เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด นิยาย บท 77

ไป๋มู่ชิงโผล่หน้ามาในงานแค่แวบเดียว ก็หายตัวไป แขกอีกมากมายที่ไม่ได้เห็นหน้าเธอ

ทำให้หนุ่มๆ สาวๆ ในงานเริ่มวิจารณ์ขึ้น ต่างสงสัยว่าหนานกงเฉินแต่งงานแล้ว ทำไมไม่เห็นเขาพาภรรยามาร่วมงาน

และยังมีสาวๆ บางคนที่ขี้นินทา โยงเรื่องราวสมมติฐานกลับไปยังจุดเริ่มต้น ภรรยาป้ายแดงของหนานกงเฉินยังมีชีวิตอยู่ไหม หรือว่าตายไปแล้วตามข่าวลือว่า

คำวิจารณ์ของคนอื่นๆ ใช่ว่าหนานกงเฉินจะไม่รู้สึก เพียงแต่ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องโต้ตอบเท่านั้น

ผ่านไปครู่หนึ่ง นายกฯเฝิงเริ่มรู้สึกได้ แม้เขาเองก็ไม่พอใจกับเสียงวิจารณ์เหล่านั้น แต่ก็ไม่สามารถพูดอะไรได้ คิดไปตรองมา เขาก็คิดหาวิธีจัดการกับปัญหานี้ได้

ในตอนที่เขาขึ้นพูดบนเวที เขาจงใจกล่าวขอบคุณคู่สามีภรรยาหนานกงเฉินที่มาร่วมงาน และยังเชิญพวกเขาทั้งสองขึ้นมาตัดเค้กพร้อมเขา

เสียงปรบมือดังขึ้นจากแขกที่อยู่ล่างเวที สายตาต่างจับจ้องไปยังหนานกงเฉินที่นั่งอยู่แถวแรก

หนานกงเฉินไม่คิดว่า ท่านนายกฯเฝิงจะมาไม้นี้ คิ้วขมวดเข้าหากัน เกิดความรู้สึกกระอักกระอสนขึ้นในใจ เขาเองก็ไม่เห็นภรรยาเขามาทั้งคืนแล้ว แล้วตอนนี้จะไปตามหาเธอที่ไหน?

ตอนแรกเขาไม่ได้รู้สึกอะไร ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่เคยถูกวิจารณ์ เรื่องจริงหรือเท็จก็ไม่มีใครตัดสินได้ แต่ตอนนี้ ท่านนายกฯเฝิงเชิญขึ้นไปบนเวทีด้วยความหวังดี คนทั้งงานก็เห็นสภาพที่เขาอยู่ตัวคนเดียว

เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นตามเสียงปรบมือ เดินไปยังเวที

นายกฯเฝิงเห็นเขาเดินขึ้นมาคนเดียว สีหน้าเปลี่ยนไป แอบกระซิบข้างตัวเขา: "คุณชายเฉิน ภรรยาของคุณล่ะ?"

"เธอไม่ค่อยสบาย จึงกลับไปก่อนแล้ว" หนานกงเฉินตอบด้วยรอยยิ้มบางๆ

"ห๊า?" นายกฯเฝิงชะงักไป ทำไมไม่มีใครมาแจ้งว่านายหญิงน้อยหนานกงกลับไปก่อนแล้ว? นี่ความหวังดีของเขากลับเป็นการทำร้ายเขาแทนสินะ

"ขอบพระคุณท่านนายกฯเฝิงที่รักและเอ็นดู ขอให้ท่านมีโชคลาภวาสนาดั่งมหาสมุทร"

นายกฯเฝิงยิ้มด้วยความรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ในใจรู้สึกผิดจนอยากเอาหัวโขกกำแพง จึงหยิบไมค์ขึ้นมากล่าวกับแขกในงาน: "ทุกท่าน นายหญิงน้อยหนานกงไม่ค่อยสบายจึงกลับไปก่อนแล้ว อย่างนั้นวันนี้ให้คุณชายเฉินช่วยผมตัดเค้กก็แล้วกัน"

พอพูดจบ เสียงวิจารณ์ดังขึ้นจากล่างเวทีทันที

หนานกงเฉินเกือบจะได้ยินทั้งหมด มีคนพูดว่า: "เห็นไหม ฉันบอกแล้วว่าข่าวลือนั้นเป็นเรื่องจริง ผู้หญิงคนนั้นตายไปแล้วแน่ๆ ถูกตระกูลหนานกงกำจัดไปอย่างลับๆ เหมือนผู้หญิงคนก่อนๆ"

"พระเจ้า น่าสงสารจัง" อีกเสียงหนึ่งดังขึ้น

สีหน้าของหนานกงเฉินเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ก็คืนสู่ปกติอย่างรวดเร็ว ตัดเค้กกับนายกฯเฝิงด้วยรอยยิ้ม

เขาที่แสดงสีหน้าว่าไม่แคร์ ในใจกลับแค้นไป๋มู่ชิงอย่างสุดๆ ผู้หญิงคนนั้นกล้ามากเกินไป กล้าหนีออกไประหว่างงานเลี้ยง?

เธอไม่รู้หรอว่าคนนอกต่างจ้องจับผิดเธออยู่ รอหัวเราะเยาะเธอ? เธอไม่เข้าใจหรอว่าการมางานเลี้ยงครั้งนี้มีความหมายกับเขาและเธอขนาดไหน?

หลังลงจากเวที เขาเดินออกไปที่ระเบียง กดโทรหาเลขาเหยียนและพูดรอดไรฟัน: "ไปสืบให้ผมหน่อยว่าผู้หญิงคนนั้นไปตายที่ไหนแล้ว?"

"ผู้หญิงคนไหนคะ?" เลขาเหยียนไหวตัวไม่ทันในตอนแรก

"จะมีผู้หญิงคนไหนที่กล้าขัดคำสั่งผมอีก?" หนานกงเฉินพูดด้วยความโกรธแค้น

ใช่ นอกจากเธอ มีผู้หญิงคนไหนที่กล้าไม่เห็นเขาในสายตา ทิ้งเขาไปเสพสุขคนเดียว? ช่วงนี้เขาคงดีกับเธอมากเกินไป โอ๋เธอจนไม่สนใจกฏไม่สนใจสวรรค์แล้ว

ห้ามตามใจผู้หญิง ตามใจมากไปก็จะเหลิงได้ง่าย ประโยคนี้พูดไว้ไม่ผิดจริงๆ

เลขาเหยียนกำลังจะวางสาย หนานกงเฉินหยุดเธอไว้อย่างกระทันหัน: "รอเดี๋ยว"

"มีเรื่องอะไรเพิ่มเติมคะ? คุณชายเฉิน"

"ลองเช็คดูด้วยว่าหลินอันหนานอยู่ที่ไหน" เขากล่าว

ในงานเลี้ยงวันนี้ไม่เห็นหลินอันหนานในฮอลล์จัดงาน นี่ไม่ใช่เรื่องปกติ เขาเลยโยงทั้งสองเข้าด้วยกันตามสัญชาตญาณ

ออกจากงานเลี้ยงช่วงสี่ทุ่มกว่า ได้รับสายจากเลขาเหยียนพอดี แจ้งว่าไป๋มู่ชิงอยู่ริมแม่น้ำ

คิ้วเลิกขึ้นเล็กน้อย แล้วถามต่อว่า: "กับใคร?"

"เห็นนายหญิงน้อยอยู่คนเดียวค่ะ" เลขาเหยียนถามต่อ: "คุณชายเฉิน จะให้ดิฉันพาเธอไปส่งที่งานไหมคะ"

ได้ยินว่าไป๋มู่ชิงอยู่ริมแม่น้ำคนเดียว ความโกรธในใจก็ลดลงไปส่วนหนึ่ง ขอแค่ไม่ได้อยู่กับหลินอันหนาน เธอก็ยังมีโอกาสมีชีวิตอยู่ต่อ

"ไม่เป็นไร ผมไปเอง" พูดจบก็ก้าวขาไปยังลานจอดรถ

ให้เสี่ยวหลินกลับบ้าน ส่วนตนขับรถไปยังริมแม่น้ำด้วยตัวเอง

ถนนเส้นติดแม่น้ำแม้จะยาวมาก แต่คนที่เดินอยู่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น เนื่องจากว่าดึกมากแล้วหนานกงเฉินเห็นเงาของเธอที่อยู่ไกลออกไป

เขาหยุดรถแล้วจอดไว้ข้างทาง ลดหน้าต่างลง

ผู้หญิงคนนี้ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม อากาศหนาวขนาดนี้เธอไม่สวมแม้แต่เสื้อคลุมแล้วยังมาเดินตากลมริมแม่น้ำอีก เธอไม่รู้สึกว่าหนาวบ้างเลยหรือยังไง?

เสื้อคลุมของเธอถอดไว้บนรถก่อนเข้างานเลี้ยง ตอนนี้ถูกโยนไปอยู่ท้ายรถ แต่หนานกงเฉินที่กำลังโกรธอยู่ไม่ได้ถือเสื้อคลุมของเธอลงจากรถไปด้วย แต่เขาลงจากรถคนเดียว ปิดประตูสุดแรงก้าวขายาวๆ ตรงไปหาเธอ

ไป๋มู่ชิงที่จมอยู่ในความแค้นและความเศร้าโศกเสียใจไม่รู้สึกถึงความหนาวเลยสักนิด และไม่รู้สึกว่ามีคนกำลังใกล้เข้ามา ตั้งแต่ออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแล้วมาที่นี่ น้ำตาบนใบหน้าก็แห้งไปหลายระรอกแล้ว

เธอลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าคืนนี้เธอออกมาจากงานเลี้ยง ลืมไปแล้วว่าตัวเองยังอยู่ในชุดราตรีที่เซ็กซี่

หนานกงเฉินมายืนอยู่หลังเธอ ตะโกนใส่เธอโดยไม่ปิดบังอารมณ์โกรธ: "ไป๋ยิ่งอัน! เมื่อไหร่ที่เธอจะเรียนรู้เการป็นคนที่ปกติสักที?"

ไป๋มู่ชิงตัวแข็ง หนานกงเฉิน! เขามาที่นี่ได้ยังไง?

จริงสิ วันนี้เป็นครั้งแรกที่หนานกงเฉินออกงานสังคม เธอกลับทิ้งเขาไว้ในงานคนเดียว คิดถึงจุดนี้ ไป๋มู่ชิงรู้สึกผิดขึ้นมาในใจ แต่เทียบกับข่าวการตายของเสี่ยวลี่ เธอให้ความสำคัญกับอย่างหลังมากกว่า

เธอเช็ดน้ำตาที่นองหน้าอยู่ แล้วหันกลับไปหาเขาอย่างรู้สึกผิด

หนานกงเฉินเห็นเธอไม่ตอบโต้เขา ความโกรธในใจทวีความรุนแรงขึ้นอีก กัดฟันกรอดๆ แล้วพูดว่า: "เธอดูภาพยนตร์มากไปหรือเปล่า ผู้หญิงธรรมดาๆ ทุกคนที่ใช้วิธีโง่ๆ ด้วยความไม่มีมารยาท ไม่มีความรู้แต่กลับคิดว่าตัวเองน่ารักมาทำให้ผู้ชายที่มีฐานะหวั่นไหว? ผมจะบอกเธอไว้นะ นั่นเป็นแค่ภาพยนตร์เท่านั้น ในความเป็นจริง ไม่มีผู้ชายคนไหนที่ชอบผู้หญิงที่คิดว่าตัวเองถูกเสมอหรอก หากเธอยังมียางอายอยู่บ้าง ก็หยุดเล่นเกมส์เด็กๆ ไร้สาระพวกนี้สักที เพราะไม่ว่าเธอจะเสแสร้งยังไง ก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากรอยประทับไร้ยางอายบนตัวเธอที่แต่งเข้าตระกูลหนานกงเพราะเงินหรอก!"

"ผมขอสั่งให้เธอ มานี่เดี๋ยวนี้!" หนานกงเฉินกล่าว

ไป๋มู่ชิงนั่งอยู่ด้านล่างของรั้วกั้นข้างแม่น้ำ หนานกงเฉินและเธอมีระยะห่างกัน3-4เมตร เท่ากับทางที่ให้คนผ่านได้พอดี

เมื่อเห็นเธอไม่มีทีท่าจะขยับ หนานกงเฉินถูกเธอยุจนโกรธมากจริงๆ ก้าวขายาวๆ ไม่กี่ก้าวก็ถึงตัว ใช้ฝ่ามือขนาดใหญ่ดึงแขนเธอขึ้น: "ผมบอกให้เธอขึ้นมา ไม่ได้ยินหรอ?"

เขาใช้แรงมหาศาล ไป๋มู่ชิงถูกยกขึ้นจากพื้น

ใต้แสงไฟข้างถนนที่มืดสลัว หนานกงเฉินเห็นใบหน้าขาวซีดที่แทบจะจมน้ำตาของเธอ

สีหน้าของเธอซีดเผือก แขนเย็น รองเท้าก็ไม่รู้หายไปไหน แม้จะรู้ว่าที่อาจจะเป็นวิธีการเรียกร้องความสนใจของเธอ แต่เขาก็ยังชะงักไปเล็กน้อย และถามเธอว่า: "เธอเป็นอะไร?"

ไป๋มู่ชิงก็ไม่แน่ใจว่าน้ำตาที่ไหลออกมาเป็นน้ำตาที่เสียใจเรื่องเสี่ยวลี่ หรือเพราะคำพูดของเขาก่อนหน้านี้ จริงๆ แล้วหนานกงเฉินพูดถูก เธอแต่งงานเพื่อนเงินจริงๆ ไม่มีสิทธิ์จะได้รับความโปรดปรานจากเขา เธอก็ไม่ควรเสียใจเพราะคำพูดของเขาถึงจะถูก

เธอตั้งใจว่าจะเช็ดน้ำตาให้แห้ง แล้วกลับบ้านตระกูลหนานกงด้วยกันแต่ขณะที่เงยหน้าขึ้น เธอไม่สามารถบังคับตัวเองไม่ให้สะอื้นไห้ได้พร้อมพูดว่า: "เสี่ยวลี่ตายแล้ว......"

สายตาของหนานกงเฉินประหลาดใจครู่หนึ่ง เสี่ยวลี่ตายแล้ว? เป็นไปได้ยังไง?

หลายวันก่อนตอนอยู่เมืองหยาน ยังได้ยินเธอบอกเขาด้วยความดีใจว่า การผ่าตัดของเสี่ยวลี่ราบรื่นมาก และยังไม่มีอาการอันตรายหรือผลกระทบหลังผ่าตัดด้วย

สำหรับเด็กคนนั้นแล้ว เขาไม่ได้ติดตามเขาเท่าไหร่ แต่เขารู้ว่าตลอดมาไป๋มู่ชิงดูแลเขาเหมือนน้องชายแท้ๆ คนหนึ่ง นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้เธอร้องไห้เสียใจขนาดนี้หรอ?

"ฉันไม่ควรเสนอให้เขาผ่าตัดเลย เขาตายเพราะฉัน......" แม้จะรู้ว่าหนานกงเฉินไม่มีกะจิตกะใจมาสนใจเรื่องของเสี่ยวลี่ ไป๋มู่ชิงก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้กับเขา เพราะว่าหนานกงเฉินเป็นเพียงคนเดียวที่อยู่ข้างกายเธอ นอกจากเขาแล้ว ก็ไม่มีคนไหนที่จะทนฟังเธอระบายได้อีก

"ดังนั้นเธอจึงไม่สนใจว่าตัวเองอยู่ในงานเลี้ยง ทิ้งให้ผมอยู่ในงานคนเดียว?" มือใหญ่ๆ ของหนานกงเฉินยังคงล็อคแขนเธอไว้ แม้ว่าน้ำเสียงจะอ่อนลงมาบ้าง แต่ก็ยังคงความไม่พอใจอยู่

ไป๋มู่ชิงหยุดสะอื้นไห้ ก้มหน้ารับการสั่งสอนจากเขา

"เธอรู้ไหมว่าคนอื่นๆ วิจารณ์ยังไงบ้าง? เมื่อทุกคนไม่เห็นเธอ ต่างก็เดากันไปว่าเธอถูกผมฆ่าตายไปแล้ว" เมื่อพูดถึงตรงนี้หนานกงเฉินก็อดไม้ได้ที่จะโกรธ

ตอนแรกเขาตั้งใจจะพาเธอไปให้ทุกคนเห็นหน้า จะได้เลิกล้มสิ่งที่พวกชาวบ้านคาดเดากันสักที สุดท้ายเธอกลับมาเล่นบทหายตัว?

"ขอโทษ" ไป๋มู่ชิงสูดน้ำมูกเล็กน้อย สีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด: "เมื่อกี้พอฉันทราบข่าวการตายของเสี่ยวลี่ก็บ้าไปแล้ว จึงออกจากฮอลล์ที่จัดงานไป ไม่ได้คำนึงถึงความรู้สึกของคุณเลย"

เธอรู้ว่าคำพูดของคนอื่นน่ารังเกียจขนาดไหน โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหนานกงเฉิน เธอรู้ดีว่าเมื่อหนานกงเฉินได้ยินเรื่องพวกนั้นจะต้องรู้สึกแย่มากแน่ๆ

ดูเหมือนว่า......มีแต่เธอที่คอยสร้างปัญหา นำพาปัญหามาให้เขา

ก็ไม่แปลกที่เขาจะพูดแบบเมื่อกี้ รู้สึกว่าเธอคอยใช้วิธีของคนที่ไม่ปกติกับเขาเพื่อเรียกร้องความสนใจ

เงียบไปพักหนึ่ง จู่จู่เธอก็เงยหน้าขึ้นจ้องเขาแล้วถามด้วยความกังวล: "แล้วทำยังไงดีล่ะ? พรุ่งนี้คุณจะเป็นพาดหัวข่าวหน้า1 ไหม?"

"ใครจะไปรู้" หนานกงเฉินตอบอย่างไม่พอใจนัก

"ขอโทษค่ะ......" เธอก้มหน้าลงอีกครั้ง เหมือนเด็กที่เพิ่งทำความผิดมา

หนานกงเฉินมองสภาพเธอ จะโกรธแค่ไหนก็ไม่อาจดุเธอได้ลงอีก ก้มหน้ามองขาที่เปลือยเปล่าของเธอ: "รองเท้าเธอล่ะ?"

"ฉัน......" ไป๋มู่ชิงเก็บนิ้วเท้ากลับไปเล็กน้อย ตอบพึมพำว่า: "ตกน้ำไปเมื่อกี้นี้"

"โตขนาดนี้แล้ว ยังทำรองเท้าหล่นลงน้ำได้อีกหรอ?" หนานกงเฉินกวาดสายตามองเธออย่างตำหนิ: "ดูสภาพเธอตอนนี้สิ เหมือนผู้หญิงไหม?"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด