เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด นิยาย บท 86

ตอนที่ซูวยาหยงเห็นไป๋มู่ชิงเดินชนกับหนานกงเฉินนั้นก็ตะลึงไปเลย

ทำไมหนานกงเฉินถึงมาอยู่ที่นี่ได้?ทำไมถึงบังเอิญขนาดนี้กันนะ?

ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นคนปลิ้นปล้อน มีเจตนาที่ไม่ดีแบบนี้ก็ไม่รู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ดี เธอกังวลว่าถ้าเกิดไป๋มู่ชิงทำเรื่องที่ตัวเองวาแผนมานั้นเสียหมดล่ะ

หนานกงเฉินเห็นไป๋มู่ชิงเอาแต่ร้องไห้ไม่พูดอะไร เลยใช้มือจับคางเธอและถามไปว่า“ฉันกำลังถามเธออยู่นะ?”

ไป๋มู่ชิงค่อยๆได้สติขึ้นมา จ้องเขาทั้งน้ำตาพูดว่า“ฉัน......”

“ยิ่งอัน”ซูวยาหยงเดินเข้าไปทันที ไปยืนอยู่ที่หน้าของทั้งสองอย่างเลี่ยงไม่ได้ จับมือไป๋ยิ่งอันแล้วพูดว่า“เด็กคนนี่ ร้องไห้ทำไมกันล่ะ?เรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้หญิงเรามักจะต้องเจอ

“แม่”หลังจากที่หนานกงเฉินทักทายกับซูวยาหยง ก็รีบเข้าไปโอบไป๋มู่ชิง“เป็นอะไร?เสียใจอะไรขนาดนี้กัน?”

หัวใขของเธอเต้นอย่างรวดเร็ว อีกนิดเดียวก็เกือบจะบอกเขาไปแล้วว่าเธอท้องและแม่รองบังคับให้เธอเอาเด็กออก แต่ว่าพูดออกไปแล้วมันจะมีประโยชน์เหรอ?เดิมทีหนานกงเฉินก็ไม่ได้อยากมีลูกอยู่แล้ว เขาจะไล่ให้เธอไปผ่าตัดเอาเด็กออกเหมือนกับแม่รองไหม?

เธอทำแบบนั้นไม่ได้ ถึงเวลานั้นเธอจะไม่สามารถปกป้องลูกได้ เพราะแม้แต่ตัวเองก็อาจจะถูกฆ่าเพราะโกหกเรื่องที่แต่งงานเข้าไปในตระกูลหนานกง

ในใจที่รู้สึกผิดของเธอก็เต็มไปด้วยความกดดัน เธออยากจะพูดออกไปแต่ทันใดนั้นซูวยาหยงแย่งเธอพูดว่า“ลูกรักถ้าเธอไม่กล้าพูด งั้นให้คุณชายเฉินพูดละกันนะ”

พอซูวยาหยงพูดจบก็หันไปหัวเราะเจื่อนๆว่า“เรื่องเป็นอย่างงี้ ฉันเห็นว่าไป๋ยิ่งอันไม่สามารถตั้งครรภ์ได้เลยพาเธอมาโรงพยาบาล คุณหมอพูดว่าเยื่อบุโพรงมดลูกของเธอบางเกินไป ชีวิตนี้ยังไงก้คงตั้งครรภ์ไม่ได้ เธอเลยร้องไห้ ดังนั้น......”

เธอยิ้มนิ่งๆและพูดว่า“และคุณหมอยังพูดอีกว่า ถ้าดูแลตัวเองดีๆยังไงก็จะมีโอกาสตั้งครรภ์ได้ในไม่ช้าก็เร็ว”

หนานกงเฉินก้มลงไปมองไป๋มู่ชิงที่กำลังร้องไห้อยู่ พูดด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างโกรธว่า“ในใจเธอน่าจะรู้ดีนะว่าทำไมถึงตั้งครรภ์ได้ยาก?ทำไมถึงยังจะต้องมาตรวจอีก?”

“ขอโทษด้วยนะ ฉันบังคับให้เธอมาเองเพราะว่า......เห็นพวกเธอสองคนแต่งงานกันมานานขนาดนี้แล้วแต่ยังไม่ตั้งครรภ์เลยเลยคิดว่ายังไงร่างกายก็ต้องมีปัญหาแน่ๆ”ซูวยาหยงพูด

หนานกงเฉินพยักหน้า ยิ้มไปด้วยกับพูดว่า“ฉันไม่สนใจหรอกว่าเธอจะตั้งครรภ์ไหม ดังนั้นตรวจก็ตรวจไปเถอะ ไป กลับบ้านกลับฉันเดี๋ยวนี้”

พอพูดจบ เขาก็พยุงไป๋มู่ชิงเดินไปทางทางหนีไฟ

เขาไม่สนใจว่าเธอจะตั้งครรภ์ได้ไหม บางทีในใจของเขาถ้าเธอตั้งครรภ์ไม่ได้อาจจะดีที่สุดก็ได้ ไป๋มู่ชิงเช็ดน้ำตาบนหน้าของเธอ ไม่พูดอะไรสักประโยคเลยก็เดิมตามหนานกงเฉินไปที่ลิฟต์

ซูวยาหยงเห็นว่ายังไงเธอจะต้องกลับไปกับหนานกงเฉิน พูดอย่างกระวนกระวายว่า“ยิ่งอัน”หลังจากนั้นก็เดินตามพวกเขา ไปจับมือเธอด้วยหน้าที่ยิ้มแย้ม“กลับไปกับแม่ดีกว่านะ คุณชายเฉินยังต้องไปทำงานอีก”

ไป๋มู่ชิงมองเธอและจ้องไปที่หนานกงเฉินอย่างมีความหวัง ในใจลึกๆเธอหวังว่าหนานกงเฉินจะพาเธอออกไปจากโรงพยาบาล

หนานกงเฉินไม่ทำให้เธอผิดหวัง มองไปที่ซูวยาหยงแล้วพูดว่า“ให้เธอกลับด้วยกันดีกว่า ไม่มีเธอผมไม่ชินเลย”

“เอ่อ......”ซูวยาหยงพูดอะไรไม่ออก

“แม่ มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”

“คืออย่างงี้ ยิ่งอันตกลงกับพ่อเอาไว้แล้วว่าจะไปเที่ยวด้วยกันพรุ่งนี้ ตั๋วอะไรก็ซื้อไว้หมดแล้ว”

“อย่างนี้เองเหรอ?เครื่องออกกี่โมง?เดี๋ยวผมไปส่งเธอที่สนามบินเอง”หนานกงเฉินพูด แต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรเขาไม่อยากให้ไป๋มู่ชิงกลับไปกับซูวยาหยง น่าจะเป็นเพราะว่าสะเทือนใจที่เห็นน้ำตาบนหน้าของเธอ

หนานกงเฉินพูดไปแบบนั้นแล้วซูวยาหยงไม่รู้จะพูดอ้างอะไรอีก เธอหันไปจ้องที่ไป๋มู่ชิง“ยิ่งอัน ลูกคิดว่าอย่างไร?”

ไป๋มู่ชิงประชันหน้ากับเธอ รู้สึกได้ว่าน้ำเสียงของเขาบอกเตือนเป็นนัย เธอพูดออกไปอย่างลังเลว่า“งั้นให้คุณชายเฉินไปส่งที่สนามบินก็ได้ค่ะ”

สรุปได้ว่าเธอกลับไปไม่ได้เพราะยังไงก็จะไม่เอาเด็กคนนี้ออก

ซูวยาหยงได้ยินเธอพูดแบบนี้ ถึงแม้ว่าจะโมโหมากแต่ว่าเนื่องจากว่าหนานกงเฉินอยู่ตรงนั้นเลยได้แต่ยิ้มและพูดว่า“ในเมื่อเธอพูดแบบนี้แล้ว งั้นพวกเราเจอกันที่สนามบินพรุ่งนี้นะ ยังไงก็อย่ามาสายล่ะ ไม่อย่างงั้น......พ่อจะโกรธเอานะ”

ยังคนเป็นสัญญาณเตือนอยู่จางๆขอเพียงแค่ไป๋มู่ชิงเท่านั้นที่เข้าใจ

“รู้แล้วค่ะ”ไป๋มู่ชิงพูดจบก็กลับไปกับหนานกงเฉิน

กลับไปถึงที่รถ ไป๋มู่ชิงพิงอยู่ที่เบาะอย่างเงียบๆทั้งหมดนี้ราวกับฝันไป

เธอรู้สึกว่าตัวเองเหมือนกลับมาจากความเป็นความตาย ยิ่งกว่านั้นเธอซาบซึ้งใจมากที่หนานกงเฉินรับเธอกลับมา

หนานกงเฉินไม่ได้รีบขับรถอะไร สังเกตเธอและพูดมาหนึ่งประโยคว่า“กลัวตั้งครรภ์ไม่ได้ขนาดนั้นเลยเหรอ?”

ไป๋มู่ชิงที่เต็มไปด้วยน้ำตาพูดออกมาด้วยความทรมาน

หนานกงเฉินหยิบกระดาษทิชชู่ให้เธอ“พอแล้ว เช็ดน้ำตาได้แล้ว ฉันพูดแล้วว่าไม่เป็นไรและก็ไม่ได้คิดว่าอยากจะมีลูกสักหน่อย”

ไป๋มู่ชิงหยิบกะดาษทิชชู่มาซับน้ำตาแต่กลับยิ่งร้องไห้ออกมา แน่นอนว่าเธอรู้ว่าเขาไม่ได้วางแผนที่จะมีลูก ดังนั้นเลยไม่ได้บอกความจริงให้เขารู้!

เห็นว่าเธอไม่พูดอะไรออกมาเลยตั้งแต่แรกจนจบ หนานกงเฉินไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกเลย ก็ค่อยๆขับรถกลับตระกูลหนานกง

ถึงบ้านตระกูลหนานกง คุณผู้หญิงสังเกตเห็นไป๋มู่ชิงเลยถามเธอไปด้วยใบหน้าที่งงงวยว่า“ไม่ใช่ว่าจะกลับไปอยู่บ้านสักช่วงหนึ่งเหรอ?”

ไป๋มู่ชิงมองไปที่หนานกงเฉิน หนานกงเฉินเลยพูดทันทีว่า“ผมไปรับเธอกลับมาเอง”

“ทำไมกันล่ะ?”

“จะเป็นเพราะอะไรได้ล่ะ?ไม่ใช่ว่าคุณย่าให้พวกเราอยู่ด้วยกันหรอกเหรอ?”

“แต่ว่า......”

“คุณย่า ท่านอย่าแต่เลย พวกเราของกลับห้องก่อนนะ”หนานกงเฉินพาไป๋มู่ชิงขึ้นไปข้างบน

ได้แต่มองพวกเขาเดินจากไป คุณผู้หญิงถามด้วยความประหลาดใจว่า“ความสัมพันธ์ของพวกเธอสองคนเปลี่ยนเป็นดีขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?ห่างกันแค่วันเดียวก้ไม่ได้แล้ว?”

พี่เหอถามอยู่ข้างๆด้วยความกังวลว่า“นั้นสิ งั้นถ้าหลังจากนี้จะทำอย่างไรล่ะ”

“เพื่อทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองคนดีขึ้น ฉันทำอะไรผิดขั้นตอนไปหรือเปล่า?”คุณผู้หญิงพูดพึมพำ ระหว่างพวกเขาก็แค่อยากทำให้ไป๋มู่ชิงมีความสุขเท่านั้นเอง เป็นผลดีกับลูกในท้อง ไม่ได้คาดหวังว่าหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร

กลับถึงห้อง ไป๋มู่ชิงเดินไปนั่งพิงที่หัวเตียงและดึงผ้าห่มมาห่ม

หนานกงเฉินเห็นสีหน้าที่ไม่ดีของเธอเลยถามเธอว่า“เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”

“ฉันไม่เป็นไร”ไป๋มู่ชิงสะบัดหัว ทันทีหลังจากนั้นเธอเงยหน้าและจ้องเขาพูดว่า“คุณไปทำงานเถอะ ไม่ต้องกังวลกับฉันหรอก”

“ฉันก็ไม่ได้อยากกังวลหรอก แต่ว่าเห็นเธอเป็นแบบนี้แล้วฉันไม่สบายใจจริงๆ รู้ไหม?”

“ฉันขอโทษ”

“ช่างมันเถอะ เธอพักผ่อนเลย เดี๋ยวฉันกลับไปที่บริษัทก่อน”

“โอเค วันนี้......ขอบคุณมากเลยนะ”ไป๋มู่ชิงพูดอย่างซาบซึ้ง ถ้าเกิดว่าไม่บังเอิญมาเจอเธอก็คาดว่าเธอคงช่วยลูกเอาไว้ไม่ได้

หลังจากหนานกงเฉินไปแล้วไป๋มู่ชิงก็ปิดเสียงโทรศัพท์ไว้และนอนอยู่บนเตียงด้วยความรู้สึกกังวล เธอหลับตาลงพายามจะทำให้ตัวเองสงบลง คิดว่าหลังจากนั้นจะทำอย่างไรดี

ไป๋มู่ชิงนอนอยู่บนเตียงไปหนึ่งวัน ในที่สุดเธอก็หยิบโทรศัพท์ที่ปิดเสียงไว้ขึ้นมา

บนหน้าจอโทรศัพท์เต็มไปด้วยเจ็ดสิบกว่าสายที่ซูวยาหยงและไป๋ยิ่งอันสองแม่ลูกโทรมา ดูแล้วพวกเขาสองคนต้องกังวลจนใกล้จะเป็นบ้าแล้วแน่ๆ

หลังจากนั้นมีวีดีโอส่งมาในวีแชท ตอนที่เธอเห็นวีดีโอนั้นหน้าก็ซีดไปเลย เสี่ยวหยี่ที่ผอมจนเหลือแต่กระดูกและยังร้องไห้ด้วยความทุกข์ทรมาน ในที่สุดต่อมน้ำตาก็แตก

ด้านล่างยังมีข้อความเสียงของไป๋ยิ่งอันอยู่หนึ่งข้อความ เธอหัวเราะออกมาด้วยความมั่นใจเช่นเคยว่า“คุณหนูไป๋ คุณต้องไปตามหาพวกเขาให้ทั่วนะ ฉันมีข่าวร้ายจะบอกกับคุณด้วย วันนี้พวกเขาย้ายที่อีกแล้วเกรงว่าคุณจะหาตัวพวกเขาได้อยากขึ้นไปอีก”

ไป๋มู่ชิงโยนโทรศัพท์ไปบนเตียวด้วยความโมโห หลังจากนั้นก็นอนร้องไห้อยู่บนเตียงด้วยความโศกเศร้าเสียใจ

เธอไม่เคยหาพวกเขาเจอเลย เลยวานให้คุณหนูหยวนกุยและเพื่อนฉันชื่อซูซี่ที่ไปเรียนอยู่ที่ยุโรปและอเมริกาช่วยหา แต่น่าเสียดายที่หาไม่เจอ

ดูแล้วสองแม่ลูกตระกูลไป๋คิดไว้อย่างรอบคอบกว่าเธออีก

เธอนอนร้องไห้อยู่ที่เตียงพักใหญ่ ไป๋มู่ชิงถึงจะค่อยๆลุกขึ้นมาจากเตียง เช็ดคราบน้ำตาบนหน้าเพราะร้องไห้อย่างเสียใจหน้าอกเธอก็ค่อยๆแผ่วลง

หลังจากนั้นเธอคลานไปเอาโทรศัพท์ที่อยู่ตรงกลางเตียงโทรกลับไปหาไป๋ยิ่งอัน

พึ่งจะโทรติดได้ไม่นาน ในนั้นไป๋ยิ่งอันก็หัวเราะเยาะเย้ยว่า“ว่าอย่างไรน้องสาว?ในที่สุดก็รับโทรศัพท์สักทีนะ?”

ไป๋มู่ชิงถอนหายใจออกมาเบาๆ พูดอย่างไม่สนใจว่า“ไปเจอกันที่ร้านกาแฟที่เจอกันคราวที่แล้ว”

“ทำไมต้องไปที่ร้านกาแฟด้วยล่ะ?เธอมาที่บ้านตระกูลไป๋ก็ได้นะ”

“คุณหนูคนโตเลือกที่จะไม่มาก็ได้นะ”ไป๋มู่ชิงพูดจบก็วางสายไปเลย

หลังจากที่วางสายไปแล้ว เธอเดินไปเก็บกวาดของที่ห้องน้ำให้สะอาด หลังจากเปลี่ยนชุดก็ลงไปด้านล่าง

ที่ด้านล่าง คุณผู้หญิงเห็นว่าเธอกำลังลงมาเลยถามเธอว่า“ยิ่งอัน นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?เมื่อวานเธอบอกว่าจะกลับไปอยู่บ้านไม่ใช่เหรอ”

“คุณชายใหญ่พูดว่าไม่ชิน ดังนั้นก็เลย......”เธอก็พยายามสงบสติอารมณ์ ยิ้มพูดว่า“คุณย่าวางใจเถอะค่ะ ยังไงหนูก็จะดุแลเด็กคนนี้ให้ดี ทำให้เขาออกมาลืมตาดูโลกอย่างแข็งแรง”

พอได้ยินเธอพูดแบบนี้ เดิมทีที่คุณผู้หญิงทำหน้าตาเคร่งขรึม กลับยิ้มออกมาว่า“งั้นก็ดีแล้ว”

หลังจากที่ไป๋มู่ชิงพูดกับคุณผู้หญิงแล้วนั้นเธอก็ออกไปจากบ้านตระกูลหนานกง

ขณะที่เธอกำลังไปห้องรับรองของร้านกาแฟ ซูวยาหยงกับไป๋ยิ่งอันก็รอเธออยู่ที่นั้นแล้ว พอเห็นว่าเธอมาคนเดียว สองแม่ลูกนั้นก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจ

ไป๋ยิ่งอันมองไปที่เธอและหัวเราะเยาะว่า“ฉันคิดว่าเธอจะเอาแต่หลบอยู่ข้างหลังหนานกงเฉินจนไม่กล้าออกมาแล้ว ดูแล้วยังมีความกล้าอยู่หนิ”

เสียงเธอพึ่งเงียบไป ซูวยาหยงพูดต่อว่า“ฉันจะนัดเวลากับหมอให้อีกที ถ้าครั้งนี้กล้าบอกหนานกงเฉินฉันไม่ปล่อยเธอไว้แน่”

ไป๋มู่ชิงหายใจเข้าลึกๆและจ้องไปที่สองแม่ลูก

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด