เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด นิยาย บท 82

“นี่เป็นเรื่องสำคัญ”ในที่สุดซูวยาหยงลุกขึ้นมา ค่อยๆเดินไปยืนอยู่ตรงหน้าเธอแล้วพูดว่า“อีกหนึ่งเดือนคุณจะต้องออกไปจากตระกูลหนานกงแล้ว ฉันยังต้องทำความเข้าใจว่าเธออยู่ที่ตระกูลหนานกงเป็นอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะหนานกงเฉิน และยังมีคนที่เธออย่าไปเล่นตุกติกด้วย ไม่งั้นครอบครัวของพวกเธอทั้งสามคนได้ตายแน่”

พวกเขาเอาวิธีนี้มาพูดขู่เธออีกแล้ว ไป๋มู่ชิงถอนหายใจออกมาและพูดอย่างไม่แยแสว่า“บันทึกของทุกๆวันฉันก็ให้พวกเธอแล้วไม่ใช่เหรอ?ข้างบนยังเขียนไว้อย่างชัดเจน

“ใครจะไปรู้ว่าเธอแอบเล่นตุกติกหรือเปล่า?”

“สบายใจได้ ในกำมือของพวกเธอกุมชีวิตแม่และน้องชายของฉันเอาไว้อยู่ ฉันจะกล้าเล่นตุกติกได้อย่างไร? ”

“เหอะ ในตอนแรกๆพวกเธอสองคนแม่ลูกทำอะไรไม่ได้เลยเพื่อจะเอาสมบัติของตระกูลไป๋?ใครจะไปรู้ว่าครั้งนี้เพราะอยากได้สมบัติของตระกูลหนานกงเลยจะเพิกเฉยชีวิตแม่และน้องชายหรือปล่านะ?คนพูดคือไป๋ยิ่งอัน พูดด้วยน้ำเสียงเหน็บแนม

ไป๋มู่ชิงตตอบกลับเธอไปว่า“ฉันไม่ได้เลวแบบเธอหรอกนะ”

“เธอ......!”ไป๋ยิ่งอันโกรธมาก

“ทำไมกันล่ะ?ฉันพูดผิดเหรอ?ไป๋มู่ชิงตอบกลับไปด้วยท่าทางที่ไม่รู้สึกอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว

พอเห็นคนขับรถทั้งสองกำลังจะลุกขึ้น ซูวยาหยงรีบพูดว่า“พอได้แล้ว ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่พวกเธอจะมาทะเลาะกันนะ หุบปากไปเลยทั้งคู่”

ทั้งสองคนหยุดพูด ซูวยาหยงหันกลับมาพูดกับไป๋มู่ชิงว่า“ช่วงนี้พี่สาวของเธอค่อนข้างเก็บตัวนะ เป็นเพราะหลบหน้าคนตระกูลหนาน ในเวลาหนึ่งเดือนนี้ เธอพยายามจัดการไปเงียบๆละกันนะ หลังจากนั้นค่อยหาข้ออ้างกลับบ้าน หรือไม่ก็พูดกับคนในตระกูลหนานกงไปเลยว่า ฉันวางแผนว่าจะไปเที่ยวต่างประเทศสักครึ่งเดือน ได้ยินชัดเจนแล้วใช่ไหม?

“ได้ยินแล้ว”ไป๋มู่ชิงถอนหายใจเบาๆ คิดอยู่ว่าควรบอกพวกเขาอย่างไรกับเรื่องที่ตัวเองท้อง

รอให้ถึงเวลานั้นไป๋ยิ่งอันเข้าไปในตระกูลหนานกง ในท้องกลับไม่มีอะไรเลย เรื่องนี้ก็คงจะต้องจบลงแน่ๆ

หลังจากนั้นซูวยาหยงยังพูดอะไรที่เธอไม่เข้าใจมาอีก สีหน้าที่บ่งบอกถึงความวุ่นวาย

ลังเลอยู่พักใหญ่ ทันใดนั้นเองเธอเงยหน้ามองซูวยาหยงพูดว่า“ฉันท้อง”

ซูวยาหยงอึ้งไปเลย สองแม่ลูกมองเธอมองเธอไปครู่ใหญ่ๆ พูดอย่างอ้ำอึ้งว่า“เธอพูดว่าอะไรนะ?”

“ฉันท้อง”ไป๋มู่ชิงพูดซ้ำอีกครั้ง

หลังจากสองแม่ลูกช็อกไปนั้น ไป๋ยิ่งอันพูดด้วยความโกรธแค้นว่า“เธอนางผู้หญิงเลวคนนี้!”ขณะที่เธอตะโกนคำนี้ออกมา ร่างกายของเธอเหมือนมีอะไรโผ่เข้ามา ไป๋มู่ชิงถูกผลักไปที่โซฟา เธอได้ตบไป๋มู่ชิงไปสองที“ผู้หญิเลว!หนานกงเฉินเป็นของฉัน!ทำไมเธอถึงไปนอนกับเขา?ทำไมถึงท้องลูกของเขา?เธอคิดว่าเธอท้องแล้วก็ไม่จำเป็นต้องคืนเขาให้ฉันแล้วใช่ไหม?เธอ......ฝันไปเถอะ!”

ไป๋มู่ชิงคาดไม่ถึงเลยว่าเธอจะโกรธขนาดนี้ ด้วยความรีบร้อนนั้นเธอเลยรีบเอามือไปกอดไว้ที่หน้าท้องของเธอ

“ยิ่งอัน เธอใจเย็นๆก่อน!”ถึงแม้ว่าซูวยาหยงโกรธไม่แพ้กัน แต่ยังไงก็ยังมีเหตุผล ดึงมือของไป๋ยิ่งอันไว้พูดว่า“ตอนนี้เธอกำลังจะทำให้แผนของเราเสียนะ ใจเย็นๆก่อน!”

“แม่!”ไป๋ยิ่งอันที่ดิ้นรนอยู่ตรงนั้นพูด พวกเขาไม่ได้ทำร้ายอะไรไป๋มู่ชิงมากนัก เธอยังคงตะโกนว่า“เธอจงใจทำใช่ไหม!เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่ายังไงเธอก็จงใจทำ !เธอใช้ลูกมารั้งตำแหน่งในตระกูลหนานกงไว้ เธอมันเลวจริงๆ!เธอมันก็เลวเหมือนกับแม่ของเธอนั้นแหละ!”

“ถ้าหากว่าเธอไม่ต้องการแม่และน้องชายแล้ว เธอไม่จำเป็นเอาวิธีมารั้งหนานกงเฉินหรอก เธอไม่เข้าใจเหรอ?”ซูวยาหยงพูด ประโยคพวกนี้เหมือนกับกำลังพูดเตือนไป๋ยิ่งอัน แต่ก็ยังเป็นการกล่าวเตือนไป๋มู่ชิงด้วยว่าที่เธอตั้งท้องไม่ทำให้เธออยู่ที่ต่อตระกูลหนานกงได้หรอกนะ

ในที่สุดไป๋ยิ่งอันหยุดดิ้น ผมของเธอยุ่งเหยิง ในใจเธอรู้สึกอารมณ์แปรปรวน สายตาคู่นั้นจ้องไปยังไป๋มู่ชิงที่อยู่บนโซฟา

ซูวยาหยงพยุงลูกสาวมานั่งอยู่ตรงโซฟาที่อยู่ตรงข้ามไป๋มู่ชิง มองไป๋มู่ชิงพูดว่า“จริงๆเรื่องนี้มันจะไม่ยากขนาดนั้น ถ้าถึงเวลาที่มู่ชิงจะต้องกลับบ้านแล้ว เธอก็เอาเด็กออกสิแล้วหลังจากนั้นจะได้ไม่มากระทบกับแผนการของฉัน

ได้ยินเสียงซูวยาหยงพูด ไป๋ยิ่งอันก็ค่อยๆใจเย็นลง

“ฉันจะไม่เอาลูกออก! ”เธอเลยส่ายหัวปฏิเสธไปโดยสัญชาตญาณ

“ถ้าไม่งั้นเธอคิดว่าจะทำอย่างไร?แอบคลอดออกมา?”ไป๋ยิ่งอันเอามือไปลูบๆผมที่ยุ่งเหยิง กัดฟันจ้องเธอพูดว่า“หัวใจของเธอมันตายไปแล้วหรือไงกัน ฉันจะไม่มีวันปล่อยให้เลือดเนื้อเชื้อไขหนานกงเฉินออกมาใช้ชีวิตบนโลกนี้หรอก!นอกจากฉัน ใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิได้คลอดลูกของเขา”

“ใช่แล้ว ยังไงก็เก็บเด็กคนนี้ไว้ไม่ได้”ซูวยาหยงเห็นด้วยกับที่เธอพูด

ไป๋มู่ชิงมองสองแม่ลูกด้วยท่าทางที่แน่วแน่ ในใจอขงเธอยิ่งกังวล นี่เลยเป็นเหตุผลที่เธอไม่อยากบอกว่าเธอท้อง

พอออกมาจากร้านกาแฟ ในใจของไป๋มู่ชิงหนักอึ้งไปราวกับว่าโดนก้อนหินมาก้อนใหญ่ทับอยู่

เธอมีความฝันตั้งแต่เด็กที่เธออยากจะแต่งงานกับคนที่มีจิตใจเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและเป็นคนที่มีค่าที่จะรักไปตลอดชีวิต แต่ว่ามันเป็นไปไม่ได้แล้วเพราะตอนนี้เธอแต่งงานมีลูกแล้วและแถมยังกลับต้องมาเป็นแบบนี้

คนที่แต่งงานด้วยนั้นไม่รักเธอ เธอได้แต่อดทนเอาไว้ แต่ว่าเด็กที่อยู่ในท้อง......นึกไม่ถึงเลยว่าจะต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ หนานกงเฉินไม่ยอมรับเขา ยังไงแม่กับพี่สาวแท้ๆต้องฆ่าเขาให้ตายแน่ๆ

แต่ว่าที่น่าเสียใจที่สุดคือเธอที่เป็นแม่นั้นกลับทำอะไรไม่ได้เลย !

เธอเดินไปบนทางเท้าแบบสติเลอะเลือน หลายครั้งที่เธอเกือบถูกรถชนแบบไม่รู้ตัว ในที่สุดเธอได้เดินออกไปจากบริเวณของตระกูลหนานกง

เลขาเหยียนที่พึ่งกลับมาจากทำงาน เห็นไป๋มู่ชิงเดินหลงทางอยู่บนถนน เธอเหยียบเบรกไปเบาๆ ค่อยๆจอดรถตรงข้างทาง ลดหน้าต่างลงเพื่อตะโกนเรียกถามเธอ

ไป๋มู่ชิงที่เดินอยู่บนทางเดินเท้านั้นกลับไม่แยแสเธอเลย และยังคงเดินเข้าไปต่อเรื่อยๆ

เลขาเหยียนได้แต่สตาร์ทรถอีกครั้ง เพื่อที่มุ่งหน้าไปยังตระกูลหนานกง

เธอเดินไปถึงที่ชั้นบนสุดของตึก ได้เอาเอกสารที่อยู่ในถุงกระดาษยื่นให้หนานกงเฉินด้วยความเคารพว่า“คุณชายเฉิน สัญญาเซ็นเรียบร้อยแล้ว ท่านลองตรวจทานดูอีกครั้ง”

“งั้นเอาวางไว้ตรงนั้นก่อน”หนานกงเฉินกำลังยุ่งอยู่กับการตอบกลับอีเมล แทบจะไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามอง

“เอ่อ......คุณชายเฉิน ฉันพูดเรื่องส่วนตัวหน่อยได้ไหม?”ผู้ช่วยเหยียนพูดอย่างลังเล เพราะที่บริษัทมีข้อบังคับว่าเวลาทำงานห้ามพูดเรื่องส่วนตัว ยิ่งกวานั้นเรื่องนี้ก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่อะไร ก็ไม่จำเป็นต้องคุยกับเขา

“ฉันบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าไม่ต้องตามหาเธอแล้ว”หนานกงเฉินยังคงไม่สนใจ สำหรับเขานอกจากเรื่องนี้ก็ไม่มีเรื่องส่วนตัวเรื่องไหนอีกแล้ว

“นี่มันไม่เกี่ยวกับคุณหนูจู”

“งั้นเกี่ยวกับใคร?”

“คุณหญิงน้อย”

“งั้นยิ่งไม่จำเป็นต้องพูดถึงแล้ว”

ผู้ช่วยเหยียนมองเขาด้วยท่าทางที่จริงจังและพยักหน้าว่า“โอเค”พอพูดเสร็จเธอก็เดินออกจากห้องทำงาน

แต่ทว่า ตอนที่มือเธอกำลังจะบิดลูกบิดประตู หนานกงเฉินที่อยู่ข้างหลังได้พูดว่า“เดี๋ยวก่อน”

เธอเลยเดินกลับไปพูดว่า“ยังมีธุระอะไรเหรอ?คุณชายเฉิน”

“นายหญิงน้อยเธอ......ก่อปัญหาอะไรหรือเปล่า?”เขาถามมาแค่ประโยคเดียว

พอผู้ช่วยเหยียนคนเคร่งขรึมพอได้ยินคำถามนั้นก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา พูดว่า“ในสายตาของคุณชาย นายหญิงน้อยนอกจากสร้างปัญหาเรื่องอื่นๆก็ไม่ทำเลยอะไรเลยเหรอ?

หนานกงเฉินเลิกคิ้ว อย่างน้อยเขาก็เข้าใจว่าเธอเป็นแบบนั้นมาตลอด

“จริงๆแล้วไม่ได้มีอะไรมากหรอก แค่เมื่อกี้ตอนที่ฉันกลับมา เห็นคุณหญิงน้อยเดินล่องลอยไม่ได้สติอยู่บนข้างทางเหมือนว่ายังร้องไห้อีกด้วย”ผู้ช่วยเหยียนพูดออกมาแบบนั้น

เดินล่องลอยแบบไม่ได้สติ แถมยังร้องไห้อีก?

โตขนาดนี้แล้วจะร้องก็ร้องก็ร้องสิ ไม่ใช้เด็กนะที่จะร้องไห้แล้วเดินหลงทางน่ะ เขาก็คิดไปแบบนั้น หลังจากนั้นเขากลับไปทำงานต่อ

หนานกงเฉินถึงแม้ว่าจะกลับไปทำงานต่อแต่เขากลับเป็นกังวล ในใจเขามัวกังวลมัวแต่คิดถึงหน้าของเธอ

เขาไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมถึงเป็นกังวลกับคำพูดที่ผู้ช่วยเหยียนพูดออกมา ยิ่งกว่านั้นความรู้สึกของตัวเขาที่มีต่อผู้หญิงคนนั้นไม่ได้เกี่ยวกับความรู้สึกของเธอสักหน่อย รู้อย่างงี้ไม่ถามประโยคสุดท้ายกับผู้ช่วยเหยียนหรอก

ยังไงก็ทำงานต่อไม่ได้แล้ว เขาเลยรีบปิดคอม หยิบเสื้อกันหนาวที่อยู่บนหลังเก้าอี้และ รีบออกไปจากห้องทำงานของเขา

เลขาเฉินเห็นว่าเขากำลังจะออกไปข้างนอกเลยรีบเดินเข้าไปพูดว่า“คุณชายเฉิน อีกครึ่งชั่วโมงจะมีประชุมของแผนกการขาย”

หนานกงเฉินเดินไปข้างหน้าไม่หยุดแถมยังพูดว่า“ให้ผู้ช่วยเหยียนเป็นประธานในการประชุมนี้ก็ได้แล้ว”

ตอนที่เขาพูดนั้น ไม่ทันไรเขาออกไปจากบริเวณสำนักงานแล้ว และเดินมุ่งหน้าไปทางลิฟต์

ไป๋มู่ชิงได้ยินเสียงแตรที่เธอคุ้นเคยมาแต่ไกล แต่เธอไม่ได้สนใจเลย ในใจคิดว่าจะบังเอิญเกินไปแล้วถ้าหนานกงเฉินมาอยู่แถวนี้ได้ เธอเลยเดินต่อไปข้างหน้า ข้างหน้าเป็นที่รอรถพอดี หนานกงเฉินเลยไปหยุดรถตรงข้างๆเธอ

มีร่างสูงใหญ่แต่เธอกลับรู้สึกคุ้นเคยใกล้เข้ามา แต่ครั้งนี้ไป๋มู่ชิงไม่สามารถเพิกเฉยได้อีกแล้ว เธอหันหน้าไปด้วยความประหลาดใจ

เธอสูดหายใจเข้าหลายครั้ง เธอจับหน้าที่เปียกชื้นของตัวเอง หน้าที่โดนไป๋ยิ่งอันตบมายังคงรู้สึกเจ็บอยู่ ด้านข้างของหน้าเธอแดงไปหมด เธอรู้สึกไม่ดีที่จะต้องไปเจอหน้าเขา

ตอนที่เจอเธอ เธอรู้สึกลังเลไม่น้อย หนานกงเฉินทนไม่ได้ที่จะพูดกับเธอว่า“รีบขึ้นรถ ที่นี่ไม่มีที่จอดรถ”

ไป๋มู่ชิงทำได้เพียงแต่ต้องเปิดประตูขึ้นไปบนรถ

หนานกงเฉินเห็นว่าบนหน้าเธอมีร้อยนิ้วชัดมากอยู่บนหน้าเธอเลยถามเธอว่า“เธอไปไหนมา”

“ฉัน......”ไป๋มู่ชิงรับเอามือปิดแก้มของเธอ ไม่รู้ว่าในตอนนั้นควรตอบเขาไปว่าอย่างไร

“บอกฉันมา”หนานกงเฉินสั่งให้เธอบอกเขามา

“ฉัน......กลับไปที่บ้านมา”ไป๋มู่งชิงบอกความจริงกับเขาไป ยังไงแล้วก็ได้เจอแม่ลูกคู่นั้น ไม่ต่างอะไรกับกลับบ้านเลยเถอะ?

“ทะเลาะกันอีกแล้วใช่ไหม?”

“ใช่”

“จริงๆเลยนะ!”หนานกงเฉินพูดเยาะเย้ยว่า“ทุกครั้งก็ทำอะไรเขาไม่ได้ แถมยังทะเลาะกันอีก เธอไม่รู้สึกโกรธบ้างเหรอ?”

แน่นอนว่าเธอรู้ว่าตัวเองนั้นไม่มีประโยชน์ ใครให้ไป๋ยิ่งอันเป็นคุณหนูหัวแก้วหัวแหวนของพ่อแม่กันนะ?แต่เธอนั้นไม่เหมาะที่จะได้เป็นเลย!

หนานกงเฉินเห็นน้ำตาของเธอหยดลงมา ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร เธอโกรธจนจะเป็นบ้าแล้ว เขารับมือกับเธอได้อย่างง่ายดาย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเธอร้องไห้หนักขนาดนี้

“นี่ เธอนี่มันยังไงกัน?อยากให้ฉันไปจัดการเธอไหม?”ผู้ชายน่ะจัดการได้ไม่ยากหรอกนะ แต่ผู้หญิงนี่สิ......เขาไม่มีความชำนาญหรอกนะ

“ไม่ใช่ว่าที่นี่ห้ามจอดรถหรอกเหรอ?”ไป๋มู่ชิงพูดออกมาอย่างเคร่งครึม

หนานกงเฉินไม่ได้สตาร์ทรถ แต่หยิบกระดาษทิชชู่ออกมาให้เธอแล้วพูดว่า“ถ้าฉันเป็นเธอนะ ฉันจะไม่กลับไปบ้านหลังนั้นอีก”

ไป๋มู่ชิงพยักหน้า ใช้กระดาษทิชชู่เช็ดจมูกของเธอ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด