เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด นิยาย บท 65

เขาถามอย่างไม่ได้ใส่ใจอะไร ไป๋มู่ชิงไม่แน่ใจว่าที่เขาถามเพราะไม่พอใจหรือเพราะเป็นห่วง? เป็นห่วง? เวลานี้เขาน่าจะอยากฆ่าเธอให้ตายคามือถึงจะถูกซิ!

"ไม่.....ไม่เป็นอะไร แค่เมื่อกี้นี้วิ่งเร็วไปหน่อย"

"ทำไมต้องรีบ?"

"ก็...เป็นห่วงคุณไง" ไป๋มู่ชิงหยุดนิดหนึ่ง ก่อนพูดตามจริง

"เป็นห่วงฉัน ?" หนานกงเฉินยิ้มหยัน

ไป๋มู่ชิงมองเขา "ตลกใช่มั้ย? ฉันเองก็ยังรู้สึกตลกตัวเองเลย ตอนที่วิ่งมายังคิดอยู่เลยว่ากับผู้ชายที่ไม่แม้แต่จะยอมให้ฉันมีลูก ทำไมแค่ได้ข่าวว่าเขาเป็นลมฉันต้องร้อนรนได้ขนาดนี้"

" ตอนนี้ คิดได้หรือยัง?"

ไป๋มู่ชิงพยักหน้าตอบ " เพราะคุณเป็นสามีฉัน"

ไป๋มูนชิงรินน้ำอุ่นบนโต๊ะข้างหัวเตียงแก้วหนึ่ง แล้วยิบยาที่อยู่ในลิ้นชักออกมา พร้อมพยุงให้เขาลุกนั่งพิงหัวเตียง เอาหมอนรองหลังให้เขา ตัวเขาค่อนข้างหนัก เธอไม่กล้าออกแรงมาก กลัวจะกระทบกระเทือนกับเด็กในท้อง

พอพยุงเขาลุกขึ้นนั่งเสร็จ เธอก็ยื่นแก้วน้ำให้เขา " กินยาก่อนนะ"

หนานกงเฉินมองยาในมือเธอแล้วพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย "วางไว้ก่อน"

"คุณหมอบอกว่าพอคุณตื่นให้รีบกินยาก่อน"

"ถ้ากินยาแล้วได้ผล ฉันยังต้องมาอยู่ที่นี่มั้ย ?" หนานกงเฉินยิบยาบนมือเธอโยนทิ้งด้วยความหงุดหงิด

ไป๋มู่ชิงอึ้งไปชั่วครู่ ก่อนก้มลงเก็บยาที่ตกอยู่ตามพื้น แล้วเงยหน้าจ้องมองเขา "แต่ถ้าไม่ใช่เพราะได้กินยา คุณคงตายไปนานแล้ว"

พอได้ยินประโยคที่เธอพูด หนานกงเฉินก็มองมาด้วยสายตาคาดโทษทันที " ทำเอาเธอใจฝ่อไปเล็กน้อยก่อนจะทำเป็นใจกล้า "คุณชายใหญ่ คุณอยู่บริษัทฯคือเจ้านาย อยู่บ้านคือคุณชาย ทุกคนต้องเชื่อฟังคุณ แต่ที่นี่คือโรงพยาบาล และคุณคือคนไข้ คนไข้ก็ต้องเชื่อฟังคุณหมอไม่ใช่เหรอ? ใครบอกว่ากินยาไม่ช่วยอะไร? ถ้าไม่ได้ช่วยอะไรคุณหมอก็คงไม่ให้กิน"

หนานกงเฉินยิ้มหยันปนเศร้าในดวงตา "ยาพวกนี้ฉันกินมาหลายสิบปีแล้ว"

หลายสิบ นี่หมายความว่าเริ่มกินยาตั้งแต่อายุเท่าไหร่กัน? ในใจไป๋มู่ชิงเกิดความเห็นใจ

แค่เธอไม่สบายเป็นไข้หวัดคุณหมอให้กินยาสามวันเธอยังไม่ไหวเลย หลายสิบปี มันเป็นความรู้สึกยังไงกันนะ

"ไหนๆก็กินมาหลายสิบปีแล้ว ครั้งนี้ก็คงไม่ต่างกันหรอก กินยาเถอะนะ " ไป๋มู่ชิงยิบยาในลิ้นชักและรินน้ำอุ่นให้เขาใหม่ พร้อมพูดกับเขาดีๆ "ฉันรู้ว่าคุณไม่ชอบกินยา แต่ด้วยสุขภาพร่างกายของคุณมันก็จำเป็นต้องกิน คุณรู้มั้ยว่าคุณเป็นลมล้มพับแบบนี้มีคนเป็นห่วงคุณมากมากยแค่ไหน นี่ถ้าคุณย่ารู้ ท่านจะต้องเป็นกังวลและเศร้าโศกมาก"

หนานกงเฉินมองดูเม็ดยาบนมือเธอ รอบนี้เขาไม่ได้ปัดมันทิ้ง แต่ยอมยิบยาขึ้นมากินโดยดี

เห็นเขากินยาเรียบร้อย เธอก็ยิ้มด้วยความดีใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกว่าตัวเองมีความหมายกับเขาขึ้นมาบ้าง

เธอรีบรินน้ำอุ่นให้เขาอีกแก้ว ยิ้มกว้างพูด "คุณหมอยังบอกให้คุณดื่มน้ำเยอะๆด้วย "

หนานกงเฉินมองหน้ายิ้มแย้มของเธอแวบหนึ่ง เขาไม่เข้าใจเร่องที่เขาจะกินยาหรือไม่กินยามันมีผลต่ออารมณ์ความรู้สึกเธอขนาดนั้นเลยเหรอ? ทำไมถึงได้ยิ้มไม่หุบขนาดนั้น?

หนานกงเฉินรับน้ำไป ก่อนถามด้วยความหมั่นไส้ " เธอยิ้มอะไร"

ผู้หญิงคนนี้มาจากดาวอังคารหรือไง? ผู้หญิงคนอื่นเวลาอยู่ต่อหน้าเขาจะพยายามวางตัวให้สง่าดูดี แต่เธอแปลก ไม่สนใจภาพลักษณ์ตัวเองบ้างเลย

"เพราะฉันรู้สึกว่าคุณหลอกง่ายกว่าเล็กตัวเล็กๆอีก " ไป๋มู่ชิงหัวเราะ คุณไม่รู้หรอกว่าเวลาต้องหลอกล่อให้พวกเขากินยามันยากแค่ไหน ฉันพูดจนปากแห้งยังไม่ยอมกินเลย โดยเฉพาะ เสี่ยวลี่ แค่เห็นยาก็ร้องไห้โฮ แล้วยังเอายาผงโรยบนตัวฉันอีก คุณรู้มั้ย........"

ไป๋มู่ชิงเล่าอย่างสนุกสนาน จนเห็นว่าหนานกงเฉินกำลังจ้องเธออยู่ ด้วยสีหน้าที่ดูไม่ออกว่าอยู่ในอารมณ์ไหน เธอจึงรีบหยุด ก่อนจะหุบยิ้มและก้มหน้า "ขอโทษค่ะ......."

"ทำไมไม่เล่าต่อ?" หนานกงเฉินถาม

"ฉัน........"

"เธอชอบเด็กมากเหรอ?" หนานกงเฉินถามขึ้นอีก

ถ้าไม่ชอบ เธอสนิทกับเด็กๆในสถานเด็กกำพร้าเหรอ

" ค่ะ" ไป๋มู่ชิงผงกหัวตอบ "เด็กๆน่ารักและ ไร้เดียงสามาก"

หนานกงเฉินดึงสายตาออกจากเธอ เขากลับมาดูนิ่งขรึมเหมือนเคย ก่อนจะยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา แล้วกดเข้าไปดูความคิดเห็นต่างๆที่เกี่ยวกับข่าวฉาวของนายหญิงน้อยตระกูลหนานกง

"ขอโทษค่ะ......." ไป๋มู่ชิงลังเลอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะตัดสินใจขอโทษเขาอย่างเป็นทางการ ด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกผิด "เรื่องเมื่อวานไม่ได้เป็นอย่างในข่าวนะคะ ถึงฉันจะไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำ แต่ฉันกับหลินอันหนานไม่ได้มีอะไรกันจริงๆ ขอให้คุณเชื่อฉันนะ"

" ฉันเชื่อหรือไม่เชื่อเธอมันสำคัญมากเหรอ?"

"สำคัญมากซิ เพราะเรื่องนี้คนที่โดนผลทระทบมากที่สุดคือคุณ" เธอหยุดก่อนจะพูดต่อ "แต่ฉันได้ขอร้องให้น้องสาวออกหน้าช่วยคุณคลี่คลายปัญหาแล้ว คุณไม่ต้องกังวลอะไรอีกอยู่พักรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลก่อนเถอะ"

เรื่องนี้เขารู้แล้ว

ว่าแต่.......

เขาเงยหน้าอันหล่อเหลาขึ้นมามองเธอ " ฉันอยากรู้ว่า ทำไมน้องสาวเธอถึงยอมช่วยเธอ?"

เท่าที่เขารู้มา เธอสองพี่น้องไม่ลงรอยกันเพราะเรื่องผู้ชายอยู่

"เพราะ......."ไป๋มู่ชิงนึกหาคำตอบ ก่อนพูดขึ้น "เธอเป็นคู่หมั้นหลินอันหนานไง เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเธอก็เสียหน้าเหมือนกัน"

เธอเฝ้าสังเกตสีหน้าเขาอย่างระมัดระวัง ยังดีที่ดูแล้วเขาไม่ได้มีอารมณ์โกรธหรือโมโหมาก ถึงขนาดต้องมานอนโรงพยาบาลแบบนี้แล้ว เธอคิดว่าครั้งนี้เขาคงจะโกรธเกลียดเธอมากจริงๆ

น้ำเกลือหมดพอดี ไป๋มู่ชิงกำลังจะกดกริ่งเรียกพยาบาล แต่หนานกงเฉินกลับแกะผ้าเทปที่ติดอยู่หลังมือแล้วดึงเข็มออกทันที

"เฮ้ย......คุณดึงเข็มออกทำไม?" ไป๋มู่ชิงตกใจ รีบเอามือกดตรงรอยเข็มอย่างรนๆ ร้องว่าเขาด้วยสีหน้าตกใจ "เคาน์เตอร์พยาบาลอยู่ใกล้ๆแค่นี้เอง ดึงเข็มออกเองแบบนี้ถ้าเกิดเส้นเลือดฉีกขาดขึ้นมาทำไง ? เจ็บแย่ "

"อ้าว...คุณจะลงจากเตียงทำไม? คุณหมอบอกคุณต้องพักผ่อนเยอะ....... "ไป๋มู่ชิงยังไม่ทันพูดจบ หนานกงเฉินก็ยืนอยู่บนพื้นแล้ว

"ไม่เห็นเหรอว่าฉันไม่เป็นอะไรแล้ว ?" หนานกงเฉินมองเธอที่ดูตื่นๆแวบหนึ่ง "ไปช่วยฉันเอาเสื้อผ้าในตู้ออกมา"

"คุณจะทำอะไร?"

"ทำอะไร? ก็จะออกจากโรงพยาบาล"

"ไม่ได้นะ คุณหมอบอกว่าคุณต้องอยู่โรงพยาบาลอย่างน้อยสามวัน..."

ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เซิ่งซินเดินเข้ามาในห้องแล้วพบว่าหนานกงเฉินยืนอยู่ก็ตกใจ รีบเดินเข้าไปประคองเขา " พี่เฉิน ลุกขึ้นมาทำไมคะ?"

"ที่บริษัทฯมีเรื่องนิดหน่อย พี่ต้องเข้าไปจัดการ" หนานกงเฉินมองเธอ

เรื่องอะไรถึงสำคัญมากขนาดนั้น ให้พี่ชายไปจัดการแทนไม่ได้เหรอ? เซิ่งซินพูดอย่างเป็นห่วงและจ้องมองเขาด้วยแววตาที่อ่อนโยน

หนานกงเฉินยิ้มเล็กน้อย "ไม่ใช่เซิ่งเคอจะทำแทนฉันได้ทุกเรื่อง วางใจเถอะ ฉันไม่ได้เป็นอะไรแล้ว"

ไป๋มู่ชิงเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าเขา มันไม่ง่ายเลยที่จะได้เห็นรอยยิ้มของเขา คงมีแต่ผู้หญิงที่อ่อนโยนน่ารักอย่างเซิ่งซินละมั้งที่ทำให้เขายิ้มได้

แต่งกับเขามานานขนาดนี้ ยังไม่เคยเห็นเขายิ้มให้เธอแบบนี้เลย

พี่เฉิน พี่เชื่อฟังคุณหมอหน่อยเถอะนะคะ เรื่องที่บริษัทฯเอาไว้ก่อนได้มั้ย ถ้าสุขภาพร่างกายมีปัญหาขึ้นมาจะแย่เอานะคะ

"เซิ่งซิน เธอเคยรับปากฉันแล้วนะว่าจะไม่เซ้าซี้ฉันเหมือนคุณย่า" หนานกงเฉินยิ้มบางให้เธอ พร้อมยกมือตบเบาๆบนไหล่เธอ แล้วหันไปมองทางไป๋มู่ชิง

แต่....เธออยู่ไหน?

เขาใช้สายตามองไปรอบๆห้อง เห็นเธอถือเสื้อผ้าเขายืนอยู่ตรงระเบียง

เขาย่นคิ้วอย่างเคยชิน จ้องมองเธอก่อนถาม "ให้เธอไปเอาเสื้อผ้าฉันมา เธอไปทำอะไรที่ระเบียง?"

"อุ้ย! ขอโทษค่ะ เสื้อตกน้ำไปแล้ว" ตอนแรกยังเห็นเธอถือเสื้อไว้กับอกดีๆอยู่เลย จู่ๆก็ทำหลุดมือตกลงไปในกระมังที่มีน้ำเต็มล้น

แต่ดูคุณหนูแห่งกระกูลไป๋เธอทำหน้าไร้เดียงสาเหมือนไม่ได้ตั้งใจ

หนานกงเฉินหรือจะดูไม่ออก เขาโกรธจนกลั้นหายใจ ก่อนจะเรียกชื่อเธอ "ไป๋ ยิ่ง อัน!"

"ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ " ไป๋มู่ชิงรีบยกมือไหว้ขอโทษขอโพย " คุณชายใหญ่ รบกวนกลับไปนอนพักที่เตียงก่อนนะ เสื้อผ้าน่าจะแห้งก่อนค่ำแน่นอน"

หนานกงเฉินกลับไปนอนลงบนเตียง แต่ไม่ได้นอนพัก เขายิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาด้วยใบหน้าบูดบึ้งกดโทรฯหาเลขาเหยียน สั่งให้เธอส่งเสื้อผ้าชุดใหม่มาให้

ไป๋มู่ชิงหันไปหาเซิ่งซิน แอบส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ ด้วยสายตาให้เธอ

แต่เซิ่งซินแค่มองเธอด้วยแววตาเรียบเฉยแวบเดียว เห็นได้ชัดว่าเธอไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เธอทำ

หลังหนานกงเฉินวางสาย เขาก็พูดขึ้น "เธอสองคนกลับไปก่อน"

"

"พี่เฉิน ฉัน........"

"คุณสามี ให้ฉันอยู่รอเสื้อผ้าเป็นเพื่อนคุณนะ" ไป๋มู่ชิงหันไปมองเซิ่งซินที่กำลังจะเปิดประตูออกไป ด้วยใบหน้าที่ยิ้มกว้าง"เซิ่งซิน เธอยังมีเรียนก็กลับไปก่อนเถอะนะ วางใจได้ ฉันจะดูแลคุณชายใหญ่เอง"

"ให้เธอดูแลยิ่งไม่น่าวางใจ" เซิ่งซินบ่นอย่างไม่เห็นด้วย

ไป๋มู่ชิงหน้าตึง " เธอหมายความว่าไง ฉันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ?"

ในสายตาของคนบ้านตระกูลหนานกง เธอไม่ได้เรื่องขนาดนั้นเลย? เรื่องอื่นจะกันไม่ให้เธอยุ่งก็ช่างเถอะ แต่นี่คุณชายใหญ่ เขาไม่สบายก็ยังกันไม่ให้เธอดูแลได้ยังไง เธอเป็นภรรอยู่ที่ถูกต้องทั้งพฤตินัยและนิตินัยนะ

ไม่สิ ลืมไป แค่ในทางพฤตินัย ส่วนนิตินัยเป็นชื่อไป๋ยิ่งอัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด