ซูวยาหยงรับรู้ได้ถึงสายตาที่จับจ้องมาของคุณผู้หญิง ทำให้รู้สึกกลัวอยู่ในใจ
เธอกระวนกระวายจนพูดออกมาว่า“เอ่อ......จริงๆแล้วยิงอันแค่รู้สึกไม่ดีที่ต้องพูดกับผู้ใหญ่ ดังนั้นเลยให้ฉันมาคุยกับท่านด้วยตัวเอง”
พอพูดจบ เธอดึงมือของไป่มู่ชิง“ใช่ไหม ยิ่งอัน”
ไป๋มู่ชิงงงไปเลย ตอนที่มองไปที่ทั้งสองคนเธอพยักหน้าไปแบบทื่อๆว่า“ใช่คะ คุณย่า”
ซูวยาหยงค่อยๆโล่งใจขึ้นมา
คุณผู้หญิงคิดแล้วคิดอีกยังไงก็รู้สึกว่าถ้าให้ไป๋มู่ชิงไปก็ไม่สบายใจแน่ๆ เพราะเด็กในท้องนั้นสำคัญกับตระกูลมาก เธออยากจะดูแลไป๋มู่ชิงจนถึงเธอคลอด
พี่เหอมองสองแม่ลูกแล้วหันไปกระซิบที่ข้างหูคุณผู้หญิงว่า“คุณผู้หญิง เด็กในท้องของคุณนายหญิงน้อยเริ่มจะโตแล้ว อีกไม่นานยังไงคุณชายใหญ่ต้องรู้ ให้เธอกับอยู่บ้านสักช่วงหนึ่งไปก่อนไม่ดีกว่าเหรอ”
ยังไงนี่ก็เป็นวิธีเดียว ถ้าให้ไป๋มู่ชิงกลับบ้านไปก่อน ยังไงมากที่สุดก็ประมาณครึ่งเดือนก่อนที่ท้องเธอจะใหญ่ขึ้นมา ยังไงคุณผู้หญิงก้จะส่งเธอไปอยู่ต่างประเทศอยู่แล้ว
ถ้าหากว่าให้เธอรู้สึกหมองเศร้ากับการตั้งท้องนี้ สู้ให้เธอกลับไปอยู่บ้านแบบสบายใจไม่ดีกว่าเหรอ ยังไงก็ดีกับเด็กในท้องด้วย
“ถ้ายิ่งอันอยากจะกลับไป งั้นให้เธอกลับบ้านไปอยู่สักพักละกัน”ในที่สุดคุณผู้หญิงก็พูดออกมาแบบนี้
ซูวยาหยงหัวเราะออกมาอย่างโล่งใจ “ขอบคุณคุณผู้หญิงมากค่ะ งั้นฉันจะพาเธอกลับไป”พอพูดจบ เธอไม่รอช้าที่พูดกับไป๋มู่อันว่า“ยิ่งอัน ไปเก็บของได้แล้ว”
“จะไปตอนนี้แล้วเหรอ?”ไป๋มู่ชิงพูดออกมาทันที
นี่ไม่รีบไปหน่อยเหรอ?เพราะเธอยังไม่ได้คุยเรื่องนี้กับหนานกงเฉินเลย
“ใช่แล้ว พอพ่อเธอได้ยินว่าเธอออาจจะกลับไปก็ดีใจมากเลย นี่พ่อรอเธออยู่ที่บ้านจนไม่ไปที่บริษัทเลยนะ”ตอนที่ซูวยาหยงพูดประโยคนี้ เธอก็แอบๆไปจับแขนของไป๋มู่ชิง
ไป๋มู่ชิงก็ไม่กล้าพูดอะไร ได้แต่พูดกกับคุณผู้หญิงว่า“คุณย่าคะ งั้นหนูไปเก็บของข้างบนก่อนนะคะ”
คุณผู้หญิงพยักหน้าเบาๆและไม่ลืมที่จะเตือนว่า“กลับบ้านไปแล้วยังไงต้องดูแลตัวเองดีๆนะ อย่าให้ลมหรือไปชนเข้ากับอะไรล่ะ เข้าใจไหม?”
“เข้าใจแล้วค่ะคุณย่า”ไป่มู่ชิงรู้สึกร้อนที่ตา นี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกผิดกับคุณย่า
พอเข้าไปในห้อง ซูวยาหยงเปลี่ยนสีหน้าทันที พูดเหน็บแนมว่า“ทำไมกัน?อยู่ที่นี่อย่างกินดีมีสุขจนไม่อยากกลับไปเลยเหรอ?”
ไป๋มู่ชิงไม่ได้สนใจที่เธอพูด เอาแต่เก็บข้าวของของเธอไปเงียบๆ
“ใช่สิ กลัวความจนมาตั้งแต่เด็ก คงไม่ง่ายเลยสินะที่จะยอมไปจากที่นี่”ซูวยาหยงเดินไปนั่งที่โซฟา กอดอกพูดกับเธอว่า“เธอน่ะควรขอบคุณพี่สาวเธอนะทีให้เธอได้มาใช้ชีวิตอยู่อย่างสุขสบายแบบนี้ ไม่อย่างนั้นชีวิตนี้เธอคงไม่ได้มาอยู่เป็นนายหญิงน้อยแบบนี้หรอก”
ไป่มู่ชิงได้แต่อดทนเอาไว้ หันไปจ้องเธอและพูดด้วยท่าทางไร้อารมณ์ว่า“แม่รองแน่ใจได้อย่างไรว่าตรงประตูไม่มีคนของตระกูลหนานกงแอบฟังอยู่?”
พอเธอพูดแบบนี้แล้วซูวยาหยงหยุดพูดทันที ลุกขึ้นไปดูที่หน้าประตูแต่เห็นว่าไม่มีใครอยู่เลยตบอกอย่างโล่งใจ
ถึงแม้ว่าที่หน้าประตูจะไม่มีใครมาแอบฟัง แต่เธอก็ระมัดระวังอย่างดีเพราะไม่งั้นความพยายามที่เธอทำมาก็จะสูญเปล่า
ตอนที่ไป่มู่ชิงมาแรกนั้นแทบจะไม่มีใครเอาอะไรมาให้เธอเลย หลังจากนั้นไม่ว่าจะเป็นพวกเสื้อผ้า ของใช้ประจำวันหนานกงเฉินล้วนเป็นคนเตรียมให้เธอ
ในวันนี้ที่จะต้องไปแล้วก็ไม่มีของอะไรมากที่จะต้องเอาไป
เสื้อผ้าที่หนานกงเฉินซื้อให้เธอก็เอาแขวนไว้ในตู้เสื้อผ้า ไม่คิดจะเอาไปแม้แต่ตัวเดียว เครื่องประดับที่ไปเลือกซื้อกับเขาเธอก็เก็บไว้ในลิ้นชักที่เดิม
จากวันนี้ไปที่นี่คงต้องเป็นของไป๋ยิ่งอันหมดแล้ว ไม่อยากจากไป ต้องคิดถึงที่นี่แน่ๆ แต่ยังไงก็ต้องไปเผชิญหน้ากับความเป็นจริง
หวังว่าหลังจากนี้ เธอจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่อย่างสงบสุข ไม่มีหลินอันหนาน ไม่มีหนานกงเฉินและไม่มีตระกูลไป่อีก
ซูวยาหยงพูดด้วยน้ำเสียงที่หมดความอดทนว่า“ไปกันได้แล้ว อย่ามัวแต่มาอาลัยอาวรณ์แล้ว ยังไงที่นี่ก็ไม่ใช่ที่ของเธออีกต่อไปแล้ว”
ไป๋มู่ชิงเลิกคิดเดินไปหยิบกระเป๋าของเธอขึ้นมาจากโซฟาและลงไปข้างล่างกับซูวยาหยง
ตอนที่เดินมาถึงตรงบันไดซูวยาหยงหยิบกระเป๋าจากมือเธอมา อีกมือพยุงแขนเธอเดินลงมา ทำตัวเหมือนแม่ลูกที่รักกัน
“คุณผู้หญิง งั้นพวกเราไปก่อนนะคะ”ซูวยาหยงเคารพคุณผู้หญิงอย่างนอบน้อม
คุณผู้หญิงเห็นสีหน้าของไป๋มู่ชิงก็พูดกับเธออย่างอบอุ่นว่า“งั้นกลับกันดีๆนะ”
ไป๋มู่ชิงก็พยักหน้าเบาๆให้กับคุณผู้หยิงและได้ไปจากห้องรับแขกของตระกูลหนานกง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด
เขียนดี แต่แปลได้สับสน วางบทตอนกระโดดไปกระโดดมา...