เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด นิยาย บท 81

“คือว่า......ฉันไปก่อนนะ พวกเธอค่อยๆคุยกันนะ ”เหยาเหม่ยทิ้งท้ายไว้แบบนี้ และเดินออกไปจากห้องผู้ป่วย

หลังจากที่หนานกงเฉินเห็นเธอเดินออกไปจากห้องผู้ป่วย เพียงแค่หัวเขาผ่านเข้ามาก็รีบกวาดตามองหาไป๋มู่ชิง

“คือว่า......”ไป๋มู่ชิงมองเขา ค่อยๆเปิดปากถามเขาว่า“คุณถึงตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?ฉัน......ทำไมถึงไม่รู้เลยล่ะ?”

“เพราะเธอมัวแต่พูดให้รายสามีไง แน่นอนว่ายังไงก็ต้องไม่รู้”

“ไม่ใช่......”ไป๋มู่ชิงก้มหน้าไปด้วยความรู้สึกผิด

งั้นก็ดี ดูจากปฏิกิริยาของเขาแล้วเหมือนกับไม่ได้ยินที่เหยาเหม่ยพูด และเขาก็ไม่พบว่าเธอตั้งท้อง

“แท้ที่จริงมาแต่งงานกับฉัน ต้องทำให้เธอเก็บความรู้สึกที่ไม่เป็นธรรมไว้ในใจเยอะขนาดนี้เลยเหรอ?”หนานกงเฉินได้พูดหยอกเล่นกับเธอ

“คุณรู้ก็ดีแล้ว”ไป๋มู่ชิงพูดด้วยเสียงเบาๆ

ถึงแม้เสียงของเธอจะเบา แต่ว่ายังไงหนานกงเฉินก็ได้ยิน เขาไม่รู้จะต้องพูดว่าอะไรเลยพูดไปว่า“ฉันรู้สึกว่าเพื่อนเธอพูดถูกแล้ว ทั้งหมดนี้คือเรื่องที่เธอต้องเจอ ดังนั้นถึงแม้ว่ามันจะไม่เป็นธรรมขนาดไหนก็ต้องอดทนเอาไว้”

“ฉันก็พยายามทนมานานแล้ว”ไป๋มิงพูดออกมาแบบนี้

ปฏิกิริยาของเธอทำให้หนานกงเฉินพอใจมาก เขาเลยเอาขวดเก็บความร้อนที่อยู่ในมือวางไว้บนโต๊ะและพูดว่า“นี่เป็นซุปไก่ที่พี่เหอทำมาให้ รีบกินตอนที่มันยังร้อนอยู่”

“ขอบคุณนะ”ไป๋มู่ชิงก็เปิดผ้าห่มออกเพื่อจะได้ลงมาจากเตียง

หนานกงเฉินเห็นเธอมีท่าทีที่ลำบาก พูดกับเธอว่า“เธอจะทำอะไร?”

“ฉัน......อยากเข้าห้องน้ำ”

“เรื่องเยอะจริงๆเลย”หนานกงเฉินก็ลังเลไปพักหนึ่งก็เดินไปอุ้มเธอไปเข้าห้องน้ำ หลังจากนั้นเอาตัวเธอไปวางไว้ที่บนชักโครก

ไป๋มู่ชิงที่อยู่ตรงนั้นเห็นว่าเขายังอยู่ตรงนั้นอยู่ เลยถามเขาไปว่า“ทำไมคุณยังไม่ไปอีกล่ะ?”

“รีบเข้าสิ เดียวฉันรอ”

“หมายความว่ายังไงกันนะ?คุณจะเข้าห้องน้ำกับฉัน?ไม่ได้......ฉันจะเข้าห้องน้ำกับคนอื่นได้ยังไง”หน้าของไป๋มู่ชิงก็ยิ่งแดงขึ้นกว่าเดิมอีก

หนานกงเฉินจนปัญญา ทำได้แต่เดินออกไปจากห้องน้ำ

เขายืนอยู่รอเธออยู่ตรงหน้าประตูห้องน้ำ แต่ผ่านไปแล้วห้านาทีเธอก็ยังไม่ออกมาสักที เขาเลยตะโกนเข้าไปถามว่า“เสร็จหรือยัง?”

“คนดี......”ไป่มู่ชิงยังพูดไม่ทันจบ ทันใดนั้นก็มีเสียงดังเกิดขึ้นในห้องน้ำและยังมาพร้อมกับเสียงร้องเจ็บปวดเบาๆของไป๋มู่ชิง

หนานกงเฉินตกใจมาก คิดแล้วคิดอีกในที่สุดก็ได้เปิดประตูเข้าไป

ในห้องน้ำ ครึ่งตัวของไป่มู่ชิงเปียกอยู่ตรงพื้น ลื่นล้มไปทั้งอายทั้งเจ็บ สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเจ็บปวด

หนานกงเฉินเห็นเธอว่าเธอไม่เป็นอะไร หลังจากถอนหายใจอย่างโล่งใจเขาก็ได้สังเกตเห็นว่าเธอไม่มีแรงพูด“นี่ไงชะตากรรมของคนที่ไม่ฟัง ได้เข้าห้องน้ำไหม?”

“ได้เข้าแล้ว......”ไป๋มู่ชิงก็เขินอยู่ที่ตัวเองนั้นอยู่ตรงพื้น ที่จริงแล้วเสียงดังเมื่อกี้นี้เป็นเสียงของชักโครกที่แตกลงมา เธอเพียงแค่เจ็บแผลเลยไปนั่งอยู่ตรงพื้น นอกจากแผลนั้นส่วนอื่นก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร

หนานกงเฉินพยุงตัวเธอขึ้นมาจากพื้น ออกมาจากห้องน้ำอุ้มเธอไปที่เตียง หลังจากนั้นก็เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าได้หยิบเอาชุดคนไข้ออกมา

กางเกงเธอเปียกไปครึ่งหนึ่งแล้ว ไม่เปลี่ยนก็คงจะไม่ได้ แต่ว่าหนานกงเฉินอยู่ตรงนั้น เธอรู้สึกอาย ได้แต่ทำหน้าตาเฉยเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไรและพูดว่า“ไม่ต้องเปลี่ยนแล้ว เดี๋ยวก็แห้งแล้ว”

“ถ้ารอจนมันแห้งเธอก็คงเป็นหวัดไปแล้ว และก็จะต้องได้อยู่โรงพยาบาลอีกหลายวัน คุณหนูไป๋ฉันยุงนะ จะมีเวลาเยอะขนาดนั้นมาดูแลเธอได้ยังไง?”ตอนที่หนานกงเฉินกำลังพูดอยู่ก็ผลักเธอลงไปนอนอยู่ที่เตียง ได้เอามือเอื้อมไปดึงกางเกงของเธอออก

ไป๋มู่ชิงตกใจมาก เธอทั้งร้องทั้งดิ้นและพูดว่า“หนานกงเฉินคุณกำลังจะทำอะไร?เดี๋ยวฉันทำเอง!ออกไปเลยนะ......!

แต่อย่างไรก็ตาม เธอก็ไม่ได้ต่อต้านเขา หนานกงเฉินก็ได้ถอดกางเกงของเธอออกแล้ว

คุณพระช่วย ไม่คิดว่าผู้ชายคนนี้ก็เอาแต่ใจกับเรื่องนี้เหมือนกัน ทำตัวให้มันดีๆหน่อยได้ไหม?

ดิ้นไปก็ไม่มีประโยชน์ เธอก็ได้แต่ตามน้ำไป

ขาของเธอเรียวยาว ขาวผ่องชวนให้มอง หนานกงเฉินเห็นก็ยอมรับว่าใจเต้น ถ้าเธอไม่ได้ป่วยอยู่ เขาก็คงจะไม่ปล่อยเธอไว้หรอก

เขาเห็นว่าทั้งใบหน้าของไป๋มู่ชิงแดงมาก ตั้งใจล้อเธอว่า“อย่าทำเหมือนกับฉันไม่เคยเห็น อย่าแกล้งทำตัวไร้เดียงสาหน่อยเลย”

หน้าของไป๋มู่ชิงไม่เพียงแค่แดงและยังร้อนขึ้นมาอีกด้วย

จริงๆแล้วเธอถูกเขามองมาเยอะไม่น้อย แต่ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาเปลี่ยนกางเกงให้เธอ จะให้ไม่เขินได้อย่างไรกันล่ะ?

เพื่อที่จะซ่อนความเคอะเขินของตัวเองไว้ เธอเลยตั้งใจพูดออกมาอย่างใจเย็นว่า“ฝีมือในการช่วยผู้หญิงถอดกางเกงดูช่ำชองดีนะ”

หนานกงเฉินหยุดดึงกางเกงและมองไปที่เธอ ไป๋มู่ชิงเห็นก็ปิดปากตัวเองทันที มองตาเขาด้วยตาปริบๆ

“ฉันยังมีวิธีที่ดีกว่านี้นะ เธออยากลองไหมล่ะ?หนานกงเฉินจ้องเธอแล้วพูดออกมา พอพูดจบเขาก็ยังพยายามจะถอดกางเกงของเธอออก

ไป๋มู่ชิงรีบดึงกางเกงของตัวเอง ส่ายหัวแล้วพูดว่า“ไม่ต้อง คุณไปลองกับคนอื่นเถอะ”

“ใจกว้างขนาดนั้นเลยเหรอ?”หนานกงเฉินวางมือทั้งสองข้างตัวเธอ ไปกระซิบข้างหูเธอว่า“ถึงแม้ว่าเธอจะมีเรื่องมากมาย นิสัยก็ไม่ดี แต่สุดท้ายแล้วยังพอจะรับได้อยู่ ฉันชอบผู้หญิงแบบเธอนะรู้ว่าอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ มีมารยาท”

ไป๋มู่ชิงโดนเขาแหย่จนรู้สึกว่าเริ่มจะทนไม่ไหว ทั้งหันหนีและยังพูดด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยดีว่า“คุณ......หยุดใส่ความฉันได้แล้ว”

เขาชมเธอขนาดนี้ งั้นหลังจากนี้ถ้าเขาอยากจะอยากไปหาผู้หญิงคนไหนเธอคงจะไม่สามารถออกพูดอะไรได้แล้วใช่ไหม?ถ้าพูดไปก็คงไม่มีมารยาท

เรื่องแบบนี้เธอกับผู้หญิงคนอื่นก็เหมือนกันนั้นแหละยังไงก็ยอมรับไม่ได้หรอก

หนานกงเฉินเอามือของเขาลูบไปที่หน้าของเธอ พูดออกมาอย่างไม่น่ายินดีว่า“ต้องขอบคุณเธอที่ทำให้คุณชายคนนี้มีผู้หญิงเข้ามาเยอะแยะมากมายขนาดนี้”

ไป๋มู่ชิงรู้ว่าเขาหมายถึงตัวเธอเองนั้นทำให้เรื่องราวของเขาเผยแพร่ออกไป เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขารู้สึกแสลงใจมาก เอาล่ะ เป็นความผิดของเธอเอง เธอเป็นคนหาเรื่องใส่ตัวเอง

ถ้ารู้ว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้เธอจะไม่เอากับไป๋ยิ่งอันหรอก และคงจะไม่มาติดอยู่กับเรื่องที่สลับตัวกับไป๋ยิ่งอันหรอก

คิดถึงเรื่องราวหลังจากสามเดือนนั้นมา ในใจของไป๋มู่ชิงยังคงรู้สึกเศร้า เป็นครั้งแรกเลยที่รู้สึกว่าไม่เข้มแข็งเลย

“ฉันขอโทษ ฉันผิดไปแล้ว”เธอพูดด้วยความรู้สึกผิด

หนานกงเฉินไม่รู้จะพูดว่าไง เลยพูดไปว่า“ขอโทษ นี่เป็นวิธีการแสดงออกของเธอเหรอ?แกล้งแค่นี้ก็ไม่สนุกแล้ว

เขาชอบที่จะเห็นเธอถูกกลั่นแกล้ง และยังทำให้สับสน มันรู้สึกสนุกมากเลย

พอมองเขา ไป๋มู่ชิงเลยรีบพุ่งเข้าไปจับคอของเขา กดหัวของเขาลง จูบไปบนริมฝีปากของเขาและพูดว่า“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หวังว่าหลังจากนี้คุณจะมีความสุขนะ”

ไม่ว่าเขาจะมีผู้หญิงกี่คนก็ไม่เกี่ยวกับเธอแล้ว แต่ถ้าหนึ่งในนั้นเป็นไป๋ยิ่งอันไม่ว่าอย่างไงเธอคงทนไม่ได้ ไม่กล้าที่จะคิดจริงๆว่าถ้าถึงตอนนั้นแล้วพวกเขาจะใช้ชีวิตกันแบบไหน

หนานกงเฉินโดนเธอจูบไปสักพัก ตกใจอยู่ไม่น้อย สังเกตเห็นว่าเธอต่างไปจากเดิมมาก เลยพูดว่า“นี่มันอะไรกันอีกล่ะ?”

“เพื่อเป็นภรรยาที่ดียังไงกันล่ะ”ไป๋มู่ชิงยิ้มออกมา

“วิธีนี้มันไม่เหมาะกับเธอ”หนานกงเฉินก้มหน้าไปจูบที่ริมฝีปากของเธอ ครั้งนี้กลายเป็นเขาที่เป็นฝ่ายกระทำ

ไป๋มู่ชิงคิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะจูบเธอ มือทั้งสองก็ไปอยู่ที่หน้าอกของเธอ เธอกลัวมากว่าเขาจะกดเธอลงไป จริงๆแล้วเธออยากจะผลักเขาออกไป แต่ในใจของเธอนั้นกลับเริ่มรู้สึกว่าไม่อยากทำแบบนั้นแล้ว

ราวกับว่า......เขาไม่ได้จูบเธอแบบนี้มานานแล้ว ยังคงหลงใหลในความรู้สึกนี้

หลังจากเขาจูบที่ริมฝีปากของเธอนานพอสมควร ก็ค่อยๆไปจูบที่คอของเธอ

“คุณชายเฉิน......”เธออดไม่ได้ที่พูดออกมาว่า“คุณเจอเธอแล้วหรือยัง?”

นี่เป็นอีกหนึ่งประโยคที่ทำลายบรรยากาศมาก แต่นี่ก็เป็นคำถามที่เธออยากจะถามมาโดยตลอด

ในวินาทีนั้นหนานกงเฉินก็หยุดจูบเธอ และกระซิบข้างหูเธอเบาๆว่า“ยังไม่เจอ”

เธอก็ยังถามอีกว่า“งั้นทำไม่คุณถึงตัดสินใจที่จะปล่อยวางแล้วล่ะ?”

เธอรู้ว่าหนานกงเฉินก็คงอาจจะไม่ชอบที่เธอถามคำถามพวกนี้ แต่ว่าคำตอบสำคัญกับเธอมาก เธออยากรู้มากจริงๆ เพราะว่าผู้หญิงคนนั้นมันกวนใจเธอมาก ดังนั้นเธอเลยใส่ใจเป็นพิเศษ

“เธอสอนฉันเองไม่ใช่เหรอ ไม่คุ้มค่าที่จะต้องทิ้งตัวเองไปเพื่อคนที่ทิ้งเราไป”หนานกงเฉินยิ้มอย่างเย็นชา

ก็จริง เขาคงคิดดีแล้ว ถึงแม้ว่าเธอจะกลัวเขา งั้นก็ให้เธอไปเถอะให้เธอไปหาผู้ชายที่ปกติแข็งแรงดีสักคน แต่ในเมื่อเลือกที่จะปล่อยวางแล้ว ก็ไม่มีเหตุจำเป็นอะไรที่จะต้องไปรบกวนเธออีก

“ในที่สุดคุณก็คิดได้ใช่ไหม?”ไป๋มู่ชิงยิ้มมุมปาก

“ใช่”หนานกงเฉินหันตัวลงไปนั่ง หยิบบุหรี่และไฟแช็กออกมา ในชั่วพริบตาก็มีควันบุหรี่ลอยมา

จำได้ว่าเขาสูบบุหรี่แต่ว่าสูบน้อยมาก นี่เหมือนกับเป็นครั้งแรกที่เขาสูบบุหรี่เพราะผู้หญิงคนนี้ ครั้งที่เขาสุบบุหรี่เพราะเธอจริงๆ ยิ่งกว่านั้นเขาก็พกกล่องบุหรี่ติดตัวไว้ตลอด

ในควันบุหรี่ เขามีสีหน้าที่เศร้ามากปิดเท่าไหร่ก็ปิดไม่มิด

ไป๋มู่ชิงลุกขึ้นจากเตียง ชี้ไปตรงที่หัวเตียงเขียนไว้ว่า‘ห้ามสูบบุหรี่’หลังจากนั้นก็ไปหยิบบุหรี่ออกจากมือของเขา

ถึงแม้ว่านี่จะเป็นห้องผู้ป่วยธรรมดา มีแค่เธอคนเดียวแต่คุณหมอก็พูดไว้ว่าห้ามเขาสูบบุหรี่ เพื่อสุขภาพของเขาเอง ถึงแม้จะคิดถึงเธอยังไงก็ห้ามสูบ

“ฉันขอโทษ ฉันลืมไปแล้ว”หนานกงเฉินพูดออกมาด้วยความรู้สึกเสียใจอย่างมาก

ไป๋มู่ชิงยิ้มอย่างอ่อนโยนออกมาแล้วพูดว่า“แท้ที่จริงแล้วตอนที่มีเรื่องเครียดไม่เห็นจำเป็นต้องสูบบุหรี่เลย ยังสามมารถ......”

“กินเหล้า?”หนานกงเฉินมองเธอด้วยความสงสัย พูดแทรกมาทันที

“แน่นอนว่าไม่ใช่”ตอนนั้นไป๋มู่ชิงคิดไม่ออกว่ามีวิธีอะไรบ้าง เลยชี้ที่ตนเองแล้วพูดว่า“งั้นทำเหมือนกับฉันก่อนหน้านี้ ด่าฉันมาได้เลย ยังไงแล้วฉันฟังเข้าหูซ้ายทะลุหูขวาอยู่แล้ว”

หนานกงเฉินเลิกคิ้วขึ้นและจ้องเธอด้วยความโมโห

ไป๋มู่ชิงเอามือมาบังปากของตัวเองและพูดอีกว่า“ที่จริงก็ไม่ใช่ว่าเข้าหูซ้ายแล้วทะลุหูขวาตลอดหรอก บางครั้งก็เข้าไปอยู่ในใจบ้าง ฮ่าฮ่า......”

“ดังนั้น......เมื่อวานตอนเช้าที่ฉันด่าคุณไปขนาดนั้น แต่ท้ายที่สุดแล้วใช้แค่ไอศกรีมอันเดียวก็เอาคุณอยู่แล้วใช่ไหม?เพราะคิดเอาคำพูดของฉันเป็นคำพูดไร้สาระมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วใช่ไหม?”

“ใช่ที่ไหนกันล่ะ?เมื่อวานก็คุณโกรธฉันจริงๆ”พอคิดถึงเรื่องเมื่อวานที่เขาพูดกับตัวเองว่าไป๋มู่ชิงโกรธ แต่ตัวเองกลับโดนง้อด้วยไอศกรีมแค่อันเดียวก็หายแล้ว ข้อนี้ยังต้องรอการพิสูจน์

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด