เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด นิยาย บท 72

"ได้ยินมาว่าคุณหนูจูเป็นคนเมืองหยาน?" ไป๋มู่ชิงถามอย่างอดไม่ได้ ถามเสร็จก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองน่าโดนตี ความสัมพันธ์ของเธอกับหนานกงเฉิน ยังไม่ถึงขั้นคุยเปิดใจได้?

ตอนแรกคิดว่าหนานกงเฉินจะโกรธแล้วตำหนิเธอ หรือลุกเดินหนีไปอย่างเย็นชา ไม่คิดว่าเขาจะตอบ'อืม'เบาๆ หลังจากเงียบไปครู่นึง

ไม่น่าเชื่อที่เขายอมเปิดปากพูดเรื่องส่วนตัว ไป๋มู่ชิงเหมือนได้รับความโปรดปรานอย่างไม่คาดฝันจนประหลาดใจ

"รู้จักกันที่นี่หรอ?" เธอลองถาม

"ใช่"

"นั้น......ฉากที่พวกคุณเจอกันต้องโรแมนติกมากแน่ๆ"

"ไม่โรแมนติกเลยสักนิด"

"เป็นไปได้ยังไง!" ไป๋มู่ชิงมีท่าทางสงสัย

ผู้ชายที่เพียบพร้อมอย่างเขา ถ้าไม่ได้พบกันในฉากที่ดอกไม้หรือหิมะโปรยปราย จะทำให้ใจเขาหวั่นไหวได้ยังไง?

หนานกงเฉินไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง พูดว่า: "ตอนที่เจอเธอครั้งแรก เป็นคืนฝนตกที่เหน็บหนาวมาก ผมหลงทางในซอยนี้ และบังเอิิญอาการกำเริบ เธอเป็นคนช่วยผมไว้ ตอนนั้นผมกัดมือของเธอจนเลือดออก เธอไม่เพียงแต่ไม่หนีผมไป ยังแอบพาผมกลับบ้าน ซ่อนผมไว้ใต้เตียงเธอ"

ครู่หนึ่ง เขาพูดต่อ: "เธอเป็นคนแรกที่ไม่กลัวผม ไม่ทอดทิ้งผม แม้ว่าตอนนั้นเธออายุเพียงแค่ 7 ขวบเท่านั้น"

7ขวบ คืนฝนตก ใต้เตียง......ทำไมเธอจึงรู้สึกคุ้นกับเหตุการณ์นี้จัง? หรือเคยเห็นฉากใกล้เคียงกันในภาพยนตร์?

"เอ่อ......7ขวบคุณก็ชอบคนอื่นแล้วหรอ?" ไป๋มู่ชิงอดไม่ได้ที่จะแขวะต่อ: "นี่มันไม่เร็วไปหน่อยหรอ?"

หนานกงเฉินชายตามองเธอเล็กน้อย: "ผมหาเธอเจอหลังจากนั้น จัดการดูแลครอบครัวเธอ แล้วรับเธอไปอยู่เมืองซี"

"อ้อ ฉันเข้าใจแล้ว โตขึ้นเลยกลับมาทดแทนบุญคุณ แล้วตกหลุมรักเธอ"

หนานกงเฉินไม่ได้ตอบเธอ แสดงว่ายอมรับแล้ว

ตั้งแต่ไปจากที่นี่ ในจิตใต้สำนึกเขาก็เกิดความเชื่อแบบนั้นขึ้น นอกจากเธอ ในชาตินี้เขาจะไม่มีคนอื่น ไม่สนว่าจะเป็นคนรักเมื่อชาติก่อนหรือเป็นคู่ชีวิตที่ถูกกำหนดไว้แล้ว ก็ไม่เอาทั้งนั้น!

เมื่อเขากลับมาที่นี่อีกครั้ง เขาก็รักเธออย่างไม่ต้องสงสัย พาเธอกลับไป แล้วมอบความรักทั้งหมดกับเธอ

แม้กระทั่ง......

"จริงสิ มีข้อนึงที่ฉันไม่เข้าใจ ทำไมเธอถึงซ่อนคุณไว้ใต้เตียง?" ไป๋มู่ชิงนึกขึ้นได้ จึงถามอย่างสงสัย

"เพราะว่าครอบครัวของเธอไม่ดีกับเธอ เธอกลัวว่าพวกเขาจะโยนฉันออกไป" หนานกงเฉินตอบ

ไป๋มู่ชิงหัวเราะเหอๆ : "การพบเจอแบบนี้ไม่โรแมนติด แต่ก็สนุกดีนะ"

"แต่ว่า สุดท้ายเธอก็จากไป หายไปแบบไร้ร่องรอย"

บรรยากาศเงียบลงอีกครั้ง

ไป๋มู่ชิงมองสีหน้าเขาที่มีความเศร้าแวบขึ้นมา แม้ว่าอยากถามให้มากกว่านี้ ในตอนที่เขายอมพูด แต่ในใจเธอกลับทำไม่ลง จึงยิ้มแล้วปลอบใจ: "ช่างเถอะ อย่าเสียใจเลย เขาพูดถูกนะ ในชีวิตหนึ่งมีใครบ้างที่จะไม่เจอคนแย่ๆสักคนสองคน?"

"เธอไม่ใช่คนแย่ๆ" แววตาเขาหมองลงและจ้องเธออย่างไม่พอใจ

แม้ว่าเธอจะทำผิดต่อเขา แต่เขาก็ยังคงไม่ยอมให้ใครทำร้ายเธอ

ในจิตใต้สำนึก หนานกงเฉินจำเหตุการณ์ที่เธอซ่อนเขาไว้ใต้เตียงและคอยดูแลเขาอย่างระวังในตอนแรกมากกว่า เหตุการณ์ที่เธอได้ยินข่าวเรื่องอาการของเขาแล้วเลือกที่จะหายตัวไป

ดังนั้นในขณะที่เขาแค้นเธอ กลับไม่สามารถที่จะไม่รักเธอ ไม่คิดถึงเธอ

ไป๋มู่ชิงนิ่งอึ้งไป รู้สึกอึดอัดเล็กน้อย: "เอ่อ......ขอโทษนะ ฉันไม่ได้มีความหมายจะดูถูกเธอ"

เพื่อไม่ดึงเรื่องเสียใจของเขาในอดีตต่อไป ไป๋มู่ชิงลุกขึ้นจากเก้าอี้หิน ส่งยิ้มให้เขาแล้วพูดว่า: "พอเถอะ เราอย่าพูดถึงเรื่องเสียใจในอดีตเลยนะ ไปเถอะ ฉันพาคุณไปที่ที่หนึ่ง"

"ไปไหน?" หนานกงเฉินไม่ได้สนใจนัก

"ไปถึงคุณก็รู้เองแหละ" ไป๋มู่ชิงเห็นเขาไม่ขยับ จึงเดินเข้าไปดึงแขนเขาให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ ลากเขาเดินไปยังประตูใหญ่

10 นาทีหลังจากนั้น ทั้งสองคนยืนอยู่บนถนนขายของกินท้องถิ่นที่เต็มไปด้วยผู้คน

จริงๆ แล้วระหว่างทางที่มา ไป๋มู่ชิงไม่แน่ใจว่าถนนสายนี้ยังอยู่ไหม ตอนนี้มาเห็นว่าตลาดยังอยู่และครึกครื้นกว่าเดิมด้วย แอบรู้สึกดีใจมาก

จำได้ว่าตอนเด็กของกินท้องถิ่นในถนนสายนี้มีมากที่สุดและอร่อยที่สุด ดูจากตอนนี้แล้ว ก็คงไม่ต่างกัน

ไม่ได้กินอาหารท้องถิ่นของที่นี่นานแล้ว คิดถึงมากๆ

หนานกงเฉินมองคนมากมายตรงหน้า คิ้วขมวดเข้าหากันอย่างเคยชิน: "ที่นี่คือที่ที่เธอบอกว่าดีหรอ?"

"ใช่สิ ทาโกะยากิข้างในนี้อร่อยมาก มั่นใจว่าคุณไม่เคยกิน ไป๋มู่ชิงไม่ต้องคิดก็เดาได้ว่า คุณชายที่ฐานะดีอย่างเขา ต่อให้มาเมืองหยานบ่อยก็ไม่มีทางมากินอาหารพื้นเมืองในสถานที่แบบนี้แน่

"ผมไม่สนใจอาหารพื้นเมือง" หนานกงเฉินพูดอย่างไม่ชอบใจ หมุนตัวเดินจากไป

"อย่าเพิ่งสิ!" ไป๋มู่ชิงรีบลากเขากลับมา: "อร่อยมากจริงๆ นะ ไม่ได้โกหก"

"ฉันบอกแล้วฉันไม่อยากกิน"

ถ้าคนอื่นมาเห็นประธานหนานกงกรุ๊ปมาเบียดกับนักท่องเที่ยวเพื่อกินอาหารพื้นเมือง มันดูไม่ดี อีกอย่าง อาหารข้างทางดูแล้วไม่ถูกสุขอนามัยเลย

"กว่าจะมาสักครั้งไม่ง่าย คุณไม่อยากกินแต่ฉันอยาก" ไป๋มู่ชิงนำแว่นกันแดดที่เขาเกี่ยวไว้บนคอเสื้อใส่ให้เขา จากนั้นยิ้มพลางคล้องแขนเขาแล้วพูดว่า: "คุณวางใจเถอะ คนที่อยู่ที่นี่ต่างมาเพื่ออาหารเลิศรส ไม่มีใครสนใจคุณหรอก"

หนานกงเฉินไม่ทันหลบผู้คน ก็ถูกเธอดึงเข้าไปในกลุ่มคนอย่างไม่เต็มใจ ตามนิสัยของเขา ควรสะบัดมือเธอออกแล้วกลับไปถึงจะปกติ แต่เห็นสีหน้าตื่นเต้นดีใจของไป๋มู่ชิงแล้ว จึงเก็บความไม่พอใจในใจไว้แล้วเดินตามเธอไป

แค่ไม่กี่นาที ในมือไป๋มู่ชิงข้างหนึ่งถือเนื้อแกะย่าง อีกข้างเป็นลูกชิ้นปลา เธอกินอย่างมีความสุข

เห็นข้างหน้ามีร้านขายแพนเค้กต้นหอม เธอหันหลังยื่นลูกชิ้นปลาให้หนานกงเฉิน: "ช่วยฉันถือหน่อย"

"สกปรกจะตาย เธอถือเองสิ" หนานกงเฉินไม่พอใจ

"แค่แปปเดียว" ไป๋มู่ชิงยัดลูกชิ้นใส่มือเขา

"ถือไม่ไหวอยู่แล้ว เธอยังจะซื้ออีกหรอ?" หนานกงเฉินจ้องไปยังแผ่นหลังที่กำลังวิ่งไปข้างหน้า คิดในใจว่าผู้หญิงคนนี้กินเก่งเกินไปแล้ว?

ไป๋มู่ชิงซื้อแพนเค้กต้นหอมมาสองชิ้น ส่งชิ้นนึงให้เขา: "แพนเค้กต้นหอมที่นี่ขึ้นชื่อมาเลยนะ คุณลองชิมดู"

"ผมไม่กิน เธอกินเอง"

"คุณผู้ชาย......" ไป๋มู่ชิงมองบนอย่างจนคำพูด ชี้ไปยังผู้ชายที่สะพายกระเป๋าLVรุ่นใหม่: "คุณดูคุณผู้ชายคนนี้ แล้วก็เขา......นั่นอามานี่คนนั้น พวกเขาก็คนมีฐานะ ก็ไม่เห็นมีใครถือหรือหิ้วของกินไว้ในมือเหมือนคุณ ไหนๆก็มาถึงนี่แล้ว ก็ควรทำตามประเพณีที่นี่ ลองเรียนรู้ขนบธรรมเนียมประเพณีที่นี่จะได้ไม่เสียเที่ยวไง ไม่งั้นคุณมาไกลขนาดนี้เพื่ออะไร?

"ผมมาทำงาน"

"......"

ไป๋มู่ชิงกระแอม แล้วเปลี่ยนวิธี: "ก็ได้ งั้นฉันขอถามคุณ ตอนนี้คุณหิวไหม?"

ตอนนี้ก็หกโมงเย็นแล้ว เป็นช่วงเวลาอาหารเย็น จะไม่หิวได้ยังไง

"ถ้าหิวคุณก็กิน" ไป๋มู่ชิงยื่นแพนเค้กต้นหอมไปใกล้ปากเขา: "กินอย่างสง่าผ่าเผย อย่าทำท่าทำทางเหมือนสาวน้อย"

เธอพูดต้อนเขาจนจนมุมขนาดนี้ ถ้าหนานกงเฉินไม่กินอีกก็เป็นสาวน้อยที่ดัดจริตนะสิ? เขาเหลือบมองเธออย่างไม่พอใจ จึงอ้าปากกัดแพนเค้กต้นหอมไปคำนึง

เขายอมกินสักที ไป๋มู่ชิงยิ้มอย่างดีใจ: "อร่อยไหม?"

"ก็ดี" หนานกงเฉินไม่ได้อยากโกหก

ตลาดของกินพื้นเมืองมีหลายอย่างที่อร่อยไม่แพ้โรงแรมที่มีระดับ เขารู้อยู่แล้ว เพียงแต่ไม่ชินกับการกินในสถานที่แบบนี้เท่านั้น

จากที่เขาหิวอยู่แล้ว และยังถูกไป๋มู่ชิงพูดดักคอไว้ขนาดนี้ พอกินไปคำแรกก็ไม่สามารถหยุดกินได้อีกเลย เขาได้ชิมอาหารพื้นเมืองเกือบทุกอย่างตามที่ไป๋มู่ชิงแนะนำ

หลังจากเดินตลาดอาหารพื้นเมืองแล้ว ไป๋มู่ชิงพาเขามาเดินตลาดสินค้าชั้นนำ แล้วลากเขาไปยังบาร์แห่งหนึ่งที่มีความโดดเด่นเพื่อฟังดนตรีสดสักหน่อย

ในบาร์เหล้า พนักงานแนะนำค็อกเทลขึ้นชื่อของร้าน ไป๋มู่ชิงส่ายหัวปฏิเสธ

เมื่อกี้อดใจไม่ไหวกินอาหารประเภททอดไปไม่น้อยเลย ตอนนี้เริ่มรู้สึกผิดและโทษตัวเอง จึงไม่กล้าดื่มเหล้าอีก ยังดีที่สุขภาพเธอดี เด็กจึงสมบูรณ์ดี

"ขอน้ำผลไม้สองแก้ว ขอบคุณค่ะ" เธอพูดกับพนักงาน

ไม่ช้า น้ำผลไม้ก็ถูกเสิร์ฟให้ทั้งสองคน

หนานกงเฉินกวาดสายตามองน้ำผลไม้บนโต๊ะ มองเธอแล้วพูดว่า: "มาเที่ยวบาร์แต่ไม่ดื่มเหล้า?"

"ฉัน......กลัวเมา คุณต้องแบกฉันกลับไป" ไป๋มู่ชิงหัวเราะเหอๆ

"เธอคิดมากไปแล้ว อย่างมากผมก็แค่โทรให้คนมาแบกเธอกลับไป"

"ไร้น้ำใจ คราวหน้าถ้าคุณเมาอย่ามาหาฉันนะ" ไป๋มู่ชิงพึมพำ

หนานกงเฉินทำเหมืือนไม่มีอะไรยกน้ำผลไม้ขึ้นดื่ม สายตาตกอยู่ที่นักร้องหน้าเวทีขนาดเล็ก

นั่นเป็นหญิงสาวที่เซ็กซี่และมีเสน่ห์ แต่เสียงร้องกลับหวานอย่างมีชั้นเชิง กำลังขับร้องเพลงพื้นเมืองแดนเกิดแห่งน้ำอย่างตั้งใจ เสียงเพลงอันไพเราะดึงดูดชายหนุ่มในร้านได้ไม่น้อย

ทั้งสองเดินช็อปจนเหนื่ิอย ดื่มน้ำผลไม้ ฟังเสียงเพลงที่ไพเราะขนาดนี้ก็เป็นการเสพสุขอย่างนึง

พนักงานหนุ่มคนนึงเดินเข้ามาหา อมยิ้มแล้วพูดกับที่งสองคนว่า: "รบกวนท่านทั้งสองหน่อยครับ วันนี้ร้านเราฉลองครบรอบ10ปี มีกิจกรรมฉลองวันนี้และพรุ่งนี้ ก็คือรวบรวมจูบอันหวานซึ้งของคู่รัก......"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด