เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด นิยาย บท 66

ไป๋มู่ชิงก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด ค่อยๆหันหลังให้เขา

หลังจากเงียบไปชั่วครู่ หนานกงเฉินก็พูดขึ้นจากด้านหลัง "รู้มั้ยว่าฉันเกลียดผู้หญิงแบบไหนมากที่สุด"

"ผู้หญิงที่โกหกหลอกลวง" ไป๋มู่ชิงยังคงก้มหน้า

"รู้ก็ดี......"

"ขอโทษค่ะ" ไป๋มู่ชิงค่อยๆหันกลับไปหาเขา เอามือจับแขนเขาไว้มองเขาด้วยสีหน้าอย่างรู้สึกผิด "ฉันแค่อยากให้คุณทำตามคำแนะนำของคุณหมออยู่รักษาตัวที่โรงพยาบาลซักสองสามวัน เมื่อคืนคุณก็อ้วกเป็นเลื่อด มาวันนี้ก็เป็นลมอีก ถ้ายังทำงานหนักแบบนี้ร่างกายคุณจะไม่ไหวนะคะ"

"คุณอย่าโกรธฉันเลยได้มั้ย ที่ต้องโกหกก็เพราะหวังดีต่อคุณจริงๆ ต่อไปฉันจะไม่โกหกอะไรคุณอีกแล้ว สาบานให้ฟ้าผ่าตายก็ได้" เธอรีบพูด

"ไม่โกหกอีกงั้นเหรอ?"

"ใช่.....ค่ะ" ไป๋มู่ชิงจำต้องตอบ

สวรรค์ช่วย! นี่เธอหาทางตายให้ตัวเองชัดๆ!

สถานการณ์เธอตอนนี้ มีอะไรที่เธอไม่ได้โกหกหนานกงเฉินบ้าง? ทั้งสมอ้างเป็นไป๋ยิ่งอัน ทั้งปิดบังเรื่องที่เธอตั้งครรภ์ คงมีแต่นามสกุลเธอเท่านั้นที่เป็นเรื่องจริง นอกนั้นก็ไม่มีอะไรเป็นจริงซะอย่าง!

น่าละอายใจ! เธอช่างละอายใจ!

หนานกงเฉินเกลียดผู้หญิงที่โกหกหลอกลวงที่สุด แต่พอเห็นหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดของไป๋มู่ชิง เขากลับโกรธเธอไม่ลง

หรือจะเป็นอย่างที่เธอพูด ทุกคำโกหกของเธอเกิดขึ้นเพราะความหวังดี มันจึงทำให้เขาเกลียดเธอไม่ลง

หนานกงเฉินถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนพูด "เอาเสื้อมา"

ไป๋มู่ชิงเงยหน้าขึ้น แต่ไม่ได้ไปเอาเสื้อให้เขา เธอกลับจ้องมองเขาแล้วพูดขึ้นอย่างไม่กลัวตาย "คุณชายใหญ่ ฉันคิดว่าไหนๆวันนี้ก็ไม่มีงานอะไรแล้ว อย่าเพิ่งออกจากโรงพยาบาลเลย นอนพักที่นี่ซักคืนเถอะ พรุ่งนี้เช้าฉีดยาเสร็จค่อยเข้าบริษัทฯ"

"ไป๋ยิ่งอัน !!"

" ขอโทษค่ะ ฉันผิดอีกแล้ว" ไป๋มู่ชิงรีบก้มหน้า

"ไม่มีใครเคยบอกเธอเลยเหรอ? ว่าฉันเกลียดโรงพยาบาล แค่ได้กลิ่นแอลกอฮอล์ในโรงพยาบาลฉันก็อยากอ้วก ฉันไม่เชื่อหมอที่ไหนทั้งนั้น"

ไม่เคยมีใครบอกเธอจริงด้วย! ไป๋มู่ชิงคิด

"ถึงไม่ชอบก็ต้องอยู่! "เสียงของคุณผู้หญิงดังขึ้นจากทางประตู หลังจากนนั้นก็เห็นคุณผู้หญิงเดินเข้ามาพร้อมพี่เหอ

คุณผู้หญิงโมโหกับเรื่องที่หนานกงเฉินเป็นลมอย่างมาก เดินเข้ามาด้วยสีหน้าตึงเครียดก่อนตำหนิ "ฉันพูดกี่ครั้งแล้วว่า เงินหาเมื่อไหร่ก็ได้ แต่หนานกงเฉินมีแค่คนเดียว เรื่องงานที่บริษัทฯให้เซิ่งเคอและคุณลุงเป็นคนดูแลแทน ต้องดูแลสุขภาพร่างกายตัวเองก่อน ทำไมไม่เชื่อฟังกันบ้างเลย

"คุณย่าพูดถูกค่ะ" ไป๋มู่ชิงเห็นด้วย เธอเข้าไปประคองแขนคุณผู้หญิงนั่งบนเก้าอี้

ก่อนที่ท่านจะนั่งลง ท่านยกมือขึ้นตีหัวหนานกงเฉินทีหนึ่งอย่างคาดโทษ "ไอ้ตัวแสบ! อยากให้ฉันหัวใจวายตายหรือไง?"

ไป๋มู่ชิงเห็นหนานกงเฉินทั้งโดนตีและโดนต่อว่าแต่ไม่กล้าพูดอะไร เธอก็นึกขำในใจจนเกือบกลั้นหัวเราะไม่อยู่

ช่วงเวลาที่เธอรู้สึกซะใจที่สุดก็คงเป็นเวลาที่หนานกงเฉินโดนคุณผู้หญิงสั่งสอนนี่แหละ เพราะมีแตีช่วงเวลาแบบนี้เท่านั้นที่หนานกงเฉินผู้บ้าอำนาจและเย็นชา จะมีท่าทีที่ดูอ่อนน้อมและเชื่อฟัง

เขาในมุมนี้ดูใจดีและน่ารัก รู้สึกเข้าถึงเขาได้ไม่ยาก

หนานกงเฉินมองหน้าเธอที่กำลังกลั้นหัวเราะ เขาขยับมุมปากเล็กน้อยแต่ไม่ได้พูดอะไร เพราะคุณผู้หญิงกำลังตำหนิสั่งสอนอยู่

หลังคุณผู้หญิงต่อว่าหนานกงเฉินเสร็จ ก็สั่งให้เขาอยู่โรงพยาบาลให้ครบสามวันจึงจะอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลได้ ก่อนจะเดินออกจากห้องไป

สมกับที่เป็นคุณผู้หญิงตระกูลหนานกงเลย เวลาเด็ดขาดขึ้นมาก็ไม่แพ้หนานกงเฉินที่บ้าอำนาจและเด็ดขาด ไป๋มู่ชิงแอบชื่นชมท่านอยู่ในใจ

หลังจากคุณผู้หญิงออกไปแล้ว ในห้องก็กลับมาเงียบลงอีกครั้ง ขณะที่ไป๋มู่ชิงแอบยิ้มในใจ หนานกงเฉินกลับรู้สึกหงุดหงิดและอึดอัดใจ

เขาไม่ได้สนใจไป๋มู่ชิงที่แอบยิ้มมุมปาก และไม่ได้ยืนกรานจะเปลี่นเสื้อผ้า แต่กลับนอนหันหลังให้เธออย่างตึงๆ

ทั้งสองต่างเงียบไปสักพัก ไป๋มู่ชิงมองดูเวลาก่อนจะมองเขาที่นอนหันหลังให้เธออยู่ ก่อนพูดขึ้น "คุณนอนพักไปก่อนนะ ฉันออกไปหาซื้ออะไรให้คุณทานนิดหนึ่ง "

ไม่มีการตอบกลับจากหนานกงเฉิน เธอจึงลุกออกจากห้องไป

พอออกมาหน้าห้องถึงเห็นว่ามีผู้ชายสองคนยืนเฝ้าอยู่ ดูท่าแล้วคุณผู้หญิงยังไงก็ไม่ให้หนานกงเฉินออกจากโรงพยาบาลเป็นแน่

ไป๋มู่ชิงแวะไปซื้อนิตยสาร ดอกไม้สองช่อ และของกิน จากตลาดใกล้ๆ พอกลับถึงห้องพักโรงพยาบาล ก็พบว่าพี่เหอให้คนนำอาหารเย็นมาส่งให้แล้ว

เธอเอาดอกไม้ใส่แจกัน แล้วนำไปวางไว้บนโต๊ะข้างๆหัวเตียงหนึ่งช่อ และตรงระเบียงหนึ่งช่อ

หนานกงเฉินย่นหัวคิ้วถามอย่างไม่พอใจ "ฉันยังไม่ตาย เธอเอาดอกไม้มาวางเต็มห้องทำไม?"

ไป๋มู่ชิงตอบขณะที่จัดดอกไม้ไปด้วย "คุณบอกว่าไม่ชอบกลิ่นแอลกอฮอล์ไม่ใช่เหรอ? วางดอกไม้ไว้แบบนี้จะช่วยให้คุณไม่ได้กลิ่นแอลกอฮอล์ไง"

หนานกงเฉินไม่พูดอะไร แอบสูบลมหายใจทีหนึ่ง ไม่มีกลิ่นแอลกอฮอล์แล้ว มีแต่กลิ่นดอกไม้หอมๆ

ฉันยังซื้อหนังสือมาให้คุณด้วยนะ คุณจะได้ไม่เบื่อ ไป๋มู่ชิงวางหนังสือที่เธอเลือกให้เขาไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียง

หนานกงเฉินมองไปที่หนังสือแวบหนึ่ง เห็นว่าเป็นหนังสือประเภทบริหารการเงินที่เขาชอบ

ไป๋มู่ชิงตักโจ้กที่อยู่ในกล่องข้าวเก็บอุณหภูมิยื่นให้เขา "สบายใจได้ มีฉันอยู่เป็นเพื่อน คุณไม่เหงาแน่นอน"

ก็จริง!!

หนานกงเฉินเห็นด้วย มีผู้หญิงที่พูดมากแบบเธออยู่ข้างๆ เขาไม่ต้องกลัวเลยว่าจะเบื่อ มีแต่จะรำคาญสิไม่ว่า

ตกดึก หนานกงเฉินนอนบนเตียงคนไข้ ส่วนไป๋มู่ชิงขอให้ผู่เหลียนเหยานำผ้าห่มมาให้ แล้วนอนเฝ้าเขาตรงโซฟา คิดอยู่ว่าเธอตัวเล็กน่าจะนอนโซฟาได้สบายๆ

ผ่านไปแค่ครึ่งชัวโมงเธอก็เริ่มสู้สึกปวดเมื่อยตามตัว เธอค่อยๆขยับตัวกลัวจะทำให้เขาตื่น แต่เนื่องจากตัวเธอจมลึกไปในโซฟา จึงทำเธอให้ขยับตัวได้ค่อนข้างยาก

ลมเบาโชยมาพร้อมกลิ่นดอกไม้อ่อนๆ จากเคยรู้สึกว่าหอมกลับอยากจามขึ้นมาซะงั้น

ไป๋มู่ชิงแทบไม่ได้หลับทั้งคืน ไม่ขยับตัวก็จาม กระทั้งใกล้ฟ้าสางเธอง่วนจนทนไม่ไหวจึงค่อยๆหลับไป

เป็นเพราะว่านอนหลับไม่สนิทเท่าที่ควร เธอจึงฝันไม่ค่อยดี ถึงขนาดฝันเห็นเด็กทารถร้องไห้เรียกหาแม่ในความมืด

เด็กน้อยดูไร้เดียงสา และน่าสงสารเป็นอย่างมาก

เวลาแปดโมงเช้า คุณหมอเข้ามาตรวจไข้ ไป๋มู่ชิงจึงโดนคนปลุกให้ตื่น

เธอลืมตาขึ้นมาก็เห็นคุณหมอกลุ่มหนึ่งยืนอยู่ในห้อง ส่วนคนที่ปลุกเธอคือคุณหมอ ผู่เหลียนเหยา

ขอโทษที ฉันหลับยาวเลย เธอรีบลุกขึ้นจากโซฟา และเก็บผ้าห่มไว้ตรงมุมโซฟาทันที

แย่จัง เธอหลับยาวจนถึงเวลาคุณหมอมาตรวจไขเลยเหรอนี่

ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพากลุ่มคุณหมอผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆมาเยี่ยมไข้ด้วยตัวเอง หลังจากพูดคุยอย่างให้ความเคารพอยู่ชั่วครู่ก็ออกจากห้องไป เหลือไว้แต่ผู่เหลียนเหยาเป็นคนต่อสายน้ำเกลือให้เขา

ขณะที่ว่างอยู่นั้น เธอพับผ้าห่มไป จามไป

หนานกงเฉินที่โดนเธอกวนทั้งคืนทนไม่ไหวพูดขึ้น "ยังไม่หยุดอีกเหรอ?"

ไป๋มู่ชิงหน้าแดง ก่อนพูดอย่างเกรงใจ "ขอโทษที คือฉัน......แพ้เกสรดอกไม้"

"แพ้เกสรดอกไม้?" ผู่เหลียนเหยายิ้มขณะเก็บอุปกรณ์ แล้วหันมองดอกลีลี่ช่องใหญ่ที่ตั้งอยู่บนโต๊ะตัวเตียง "แล้วยังจัดดอกไม้ไว้ในห้อง อีก เดี่ยวฉันช่วยเอาดอกไม้ออกไปทิ้งให้นะ"

"ไม่ ไม่ต้องก็ได้" ไป๋มู่ชิงรีบปฏิเสธ "ไม่เป็นไร จามไม่กี่ครั้งก็ชินแล้ว"

หนานกงเฉินไม่ชอบกลิ่นแอลกอฮอล์ ดังนั้นเธอจะเอาดอกไม้ไปทิ้งไม่ได้

ผู่เหลียนเหยาพยักหน้ารับ ก่อนชี้ไปที่กล่องข้าวเก็บอุณหภูมิ "เมื่อเช้าฉันต้มข้าวต้มทรงเครื่องมาให้ สำหรับสองคนพอดี พวกพี่รีบทานตอนร้อนๆนะคะ"

"ขอบใจนะ เกรงใจเธอจังยังต้องมาเตรียมอาหารเช้าให้พวกเราอีก"

"เกรงใจอะไร พอฉันแต่งงานกับเซิ่งเคอ เราก็เป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว" ผู่เหลียนเหยายิ้ม

หลังผู่เหลียนเหยาออกไปแล้ว ไป๋มู่ชิงก็เดินเข้าห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟันและเปลี่ยนเสื้อผ้า ขณะที่เธอกำลังจะเดินออกจากห้องน้ำ โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น

เป็นเบอร์ของโรงพยาบาลที่เธอนัดทำแท้งโทรฯเข้ามาพอดี เธอปล่อยให้โทรศัพท์ดังอยู่อย่างนั้นโดยไม่รับสาย รู้สึกสับสนไปหมด

พูดไปก็ช่างบังเอิญ ทุกครั้งที่เธอจะไปเอาเด็กออกต้องเจอต้องเเข้ากับหนานกงเฉินทุกที หรือจะเป็นเพราะพ่อลูกเขามีใสใยสื่อถึงกันได้นะ

เธอย้อนไปถึงความฝันเมื่อครู่ นึกถึงใบหน้าน่ารักของเด็กทารกน้อยที่เรียกหาแมอย่างน่าสงสาร

มือเธอก็ค่อยๆยกขึ้นมาลูบท้องน้อยตัวเอง ถ้าอีกสามเดือนข้างหน้าเธอต้องหลีกทางให้ไป๋ยิ่งอันจริง ลูกคนนี้เธอเก็บไว้ก็น่าจะไม่เป็นไรมั้ง?

ตอนนี้เป็นฤดูใบไม้ร่วง อีกสามเดือนก็เป็นฤดูหนาวแล้ว ถึงตอนนั้นท้องเธอก็น่าจะยังไม่โตเท่าไหร่ อีกอย่างพอใส่เสื้อกันหนาวหนาๆก็คงดูไม่ค่อยออกแล้วว่าเธอกำลังตั้งครร

ถึงแม้ว่าทำแบบนี้จะดูเสี่ยงไปหน่อย แต่ก็ดีกว่าทำให้เขาไม่ได้เกิดมา

"ขอโทษค่ะ ฉันไม่อยากทำแล้ว" เธอตอบกลับผู้ช่วยหมอที่อยู่ในสาย

พอออกจากห้องน้ำ ไป๋มู่ชิงก็เห็นว่าดอกลีลี่ที่วางอยู่บนโต๊ะหัวเตียงและตรงระเบียงถูกโยนทิ้งถังขยะไปแล้ว เธอรีบเดินไปที่ถังขยะแล้วถาม "ทำไม่ต้องโยนดอกไม้ด้วย?"

"เพราะจะได้มีบรรยากาศห้องสงบซะที" หนานกงเฉินตอบขณะที่ตายังอ่านหนังสืออยู่โดยไม่หันมามองเธอ

ไป๋มู่ชิงรู้ว่าเขาหมายถึงเรื่องที่เธอจามไม่หยุด ในใจรู้สึกผิดเล็กน้อย จากที่ตั้งใจในห้องหอมไปด้วยกลิ่นดอกไม้ เขาจะได้ไม่ได้กลิ่นแอลกอฮอล์ แต่ตัวเองกลับมาแพ้เกสรดอกไม้ซะงั้น

เป็นวันที่ยาวนานสำหรับหนานกงเฉินที่ต้องติดอยู่ในห้องพักโรงพยาบาล เขารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังติดคุก รู้สึกหงุดหงิดและอึดอัดจนแทบจะทนไม่ไหว

ไป๋มู่ชิงเห็นเขามีอาการหงุดหงิดและเบื่อหน่าย เธอจึงถามขึ้น "คุณชายใหญ่ เล่นเกมส์เป็นมั้ย?"

"เกมส์อะไร?"

"พวกเกมส์RoV "

"ไม่เป็น"หนานกงเฉินทำสีหน้าดูแคลน

"สนุกมากนะ เอาโทรศัพท์มือถือมาฉันจะโหลดแอบฯให้ เดี๋ยวสอนคุณเล่นเอง" ไป๋มู่ชิงไม่รอให้เขาตอบ เธอเดินไปเอามือถือเขาที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วเริ่มโหลดแอบเกมส์ให้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด