เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด นิยาย บท 83

“เพราะว่าฉันไม่อยากดื่มของเย็น กลัวท้องไส้ไม่ดี”ไป๋มู่ชิงรับชานมมา อีกมือจับแขนเขาไว้และกำลังเดินไปที่ประตูตรวจตั๋ว“ไปกันเถอะ”

ตามคาดหนานกงเฉินไม่สนใจหนังประเภทนี่จริงๆ ไป๋มู่ชิงร้องไห้อินกับบทตัวละครของนางเอก เขาเลยได้แต่พูดปลอบใจอยู่ข้างๆ

ในตอนแรกยังบอกเตือนได้ว่านั้นมันเป็นการแสดง ไม่เห็นจำเป็นจะต้องร้องไห้แบบเอาจริงเอาจรังขนาดนั้นก็ได้ ดูมาถึงครึ่งเรื่องแม้แต่กระดาษทิชชู่เขายังขี้เกียจยื่นให้เลย

ไป๋มู่ชิงหันไปมองเขา ปรากฏว่าเขาหลับไปคาเก้าอี้แล้ว หลับไปด้วยสีหน้าที่สงบนิ่งมาก

ขอบคุณจริงๆที่เขาหลับไป!

ไป๋มู่ชิงพูดอะไรไม่ออกได้แต่หยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดน้ำตา เป็นห่วงว่าเขาจะเป็นหวัด เธอเลยถอดเสื้อนอกออกมาห่มให้เขา

ตอนที่หนังใกล้จะจบแล้ว ไป๋มู่ชิงจำเป็นต้องออกไปห้องน้ำเพราะเหตุฉุกเฉิน เพื่อไม่อยากพลาดจุดไคลแม็กซ์ของหนังเรื่องนี้ เธอเลยจะรีบไปเข้าห้องน้ำแล้วรีบกลับมา

ตอนที่เธอออกไปเข้าห้องน้ำนั้น ได้บังเอิญเจอกับหลินอันหนาน

เธอก็หยุดเดิน ตอนแรกคิดว่าจะเดินไปทางข้างเขา แต่หลินอันหนานกลับยื่นมือมาจับเธอ“มู่ชิง เธออย่าพึ่งไปสิ”

“ปล่อยฉันนะ”ไป๋มู่ชิงพูดกับเขาว่าฉันไม่มีอารมณ์มาต่อล้อต่อเถียงด้วยหรอกนะ“ฉันจะเตือนนายไว้นะ ว่าหนานกงเฉินอยู่ข้างหน้า เธอควรระวังตัวไว้นะ”

“ฉันรู้”หลินอันหนานพูดอย่างสุภาพว่า“ฉันมาหาเธอเพราะฉันมีธุระกับเธอ”

“ทำไมคุณมาหาฉันอีกแล้วหล่ะ?”ไป๋มู่ชิงได้ยินเหตุผลนี้ก็ยิ่งโมโห“หรือคุณจะบอกว่านายมาหาฉันโดยเฉพาะอีกแล้วใช่ไหม?คุณชายหลิน ฉันบอกกับคุณตั้งหลายครั้งแล้ว ระหว่างพวกเราสองคนเราไม่ได้คุ้นเคยกันขนาดนั้นและเราเข้ากันไม่ได้ตั้งนานแล้ว”

“ก็ไม่ผิด และฉันยังยังเดินทางมาหาเธอโดยเฉพาะอีกด้วย”หลินอันหนานพูดอย่างไม่รู้สึกอะไรเลยว่า“ช่วงนี้ฉันนัดเธอตั้งหลายครั้งแต่เธอก็ไม่ออกมา ฉันก็เลยได้แต่......มาหาเธอที่นี่”

ที่หลินอันหนานพูดนั้นก็เป็นความจริง ช่วงนี้เขานัดกับไป๋มู่ชิงตั้งหลายครั้งแต่ก็โดนปฏิเสธทุกครั้งเลย เมื่อกี้ตอนที่เดินผ่านใต้ตึกมาก็บังเอิญเห็นรถของหนานกงเฉิน เลยตามขึ้นมาดู”

“นี่คุณไม่กลัวว่านี่จะไปยั่วโมโหหนานกงเฉินเลยเหรอ?”

“วางใจเถอะ ถ้าฉันพูดธุระเสร็จก็จะไปแล้ว”ถึงแม้ว่าจะอึดอัดกับไป๋มู่ชิง แต่เขารู้ว่าหนานกงเฉินจะต้องหลับคาโรงหนัง

ไป๋มู่ชิงจนปัญญา เลยได้แต่รีบให้เธอพูดออกมา“งั้นรีบพูดมาเถอะว่าเธอมีเรื่องอะไร”

หลินอันหนานเห็นเธอไม่มีความรู้สึกว่าอยากจะไปเลย มุมปากเขาเลิกขึ้นหัวเราะและหยอกล้อเธอว่า“ดูแล้วเหมือนเธอจะเข้ากันได้ดีกับหนานกงเฉินนะ ความสัมพันธ์ดีจนมาดูหนังด้วยกันได้แล้วเหรอ ฉันยังสงสัยอีกว่าถ้าเธอรู้นิสัยที่เขาทำกับเธอยังจะมีอารมณ์ดูหนังกับเขาอยู่หรือเปล่านะ”

“หมายความว่ายังไงกันนะ?”ไป๋มู่ชิงขมวดคิ้วสงสัย

หลินอันหนานหยุดพูดไปครู่หนึ่งก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เย้าหยอกว่า“เธอไม่ใช่ว่าอยากรู้มาตลอดไม่ใช่เหรอว่ายายของเธอตายยังไง?ที่จริงแล้วเรื่องนี้เธอควรกลับไปถามหนานกงเฉินเองนะ เพราะว่าเขาน่าจะรู้ดีกว่าใคร”

ในใจของไป๋มู่ชิงรู้สึกแปลกใจ เลยถามไปว่า“เธอพูดอะไรกันน่ะ?”

“ฉันจะบอกให้นะว่ายายที่เธอรักมากนั้น จริงๆแล้วเธอโดนตระกูลหนานกงฆ่า ก็เพื่อเอาที่ตึกนั้นเขาเลยฆ่ายายของเธอ แต่เธอกลับไปแต่งงานกับเขาแบบไม่รู้เรื่องอะไรเลย คอยปรนนิบัติและยิ่งกว่านั้นยังมีอารมณ์มาดูหนังกับเขาอีก”

ไป๋มู่ชิงมองเขาอย่างมึนงง เขาพูดอะไร?ยายถูกหนานกงเฉินฆ่าเหรอ?มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน?!

หนานกงเฉินกับยายของเธอมีความเกี่ยวข้องอะไรกัน?ทำไมถึงต้องฆ่าเธอ?คิดยังแล้วก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี !

“คุณโกหก!”ยากไม่ใช่น้อยเลยกว่าไป๋มู่ชิงจะมีสติกลับมา มองเขาและตะคอกด้วยความโกรธว่า“เธออยากให้ฉันแตกคอกับหนานกงเฉินใช่ไหม?นึกไม่ถึงเลยว่าคุณจะคิดวิธีแบบนี้ออกด้วย?ฉันจะไม่ยอมโดนคุณหลอกหรอก!”

ไป๋มู่ชิงพูดจบเธอก็เดินหันไปเลย

“เธอไม่เชื่อหรือไม่กล้าเชื่อกันแน่?”หลินอันหนานได้พูดออกมาอีกประโยค คำพูดพวกนั้นแทงใจของเธอมาก

ใช่สิ เธอไม่กล้าเชื่อหรือไม่ยอมเชื่อกันแน่นะ?ไม่ยอมเชื่อว่ายายต้องตายเพราะน้ำมือของหนานกงเฉินเหรอ?

ถ้าหากหลินอันหนานพูดนั้นเป็นความจริง งั้นเธอควรจะไปเผชิญหน้ากับหนานกงเฉินอย่างไรกัน?

ไม่ เธอไม่เชื่อความจริงเรื่องนี้หรอก ยังไงก็ไม่เชื่อ!

เธอก็หันไปจ้องเขาด้วยท่าทางที่ไร้อารมณ์พูดว่า“ยังไงฉันก็ไม่เชื่อที่คุณพูดออกมาหรอก”

หลินอันหนานเลยได้แต่กางมือออกแล้วพูดว่า“ความจริงยังไงก็คือความจริง ไม่ว่าเธอจะหนีมันไปแต่ยังไงมันยังเป็นความจริง อยากรู้ความจริงมันคงไม่ง่ายหรอก เธอลองไปหาดูที่รายชื่อของทรัพย์สินของหนานกงเฉินเดี๋ยวเธอก็จะรู้เอง”

ไป๋มู่ชิงไม่พูดอะไรอีกเลย หลินอันหนานเดินไปหยุดอยู่ข้างหน้าเธอ ยิ้มให้พูดว่า“ที่จริงฉันทำแบบนี้ก็ไม่ได้มีความหมายแฝงอะไรหรอกนะ แค่หวังว่าเธอจะได้รู้ว่าหนานกงเฉินจริงๆแล้วเป็นคนแบบไหน หลังจากนี้ถ้าเธอเลิกกับหนานกงเฉินก็จะได้ไม่ต้องเสียใจมากขนากนั้น”

ไป๋มู่ชิงรู้สึกทรมานมากจนต้องถอนหายใจออกมา เพราะรู้สึกว่าหายใจไม่ค่อยสะดวก

ถึงแม้จะเธอจะพูดซ้ำๆว่าไม่เชื่อหลินอันหนาน แต่พอฟังคำพูดพวกนั้นแล้วจะอยู่อย่างนิ่งเฉยได้อย่างไรกัน?ยังไงก็ทำไม่ได้อยู่แล้ว !

“คุณรู้ได้อย่างไรว่ายังไงพวกเราต้องเลิกกัน?”จู่ๆข้างหลังก็มีเสียงที่เย็นชาดังขึ้นมา

ไป๋มู่ชิงรู้สึกกลัว นั่งอยู่ตรงนั้นแบบไม่ขยับเลย

หลินอันหนานไม่คิดว่าหนานกงเฉินจะตื่นขึ้นมา หนังยังไม่จบไม่ใช่เหรอ?เขาหัวเราะออกมาอย่างเก้อเขินว่า“พี่ครับ”

หนานกงเฉินกันริมฝีปากเบาๆ แขนเขามีเสื้อคลุมของไป๋มู่ชิงอยู่ กำลังเดินไปหาไป๋มู่ชิง ไปโอบไหล่เธอไว้และจ้องถามหลินอันหนานว่า“ฉันถามนายนะ นายรู้ได้ไงว่ายังไงพวกเราต้องเลิกกัน?”

หนานกงเฉินยิ้มอย่างอึดอัด“ฉันก็แค่ได้ยินมาว่า......ก็พี่ไม่ได้ชอบพี่สะใภ้ ดังนั้น......”

“ดังนั้นนายเลยรู้สึกว่ายังไงพวกเราก็ต้องเลิกกัน?”

“ขอโทษด้วยครับ......”หลินอันหนานถูมือไปมาด้วยความไม่สบายใจ ยิ้มพูดกับไป๋มู่ชิงว่า“เมื่อกี้บังเอิญเจอพี่สะใภ้ที่นี่ เลยเป็นห่วงเธอเท่านั้นเอง ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อนนะ ไว้เจอกันครับ”

พอพูดเสร็จ เขาก็เดินออกออกไปจากประตูโรงหนัง

หลินอันหนานกลับไปแล้ว ไป๋มู่ชิงกลับยังคงยืนตัวแข็งอยู่เลย

หนานกงเฉินก้มหัวไปดูเธอ พูดอย่างเย็นชาว่า“เธอไม่อยากจะอธิบายอะไรกับฉันหน่อยเหรอ?

“อะไรนะ?”ไป๋มู่ชิงถามไปด้วยความมึนงง

อธิบายอะไร?อธิบายว่าทำไมตัวเองถึงพูดเรื่องยายเหรอ?อธิบายว่ายายตัวเองกับหนานกงเฉินมีความลับอะไรกันอย่างงี้เหรอ?

พระเจ้าช่วย!เขามาตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ?ได้ยินอะไรไปบ้างแล้ว?

หนานกงเฉินมองไปยังทางที่หลินอันหนานเดินออกไป พูดว่า“แน่นอนว่าเธอต้องอธิบายให้ฉันฟังว่าเธอสองคนไม่ได้บังเอิญเจอกันหรอกใช่ไหม?”

ไป๋มู่ชิงเงยหน้าขึ้น ไม่ได้ตอบเขาไปแต่กลับถามเขาว่า“แล้วคุณมาตั้งแตเมื่อไหร่?”

“พึ่งออกมาได้ไม่ถึงสองนาทีเลย”หนานกงเฉินพูด

พอเขาตื่นขึ้นมาเห็นว่าที่นั่งด้านข้างก็ว่างเปล่าแล้ว เลยเดินออกมาตามหา แต่ผลคือมองไปมองมาก็เจอกับเธอสองคนกำลังคุยกันอยู่ ยิ่งกว่านั้นยังคุยเรื่องที่เราจะเลิกกันอีก

งั้นก็ยังดี!ที่เขาฟังไปได้ไม่เท่าไหร่ ไป๋มู่ชิงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจ

“ ฉันกับเขาบังเอิญเจอกันจริงๆ”เธอพูด ในใจของเธอยังคงร้สึกหนักอึ้งเหมือนมีก้อนหินมาทับอยู่

“แค่บังเอิญเจอเธอถึงกับต้องพูดเรื่องเลิกรากันด้วยเหรอ?”หนานกงเฉินเอนตัวลงมาถาม จนตัวเธอไปชิดอยู่กับกำแพง เขามองและหัวเราะเธอ“อยากจะไปจากฉันจนทนไม่ไหวเลยเหรอ?”

“ฉันเปล่านะ”

“งั้นพวกเรา......”

“หนานกงเฉิน”ไป๋มู่ชิงหันหน้าหนีเขาเล็กน้อย เพื่อหลบลมหายใจที่รุนแรงของเขาและพูดว่า“คุณไม่ใช่ไม่รู้ ไม่ใช่เพียงแค่เธอ แต่ใครๆเขาก็รู้ว่าอีกไม่ช้าก็เร็วเดี๋ยวพวกเราก็เลิกกัน ”

“ใช่เหรอ?ทำไมฉันไม่รู้ล่ะ?”

“เพราะยังไงคุณก็ไม่เคยสนใจอยู่แล้วไง”

“ใครพูดว่าฉันไม่ใส่ใจกัน?”หนานกงเฉินเอามือไปจับคางของเธอพูดว่า“ก็คิดว่าฉันไม่ได้ใส่ใจจริงๆและ แต่ตอนนี้ยังไงเธอก็เป็นภรรยาของฉัน ยังไงมันก็ยังขึ้นอยู่กับฉัน ของของฉันยังไงก็ไม่มีวันใช้ร่วมกับคนอื่น เธอเข้าใจไหม?”

“เข้าใจแล้ว”ไป๋มู่ชิงก็น้ำตาคลอ

“ เข้าใจก้ดีแล้ว ครั้งหน้าจำไว้นะว่าให้ห้างจากเขาหน่อย”หลังจากนั้นเขาก็ถอยหลังออกมาหนึ่งก้าว

หนานกงเฉินกำลังจะเดินจากไป แต่ทันใดนั้นไป๋มู่ชิงกลับดึงมือเขาไว้ เธอร้องไห้และจ้องเขา“ฉันถามอะไรคุณหน่อยได้ไหม?”

“ถามมาสิ”หนานกงเฉินใช้คางชี้หน้าของเธอพูดว่า“งั้นก็เช็ดน้ำตาก่อน ฉันเกลียดผู้หญิงที่ชอบร้องไห้”

ไป๋มู่ชิงเช็ดน้ำตาของเธอ และมองไปที่เขาอีกครั้งแต่ในตอนนั้นกลับถามอะไรไม่ออกเลย

เธอจะถามเขายังไง?เลยถามว่าเขาใช่คนที่ฆ่ายายของเธอหรือเปล่า? และยังถามเขาว่าเขาใช่คนที่ซื้อที่นั้นเหรอ?ไม่ว่าถามยังไงสุดท้ายยังไงก็คงจะต้องเปิดเผยความลับที่ตัวเองไม่ใช่ไป๋มู่ชิง!

“ทำไมไม่ถามแล้วล่ะ?”หนานกงเฉินเห็นเธอทำหน้ายุ่ง เลยเลิกคิ้วใส่เธอ

“ไม่มีอะไรแล้ว”ไป๋มู่ชิงสะบัดหัวเบาๆ“ป่ะ กลับกับเถอะ”

ทั้งสองคนกลับลงไปด้วยกัน ตอนที่กำลังออกไปที่ประตูใหญ่นั้น หนานกงเฉินพยุงแขนเธอถือเสื้อของเธอไว้

ถึงแม้ว่านี่จะเป็นการกระทำเล็กๆน้อยๆ แต่กลับทำให้ในใจของเธอยิ่งทรมาน ถ้าหากว่าเป็นตอนก่อนหน้าที่จะเจอหลินอันหนานคงจะทำให้เธอรู้สึกดีกว่านี้ แต่ว่าในตอนนี้ในใจของเธอกลับยิ่งรู้สึกเศร้า

ถ้าหานกงเฉินเป็นคนฆ่ายายของเธอจริงๆ ไม่ว่าเขาจะทำอะไรเธอคงไม่รู้สึกดีอะไรแล้ว!

เพราะว่า......ยายคือคนที่เธอรักมากที่สุดมาตั้งแต่เด็ก

ตั้งแต่ขึ้นรถมา ไป๋มู่ชิงก็เก็บอาการมาโดยตลอด เธอนั่งมองแต่วิวข้างนอกหน้าต่างรถ

ขับรถมาได้ครึ่งทางแล้ว เธอก็ยังคงไม่ขยับตัวแต่อย่างไร

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด