เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด นิยาย บท 67

เธอแอบมองหน้าหนานกงเฉินแวบหนึ่ง เขาไม่ได้แสดงสีหน้าโกรธเกลียดอะไร

หนานกงเฉินมองกระเช้าผลไม้ ก่อนยิ้มหยัก "บังเอิญอีกแล้ว"

"ไม่บังเอิญครับ"ผมได้ข่าวว่าพี่เฉินไม่สบายผมเลยตั้งใจจะมาเยี่ยม" หลินอันหนานยื่นกระเช้าไปให้ "ขอให้หายไว้ครับ"

"ขอบใจ ฉันดีขึ้นละ" หนานกงเฉินรับกระเช้ามาและโยนลงถังขยะข้างๆทันที

เห็นสิ่งที่เขาทำแล้ว หลินอันหนานมีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อโดนหยามน้ำใจต่อหน้า

นี่ถ้าไม่ใช่เพราะแม่ให้เขามา ไม่ใช่เพื่ออนาคตของตระกูลหลิน เขาไม่มีทางมาให้หนานกงเฉินดูถูกถึงโรงพยาบาลแบบนี้ ก่อนมาเขาก็รู้อยู่แล้วว่ามันจะออกมาแบบนี้ หนานกงเฉินเป็นคนยังไงน่ะเหรอ? หนานกงเฉินมันเป็นคนไม่ปกติ!

ไป๋มู่ชิงหุบตาลง ไม่กล้ามอง ศึกสองหนุ่ม

เห็นหลินอันหนานกัดฟันอดกลั้น หนานกงเฉินก็หัวเราะหยัน "ไม่พอใจหรือคุณชายหลิน? หรือฉันต้องกินผลไม้นี้ทั้งตะกร้าถึงจะพอใจ?

"ไม่ครับ......กระเช้าผลไม้เป็นแค่ตัวแทนแสดงน้ำใจและความห่วงใยจากตระกูลหลิน ขอแค่พี่เฉินรับรู้ได้ถึงน้ำใจของตระกูลหลินก็พอแล้วครับ" หลินอันหนานฝืนยิ้ม

"น้ำใจตระกูลหลินเหรอ?" หนานกงเฉินพูดคล้ายล้อเลียน "ดูไม่ออกจริงๆ"

เพื่อไม่ให้เรื่องบานปลายกว่านี้ เธอรีบพูดแทรกขึ้น "คือว่า.... คุณชายใหญ่ คนขับรออยู่ข้างนอกนานแล้วค่ะ เรารีบไปเถอะ" พูดจบก็ดึงแขนหนานกงเฉินไปยันประตูทางออกของโรงพยาบาล

จนกระทั้งขึ้นรถกันเรียบร้อย หนานกงเฉินก็ยังอารมณ์ไม่เย็นลง เขากลับมาเงียบและเฉยชาเหมือนเดิม

เวลาที่เขาอารมย์ไม่ดี เธอรู้ว่าต้องเงียบไว้ก่อน

ตกกลางคืน ไป๋มู่ชิงรู้สึกเบื่อๆเลยหยิบกระดาษและดินสอนั่งวาดรูปเล่นอยู่ตรงระเบียง

เธอลงลายเส้นต่างๆลงบนกระดาษ จนเวลาผ่านไปชั่วครู่ก็ขึ้นรูปเป็นหน้าผู้ชายคนหนึ่งบนกระดาษ

ไป๋มู่ชิงอึ้งกับรูปหน้าบนกระดาษวาดรูปที่ละม้ายคล้ายคลึงกับหนานกงเฉิน เธอเป็นอะไรไป? ทำไมเธอถึงได้วาดหนานกงเฉิน แทนที่จะเป็นหลินอันหนานเหมือนทุกที?

หรือว่าเธอจะเริ่มชอบผู้ชายที่เย็นชาและร้ายหัวใจอย่างหนานกงเฉินเข้าให้แล้ว? เป็นไปได้ยังไง?

หนานกงเฉินไม่เกิดมาเพื่อเธอ ใจเขามีไว้เพื่อผู้หญิงลึกลับคนนั้น ตัวเขามีไว้สำหรับไป๋ยิ่งอัน เธอไม่มีสิทธ์ิรักผู้ชายคนนี้

เธอขย้ำกระดาษวาดรูปทิ้งลงถังขยะอย่างหงุดหงิด ก่อนจะลุกจากเก้าอี้

เธอยืนเครียดอยู่ตรงระเบียงพักใหญ่ ก่อนจะเดินกลับเข้าห้อง สายตามสะดุดเข้ากับรูปภาพที่วางอยู่ตรงโต๊ะเครื่องแป้งโดยไม่ตั้งใจ

สองวันมานี้เธอมัวแต่ยุ่งอยู่กับเรื่องข่าวฉาวและดูแลหนานกงเฉินจนเธอเกือบลืมรูปภาพนี้ไปแล้ว วันนี้เห็นเข้าก็อดไม่ได้ที่จะเปิดออกมาดู

ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน เธอไม่เคยรู้สึกชอบภาพวาดอะไรเท่าภาพวาดนี้มาก่อน ทั้งๆที่รู้ว่าภาพวาดนี้หลินอันหนานเป็นคนมอบให้ ไม่ควรรับไว้และยิ่งไม่ควรเก็บไว้ แต่เธอก็ควบคุมตัวเองไม่ได้ ถึงขนาดนำภาพวาดขึ้นมาแขวนไว้ในห้องนอนเธอ

ค่ำคืนนี้ไปด้วยดี

ในเช้าวันรุ่งขึ้น ไป๋มู่ชิงลืมตามาเจอกับผู้หญิงในภาพ [คุณผู้หญิงจิ้ง] เธอสะดุ้งตกใจจนรู้สึกกลัว

อาจเป็นเพราะว่าไม่เคยตื่นมาแล้วเจอรูปวาดคนอยู่ในห้องนอนแบบนี้เลยทำให้รู้สึกไม่ชิน

เพื่อสุขภาพลูกน้อยในครรภ์ไป๋มู่ชิงกินอาหารเช้ามากกว่าแต่ก่อน โชคดีที่เธอไม่มีอาการแพ้ท้องหรืออ้วกให้คนอื่นสงสัยว่าเธอตั้งครรภ์

ผู่เหลียนเหยาบอกว่าวันนี้เป็นวันหยุดเธอ จึงมาชวนไป๋มู่ชิงไปเที่ยวด้วยกัน เธอไม่รู้จะปฏิเสธยังไงจึงตอบตกลง

หลังอาหารเช้าเธอให้ผู่เหลียนเหยารอชั้นล่าง ส่วนเธอก็รีบขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อในห้องนอนชั้นสอง

เธอสังเกตเห็นว่าประตูห้องนอนแง้มอยู่เล็กน้อย แต่เธอจำได้ว่าก่อนลงไปเธอปิดประตูเรียบร้อยแล้วนินา เธอค่อยๆดันประตูเปิดอย่างนึกสงสัย ก่อนเข้าไปพบว่าหนานกงเฉินกำลังยืนจ้องภาพ [คุณผู้หญิงจิ้ง] อยู่

ที่แท้งเขาก็ชอบภาพวาดนี้เหมือนกัน ดูจากสายตาที่มองอย่างลุ่มหลง

เธอยังไม่ทันนึกว่าเขาในใจ หนานกงเฉินก็หันมาทางเธอ และจ้องมองเธอด้วยสีหน้าไม่พอใจอย่างมาก แค่เห็นสีหน้าเย็นชาของเขา ไป๋มู่ชิงก็ใจหายวาบ

ทำไมเขาโมโหอีกแล้ว? เพราะเรื่องภาพวาดนี้เหรอ? เขารู้ว่าภาพวาดนี้หลินอันหนานเป็นคนให้เธอมาเหรอ? หรือว่า.....?

"เธอต้องการอะไร?" หนานกงเฉินย่างสามขุมเข้ามาหา แล้วบีบปลายคางเธออย่างแรงและจ้องมองเธอด้วยสายตาเย็นชา

"เรื่องอะไร......"ไป๋มู่ชิงทำเป็นไม่เข้าใจ

"เธอได้มันมาจากไหน?" หนานกงเฉินชี้ไปที่ภาพวาด "ใครอนุญาตให้เธอแขวนไว้ในห้อง? เอามันลงเดี๋ยวนี้"

"ฉัน....ฉันแค่ชอบภาพนี้...."ไป๋มู่ชิงตกใจกับสีหน้าที่โกรธจัดของเขา สองวันก่อนเธอเกิดเรื่องข่าวฉาวกับหลินอันหนานเขายังไม่เห็นโกรธขนาดนี้เลย แค่ภาพวาดรูปเดียวทำให้เขาโมโหได้ขนาดนี้?

ทำไงดี? เธอจะอธิบายยังไงให้เขาเข้าใจ?

ขณะที่เธอกำลังจะอธิบายว่าเธอแค่ชอบภาพวาดนี้ ไม่ได้เพราะหลินอันหนานเป็นคนมอบให้ หนานกงเฉินก็เดินกลับไปที่รูปวาดเอามือดึงภาพวาดลงจากผนังโยนลงแทบเท้าเธอ "ฉันถามว่าภาพวาดนี้เธอได้มาจากไหน? เธอรู้อะไรบ้างเกี่ยวกับภาพนี้? แล้วยังมีใครรู้เรื่องนี้บ้าง?"

ไป๋มู่ชิงรู้สึกงงไปหมด ตอนนี้เธอไม่ได้แกล้งทำเป็นไม่เข้าใจ แต่เธองงจริงๆ เธอไม่เข้าใจความหมายที่เขาถาม

ดูท่าแล้วเขาไม่ได้โมโหเพราะหลินอันหนาน แต่เพราะ...... นั้นสิ เขากำลังโมโหอะไรกันแน่? เรื่องนี้ของเขาหมายถึงเรื่องไหนกัน?

เห็นเธอนิ่งไม่ตอบ หนานกงเฉินยิ่งโมโหหนักกว่าเดิม เขาเดินกลับไปที่โต๊ะยิบกรรไกรขึ้นมา แล้วเดินไปเก็บภาพที่ตกอยู่แทบเท้าเธอขึ้นมาตัดเป็นชิ้นๆอย่างโกรธจัด

ไป๋มู่ชิงมองอาการฉุนเฉียวของเขาแล้วกลัวว่าเขาจะทำกรรไกรตัดโดนมือตัวเอง เธอรีบโน้มตัวกอดเขาจากด้านหลัง "คุณชายใหญ่ คุณพูดถึงเรื่องอะไร? ฉันไม่เข้าใจสิ่งที่คุณพูด......." เธอหยุดก่อนพูดขึ้นอีก ภาพวาดนี้ฉันเจอที่ศูนย์วัฒนธรรม เห็นว่าสวยดีก็เลยนำกลับมา เรื่องอื่นฉันไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้อะไรเลยจริงๆค่ะ"

หลังของหนานกงเฉินแข็งทื่อขึ้นทันใด กรรไกรในมือที่กำลังตัดก็หยุดลง

ไป๋มู่ชิงมองดูเขาที่มึนงงเล็กน้อย ค่อยๆถามขึ้นอย่างระมัดระวัง "คุณเป็นอะไรไป ภาพวาดนี้ทำไมเหรอ?"

เขานิ่งไปชั่วครู่ ก็หันกลับมาจ้องมองเธอด้วยสีหน้าเรียบเฉย "เธอไม่รู้อะไรเลยจริงเหรอ?"

ไป๋มู่ชิงรีบส่ายหน้าตอบ เธอไม่รู้อะไรเลยจริงๆนี่นา เธอก็อยากรู้เหมือนกันว่าทำไมเขาเห็นภาพนี้แล้วต้องเกิดอารมณ์ฉุนเฉียวขนาดนี้ แต่เวลานี้คงไม่ใช่เวลาที่จะถามเอาคำตอบ

เธอรู้สึกได้ชัดเจนว่าหนานกงเฉินแอบถอนหายใจ ก่อนจะทิ้งกรรไกรลงพื้นและลุกขึ้นยืน แล้วหันมาสั่งเธอ "เอามันไปเผาทิ้งซะ "

ตัดจนขาดรุ่งริ่งขนาดนี้แล้วยังสั่งให้เอาไปเผาทิ้งอีกเหรอ เธอยิ่งรู้สึกว่าภาพวาดนี้ต้องมีเรื่องอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ๆ

เธอรู้ว่าเรื่องนี้ต่อให้ถามหนานกงเฉินไปก็คงไม่ได้คำตอบอะไร และเธอก็ไม่โง่ถึงขนาดไม่รู้ว่าเวลาแบบนี้ไม่ควรถาม

หลังจากไป๋มู่ชิงเก็บเศษภาพวาดที่ถูกตัดเป็นชิ้นๆขึ้นมา เธอก็เห็นหนานกงเฉินยืนอยู่ตรงหน้าต่างกระจกบางใหญ่เหม่อมองไปทางหอไหว้บรรพบุรุษ

อันที่จริงห้องนอนของเธอไม่ได้หันไปทางสวนหลังบ้าน และหอไหว้บรรพบุรุษอยู่ทางด้านตะวันตกของสวนหลังบ้าน

เธอเดินเข้าไปหา และเรียกเขาเบาๆ "คุณชายใหญ่....."

หนานกงเฉินหันกลับและพูดแทรกขึ้น "ฉันคิดว่าพี่เหอน่าจะบอกเธอแล้วว่า ถ้าอยากอยู่ที่นี้ ก็อย่าอยากรู้อยากเห็นให้มาก อะไรที่ไม่ควรถามก็อย่าถาม"

ไป๋มู่ชิงจากที่รวบรวมความกล้าที่จะถามเขา โดนเขาตรอกกลับแบบนี้เธอจึงทำได้แค่เงียบ

พี่เหอเคยบอกเธอเรื่องนี้แล้ว อีกอย่างในเอกสารก็ระบุชัดเจน

เมื่อมาเดินเที่ยวกับผู่เหลียนเหยาเธอแทบไม่มีใจอยู่กับการเดินเที่ยวเลย ผู่เหลียนเหยาดูออกว่าใจเธอไม่มีมีกะจิตกะใจที่จะเดินเที่ยว จึงได้พาเธอไปหาที่นั่งในร้านกาแฟ หลังจากนั้นก็ถามขึ้น "เป็นอะไร? ดูใจลอย "

ไป๋มู่ชิงมองเธอ ขณะที่ในใจยังคิดสับสัน ภาพวาดนี้ผู่เหลียนเหยาเป็นคนแนะนำให้เธอ ตกลงเธอไม่มีอะไรหรือเธอจงกันแน่?

แต่ก็ไม่ใช่สิ หลินอันหนานเป็นคนมอบภาพวาดให้เธอเอง ไม่ใช่ผู่เหลียนเหยานินา

เหลียนเหยา "เธอยังจำภาพวาดของหญิงงามที่มีชื่อภาพว่า [คุณผู้หญิงจิ้ง ] ได้มั้ย " เธอถาม

"จำได้ ทำไมเหรอ? หรือว่าอยากได้?" ผู่เหลียนเหยายิ้มล้อ "อยากได้ก็ให้พี่เฉินซื้อให้สิ ดูจากความสัมพันธ์ของพี่กับพี่เฉินตอนนี้แล้ว เขาซื้อให้แน่ๆ"

"ฉันกับเขา.....ความสัมพันธ์อะไร?"

"อย่ามาทำหน้าแบบนี้เลย วันนั้นที่โรงพยาบาลฉันเห็นกอดกันอยู่บนเตียงด้วย"

ไป๋มู่ชิงรู้ว่าเธอหมายถึงเรื่องที่เธอนอนกอดหนานกงเฉิน รู้สึกอายเล็กน้อย ก่อนรีบกลับมาจ้องมองเธอและถามอย่างจริงจัง "จริงๆแล้ว ฉันแค่อยากถามว่า เธอรู้เรื่องภาพวาด [คุณผู้หญิง]จิ้ง แค่ไหน?"

"หมายความว่าไง?"

"คืออย่างงี้ ฉันเอาภาพวาด คุณผู้หญิงจิ้ง กลับบ้าน แต่พอคุณชายใหญ่เห็นเขาก็โมโหมาก สั่งให้ฉันเอารูปไปเผาทิ้งด้วย"

"ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ ?" ผู่เหลียนเหยาถามอย่างแปลกใจ

"ฉันก็อยากรู้ว่าเหมือนกันทำไมถึงเป็นแบบนี้ ก็เลยมาถามเธอไง"

ผู่เหลียนเหยาส่ายหัว "ฉันก็รู้เท่าที่มีบันทึกไว้ในงานแสดงภาพวาด นอกจากนั้นก็ไม่รู้อะไรเลย" เธอหยุดคิดก่อนพูด "แต่จะว่าไปแล้วบ้านตระกูลหนานกงมีความลับมากมายที่คนนอกอย่างเราก็ยากที่จะไปคาดเดาได้ ช่างมันเถอะนะ อย่างไปคิดให้ปวดหัวเลย"

พอเห็นหน้าไป๋มู่ชิงยิ่งเต็มไปด้วยความสงสัย ผู่เหลียนเหยาก็พูดขึ้น "ก็อย่างเช่น......หอไว้บรรพบุรุษของบ้านตระกูลหนานกงไง ฉันได้ยินมาว่าข้างในมีความลับของพี่เฉินกับผู้หญิงที่เป็นคนรักชาติภพที่แล้วอยู่ในนั้น "แต่ที่นั้นนอกจากคุณผู้หญิง พี่เฉิน และ ท่านอาจารย์หวังแล้ว คนอื่นไม่เคยมีใครได้เข้าไป"

"คนรักชาติภพที่แล้ว?"

"อืม ท่านอาจารย์หวังบอกว่า พี่เฉินชาติที่แล้วผิดต่อผู้หญิงคนหนึ่งไว้ เลยโดนสาปแช่งให้ต้องเจ็บป่วยแบบนี้" ผู่เหลียนเหยายกแก้วน้ำขึ้นมาจิบ ก่อนยิ้มขำ "ที่ตลกคือคุณย่าก็เชื่อเรื่องนี้ด้วย"

ไป๋มู่ชิงฟังสิ่งที่เธอพูดแล้วนิ่งอึ้งไป นั่งคิดก่อนที่จะพูดขึ้น "ไม่ใช่สิ หอไหว้บรรพบุรุษ ฉันเคยไปมาสองครั้งแล้ว ไม่เห็นมีอะไร..........."

พูดถึงตรงนี้ไป๋มู่ชิง หยุดพูดทันที

ไม่ใช่สิ เธอไปมาสองครั้ง ก็มีเรื่องประหลาดเกิดขึ้นทั้งสองครั้งเลยนี่นา

"หอไหว้บรรพบุรุษของบ้านตระกูลหนานกงใหญ่มาก ที่เธอไปน่าจะเป็นแค่โถงด้านหน้า" ผู่เหลียนหยายกนิ้งชี้แตะริมฝีปากทำสัญญามือให้พูดเบาๆ "นี่เป็นเรื่องที่เล่าลือกันมา ไม่รู้จริงแท้แค่ไหน พี่ก็อย่ากลับไปถามพี่เฉินล่ะ แล้วก็อย่าคิดแอบเข้าไปสืบหาความจริงอะไรด้วย ถ้าคุณย่ารู้เข้าจะเป็นเรื่องใหญ่"

ไป๋มู่ชิงค่อยๆพยักหน้าตอบ "ฉันรู้แล้ว"

ถึงผู่เหลียนเหยาจะกำชับเธออย่างดี แต่เธอก็ยังหาจังหวะแอบเข้ามาที่หอไหว้บรรพบุรุษอยู่ดี

วันนี้พี่เหอพาคุณผู้หญิงไปไหว้พระที่วัดในเมืองC และต้องอยู่ปฏิบัติธรรมอีกสามวัน ส่วนหนานกงเฉินก็เข้าบริษัทฯ เห็นว่าน่าจะกลับดึก

ถึงแม้ที่นี่จะเต็มไปด้วยความน่ากลัว แต่เพื่อสืบหาความจริง เธอยังคงทำใจกล้าเดินไปข้างหน้าไม่หยุด

ผู้หญิงในภาพวาด [คุณผู้หญิงจิ้ง] กับคนรักในชาติก่อนของหนานกงเฉินที่เล่าลือกัน เกี่ยวข้องกันยังไง? ทำไมหนานกงเฉินเห็นภาพวาดแล้วถึงได้ฉุนเฉียวขนาดนั้น?

เธอไม่รู้ว่าการสืบหาความจริงจะมีประโยชน์อะไรกับเธอ และรู้ดีว่าถ้าถูกคนจับได้จะต้องเผชิญกับอะไรบ้าง เธอควรจะหมุนตัวแล้วเดินออกไปจากที่นี่ แต่มันเหมือนมีอะไรบางอย่างดึงดูดให้เธอยังคงเดินต่อไปข้างหน้า

คนงานชายที่เฝ้าหน้าหอไหว้บรรพบุรุษเห็นเธอเข้า ก็หันไปมองหน้ากัน นึกในใจนายหญิงน้อยผู้โชคร้ายโดนทำโทษอีกแล้วเหรอ?

"รบกวนเปิดประตูให้หน่อยฉันจะเข้าไป" ไป๋มู่ชิงพูดกับเขาทั้งสอง

"นายหญิงน้อยจะเข้าไป? " คนงานถามเธอด้วยความประหลาดใจ คนที่นี่มีแต่จะหลีกหนีด้วยความหวาดกลัว แต่เธอกลับจะขอเข้าไป?

คุณผู้หญิงเคยสั่งไว้นอกจากคนบ้านตระกูลหนานกง คนนอกห้ามให้เข้า แล้วนายหญิงน้อยคนนี้ถือเป็นคนบ้านตระกูลหนานกงมั้ยนะ?

"ใช่แล้ว คุณชายใหญ่ให้ฉันมาเอง" ไป๋มู่ชิงพูดปลด

ที่แท้ก็โดนทำโทษนี่เอง คนงานชายสองคนแสดงสีหน้าเห็นใจ ก่อนจะเปิดประตูให้เธอเข้าไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด