" ผู่เหลียนเหยาที่นั่งอยู่เงียบๆพูดขึ้นและหันไปหัวเราะคึๆให้ไป๋มู่ชิงพร้อมถามว่า "ใช่มั้ยพี่สะใภ้?"

ไป๋มู่ชิงได้ยินที่เธอพูดก็นิ่งอึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะรีบส่ายหัวปฏิเสธ "ไม่แน่นอน จะเป็นไปได้ไง....เหอะๆ "

"แค่ล้อพี่เล่น แหมดูพี่ตกใจใหญ่เลย"

"ฉัน........" ไป๋มู่ชิงยิ้มเจื่อน "เหอะๆ ถ้าท้องเมื่อไหร่จะบอกคุณย่าเป็นคนแรกเลย"

ขณะเดียวกันสายตาเธอก็สบเข้ากับหนานกงเฉินโดยบังเอิญ สายตาเขาที่มองมาแฝงด้วยความสงสัยยิ่งทำให้เธอหวั่นใจมากขึ้น

"งั้น......ฉันขอขึ้นข้างบนก่อนนะคะ" เธอพูดเสร็จก็รีบหลบขึ้นชั้นบนไป

"ดูเธอซิ ไม่ใช่เหลียนเหยาทายถูกแล้วเหรอ" หนานกงยวี่ยังมองหลังไวๆของเธอพร้อมพูดพึมพำ

ผู่เหลียนเหยาหัวเราะ "พี่สะใภ้แกอายพวกเราต่างหาก ใช่มั้ยพี่เฉิน?"

หนายกงเฉินยิ้มมุมปากเล็กน้อยโดยไม่พูดอะไร

เมื่อกี้นี้ตอนเขาเห็นปฏิกริยาของไป๋มู่ชิงในใจเกิดความสงสัยขึ้นมวูบหนึ่ง แต่พอนึกดีๆแล้ว ทุกครั้งที่เขาเสร็จกิจ ก็จะสั่งให้คนนำยาให้เธอกินเสมอ อีกทั้งยังย้ำให้คนเฝ้าเธอกินยาให้เสร็จทุกครั้ง จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะตั้งท้องได้

พอคิดได้เช่นนี้เขาก็หายกังวลใจ

ตกกลางคืน คุณผู้หญิงหนานกงได้เข้ามาในห้องนอนของไป๋มูนชิง เป็นครั้งแรก

ขณะที่ไป๋มู่ชิงกำลังพิงหัวเตียงกินขนมและดูทีวีอยู่ จนทำเอาเธอตกใจรีบลุกขึ้นนั่งจ้องมองแบบงงๆไปที่ท่านก่อนพูดว่า " คุณย่า........"

"ทำไม เห็นฉันถึงกับตกใจขนาดนั้นเลยเหรอ?" คุณผู้หญิงหนานกงยิ้มเล็กน้อย แล้วเดินไปนั่งบนโซฟาที่ตั้งอยู่ข้างหัวเตียง

นี่เป็นครั้งแรกอีกเหมือนกันที่คุณผู้หญิงท่านยิ้มให้ไป๋มู่ชิง ทำให้ใจเธอเกิดหวาดหวั่นไม่น้อย หรือคุณผู้หญิงที่ทั้งฉลาดปราดเปรื่องจะรู้แล้วว่าเธอกำลังตั้งท้อง?

คุณผู้หญิงมองไปที่ขนมในมือเธอแวบหนึ่งแล้วถามว่า "ไหนบอกว่ากินข้าวมาแล้ว? ทำไมยังมานั่งกินขนมอยู่?"

ขอโทษทีค่ะ หนู.....กินจุบจิบ ไป๋มู่ชิงรีบโยนถุงขนมลงถังขยะที่อยู่ข้างเตียง ซึ่งมีถุงขนมอีกหลายห่ออยู่ในถังขยะนั้น

เห็นดังนั้นในใจคุณผู้หญิงยิ่งนึกสงสัย ก่อนจะรีบจ้องมอมาที่เธอแล้วถามว่า "ยิ่งอันเธอท้องใช่มั้ย บอกฉันมาเร็ว "

" รบกวนลงทะเบียนแผนกสูติฯให้ด้วยค่ะ" ไป๋มู่ชิงยื่นเงินสิบหยวนตรงช่องลงทะเบียน แล้วรับทะเบียนประวัติพร้อมบัตรคิวจากเจ้าหน้าที่

" มู่ชิง เธอเคยได้ยินเรื่องวินญาณเด็กทารถที่ถูกทำแท้งมั้ย? เหยาเหม่ยเห็นว่ามู่ชิงยังยืนกรานที่จะเอาเด็กออกจึงลองใช้วิธีขู่ให้กลัวโดยตั้งใจพูดให้ดูเป็นเรื่องน่าหวาดกลัวว่า " เห็นเขาว่ากันว่าทารถในครรถ์มีจิตวินญาณ ถ้าเธอทำแท้งจะทำให้ดวงวินญาณของเด็กอาฆาตและจะเกาะติดตามเธอไปทั้งชีวิต น่ากลัวมากนะ "

ไป๋มู่ชิงเบียดตัวเองออกจากผู้คนแล้วยิ้มให้เธอก่อนพูดว่า " จริงเหรอ? ฉันกล้าถึงขนาดแต่งงานกับหนานกงเฉินแล้ว เธอคิดว่าฉันจะกลัวดวงวิญญาณเด็กมั้ย?

ถึงปากจะพูดไปแบบนั้นแต่ในใจเธอก็กลัวอยู่ไม่น้อย

เธอไม่ได้กลัวว่าดวงวินญาณเด็กจะอาฆาตเธอหรือเกาะติดเธอทั้งชีวิต แต่....เหมือนที่เหยาเหม่ยพูดเขาเป็นชีวิตหนึ่งชีวิต เป็นเลือดเนื้อของเธอ เธอผู้เป็นแม่กลับแย่งชิงโอกาสที่เขาจะได้มีชีวิตไปจากเขา โดยที่เขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลย มันทำให้เธอรู้สึกผิดปาบต่อเขาในใจ

เธอก็ไม่อยากทำแบบ แต่.....เธอจะทำยังไงได้?

เด็กคนนี้มาเกิดผิดที่ ผิดเวลา หรือที่จริงคือไม่ควรมาเกิดเป็นลูกเธอด้วยซ้ำ เธอคิด

เหยาเหม่ยอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก จนกระทั่งเห็นเธอเดินไปทางที่จะขึ้นลิฟ จึงรีบวิ่งตามไป " ที่รัก รอฉันด้วย......"

หน้าห้องแผนกคนไข้บนชั้นสิบของโรงพยาบาล คุณหมอเจ้าของไข้กำลังกำชับหนานกงเฉินเกี่ยวกับข้อควรปฏิบัตรในการดูแลตัวพร้อมทั้งส่งเขาขึ้นลิฟต์อย่างนอบน้อม

เลขาเหยียนรีบถามคุณหมอเจ้าของไข้ว่า " ไหนคุณหมอบอกว่าอาการของคุณชายเฉินดีขึ้นแล้ว ทำไมยังต้องมีข้อควรระวังมากมาย? "

" เลขาเหยียนเข้าใจผิดแล้ว อาการของคุณชายเฉินแค่ดีขึ้นในช่วงนี้ อีกทั้งยังเดี๋ยวดีเดี๋ยวแย่ ดังนั้นจำเป็นต้องคอยระวังให้มาก โดยเฉพาะการพักผ่อน ต้องพักผ่อนให้เพียงพอ และควบคุมดูแลการดื่มเหล้าเบียร์ บุหรี่ ให้น้อยลง"

" เข้าใจแล้วค่ะ ขอบคุณคุณหมอหลิวมาก " ใบหน้าอันสวยงามของเลขาเหยียนยังคงจริงจังเหมือนเคย

เสียงประตูลิฟต์ดังขึ้น ติ๊ง! หนานกงเฉินที่กำลังก้าวออกมาจากลิฟต์ เกือบชนเข้ากับไป๋มู่ชิงที่รอขึ้นลิฟต์อยู่

ไป๋มู่ชิงชะงักไปชั่วขณะ ก่อนมองเขาด้วยความแปลกใจ

นี่มันจะบังเอิญไปมั้ย.....

หนานกงเฉินเองก็มองมาที่เธอ เขาใช้ดวงตาอันคมลึกมองสำรวจตามตัวเธอก่อนจะไปหยุดสายตาไว้ที่ประวัติคนไข้ในมือเธอ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด