เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด นิยาย บท 93

"หนานกงเฉิน……คุณอย่าทำแบบนี้นะ……"เธอจ้องมองเขาด้วยความกังวลใจพร้อมเอ่ยเสียงสั่น "นายเอากลับไปแขวนไว้ที่เดิม ฟังฉันอธิบายนะ……"

"ได้ คุณพูดมาสิ"หนานกงเฉินเอาถุงยากลับไปแขวนไว้ที่เดิม "ผมอยากรู้ว่าคุณท้องได้ยังไง แต่ผมขอเตือนคุณก่อนนะ ไม่ว่าคุณจะท้องได้ยังไงเด็กคนนี้เก็บไว้ไม่ได้!"

ใจของไป๋มู่ชิงตกวูบ นี่เป็นผลลัพธ์ที่เธอกลัวที่สุด!

"คุณชายคะ ฉันขอร้องล่ะอย่าทำแบบนี้เลย……"

"อย่าทำแบบนี้?" หนานกงเฉินก้มลงมาใช้มือจับคางเธอไว้ "ผมเคยเตือนคุณแล้วว่าชาตินี้คุณอย่าคิดที่จะมีลูก แต่เธอกลับทำสวนทางคำพูดผม มันผิดที่ผมเหรอ?"

เขาหยุดไปครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ "เธอคิดว่าคลอดลูกออกมาแล้วก็จะรักษาฐานะในตระกูลหนานกงไว้ได้เหรอ? ผมบอกคุณตรงๆเลยว่าไม่มีทาง!"

"ไม่ใช่นะ"

"ไม่ใช่? แล้วมันเป็นยังไง? หรือว่าเด็กในท้องไม่ใช่ลูกผม? เลยไม่กล้าพูดออกมาสักที?"

"เปล่า นี่เป็นลูกคุณ แต่ฉันไม่เคยคิดอย่างนั้นเลย" ไป๋มู่ชิงเอ่ยพร้อมน้ำตา "ฉันก็ไม่อยากมีหรอก คุณย่าอยากได้เหลน แกเลยลงมือกับยาไป ฉันรู้ว่าคุณไม่อยากมีลูก ฉันเลยไม่บอกคุณตอนที่รู้ตัวว่าตัวเองท้อง ฉันก็เคยคิดที่จะทำแท้งแถมยังจองคิวแล้วด้วย แต่ไม่คิดว่าครั้งนั้นจะเจอคุณหน้าลิฟต์……"

เจอกันครั้งก่อนที่โรงพยาบาลหงเอินหนานกงเฉินจำได้ ตอนนั้นเธอโกหกเขาไปว่าไปตรวจร่างกาย

เขาคาดไม่ถึงเลยว่าคุณย่าจะเลือกลงมือกับยา ทำไมเขาถึงคิดไม่ถึงกัน? คุณย่าอยากได้เหลนขนาดนั้นเลยเหรอ!

"แล้วหลังจากนั้นล่ะ มีโอกาสเยอะแยะทำไมเธอไม่ไปทำ?" เขาเอ่ยอย่างเสียดสี "ถ้าเธอทำตามที่ผมบอก ก็ไม่มีเด็กคนนี้ตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ?"

"หลังจากนั้น……" ไป๋มู่ชิงหลับตาลงแล้วน้ำตาก็ไหล่ออกมาตามหางตาเธอ "หลังจากนั้นก็เป็นครั้งที่ฉันมากับแม่ พอเข้าไปในห้องผ่าตัดแล้ว แต่ฉันก็ทำใจไม่ได้ที่จะฆ่าลูกตัวเอง คุณชาย คุณไม่เคยท้อง คุณไม่เข้าใจความรู้สึกระหว่างฉันกับลูกหรอก……"

"ความรู้สึกบ้าบออะไร" หนานกงเฉินยิ้มอย่างเยือกเย็น "นั่นก็เป็นลูกของผมเหมือนกัน ผมยังทำใจได้ ต้องกำจัดมันก่อนจะลืมตาดูโลก เพราะฉะนั้น……"

มองไปที่ใบหน้าเลือดเย็นนั้น ไป๋มู่ชิงทำใจแล้ว เธอรู้ดีไม่ว่าจะพูดกับเขายังไงก็ไม่ได้ผล ก็อย่างที่เขาพูดไม่ว่าจะคนนอกหรือลูกตัวเองเขาก็พร้อมจะตัดใจทำลายได้ เขามันสัตว์เลือดเย็นชัดๆ!

"ถ้ากล้าทำก็ลองดู" เสียงอันเยือกเย็นดังขึ้นจากประตู แล้วคุณหญิงก็เดินเข้ามาพร้อมกับพี่เหอ

พอได้ยินเสียงของคุณหญิง คิ้วของหนานกงเฉินก็ขมวดเป็นปม สีหน้าดูไม่สบอารมณ์เลย

แต่กลับกัน พอเห็นคุณหญิงเดินเข้ามาไป๋มู่ชิงค่อยเห็นความหวังอันน้อยนิด ถึงแม้ทุกคนจะไม่อยากให้ลูกของเธอลืมตาดูโลก คงมีแต่คุณหญิงนี่แหละที่ต่างจากคนอื่น สถานการณ์นี้นอกจากคุณหญิงก็คงไม่มีใครช่วยลูกของเธอได้อีก

"คุณย่าครับ……" หนานกงเฉินหันกลับไปด้วยสีหน้าโมโห "ที่คุณย่าจัดการเรื่องแต่งงานให้ผมรับได้ เพราะมันไม่มีผลกระทบอะไรกับตระกูลหนานกง แต่เรื่องมีลูกคุณย่ายังปิดบังผม คุณย่าทำเกินไปไหมครับ? ในสายตาคุณย่า ผมยังไม่บรรลุนิติภาวะเหรอครับ? ผมยังเป็นผู้ชายอยู่หรือเปล่า!?"

"แกรู้สึกว่าตัวเองยังเป็นผู้ชายอยู่หรือเปล่า?" คุณหญิงไม่เกรงถึงความโมโหของเขาพร้อมเชิดหน้ามองเขา "ถ้าแกยังเป็นผู้ชายอยู่ เป็นผู้ชายที่บรรลุนิติภาวะแล้วก็ควรรับผิดชอบ ทั้งบริษัทหนานกงทั้งบ้านนี้ด้วย ในชีวิตคนเราความอกตัญญูที่เลวร้ายที่สุดก็คือการไม่มีลูกหลาน แกยังเหลือความเป็นคนอยู่หรือเปล่าจะเอาอะไรมาดูแลตระกูล? ต้องพึ่งญาติพี่น้องต่างตระกูลงั้นเหรอ?"

"แกบอกฉันมาสิว่าแกจะให้ใครมารับช่วงตระกูลต่อ? พูดมา!" คุณหญิงพูดด้วยน้ำเสียงโมโหจนกระทบไม้เท้าไปด้วย

ปัญหานี้เขาทั้งสองไม่ใช่ทะเลาะกันเป็นครั้งแรก เมื่อทะเลาะทุกครั้งก็ไม่ได้คำตอบสักที เพราะความคิดของหนานกงเฉินไม่เคยเปลี่ยน!

"ถ้าลูกที่คลอดออกมามีร่างกายแบบผมล่ะ? จะอยู่รอดได้สักกี่วันยังไม่รู้เลยยิ่งไม่ต้องพูดถึงการสืบทอดตระกูล" หนานกงเฉินพูด

"แกรู้ได้ยังไงว่าลูกในท้องไป๋ยิ่งอันร่างกายจะไม่แข็งแรง? ไม่ลองจะรู้ได้ยังไงว่าเด็กจะรอดหรือไม่รอด?"

"ชีวิตคนทั้งคน จะเอามาลองดูได้ยังไง?" หนานกงเฉินเอ่ยอย่างโมโห"คุณย่า นี่ชีวิตคนเลยนะครับ ไม่ใช่หมาแมวหรือสิ่งของ!"

"แกยังรู้อยู่เหรอว่านี่มันชีวิตคน? ตอนนี้เด็กสี่เดือนแล้วแค่อีกเดือนเดียวก็เลี้ยงรอดแล้ว แกใจดำฆ่าเด็กได้ยังไงกัน? ทำไมไม่นึกว่านั่นก็ชีวิตคนคนหนึ่งเหมือนกัน?"

"คุณย่าครับ ทำก่อนที่มันจะมีความรู้สึกไงครับ ไม่ใช่ว่าให้คลอดออกมาแล้วยังมาโดนโรครุมล้อมแบบผม คุณย่าไม่ใช่ผมไม่เข้าใจความเจ็บปวดที่ผมได้รับหรอกครับ" หนานกงเฉินเดินก้าวไปข้างหน้าจ้องมองไปที่ตาของไป๋มู่ชิงที่เปียกปอน "คุณหนูไป๋ คุณอยากให้ลูกคุณทุกทรมานเหมือนผมเหรอ เดินไปไหนมาไหนก็มีแต่คนมอง อยู่คนเดียวโตมาคนเดียว? คุณรับได้เหรอ?"

"ฉัน……" ไป๋มู่ชิงมองไปที่เขาด้วยสีหน้าคาดหวัง "ฉันเชื่อว่าเขาต้องเป็นเด็กที่ร่างกายแข็งแรง คุณชายคะ ฉันขอร้องขอให้เขาได้มีโอกาสมีชีวิตรอดเถอะ……"

"ไม่ได้! ผมบอกว่าไม่ได้ก็คือไม่ได้!" หนานกงเฉินพูดแทรกเธอด้วยความโกรธ เธอยังกล้าเถียงเขา ทำสวนทางเขาอีก เขาโกรธจนแทบบ้าจนสติจะหลุด เขากระชากถุงยาออกแล้วโยนลงพื้น "เด็กคนนี้เก็บไว้ไม่ได้! ผมบอกว่าไม่ได้ไง!"

"พี่ชายกำลังทำอะไรคะ?" ผู่เหลียนเหยาที่เอาแต่ยืนอยู่หน้าประตูพอเห็นเขาทำอย่างนั้นเลยรีบวิ่งเข้ามาปิดสวิตซ์การไหลของยาแล้วดึงเข็มออกจากหลังมือของไป๋มู่ชิง

ไป๋มู่ชิงตกใจจนร้องไห้ จนขยับถอยไปนั่งกอดเข่าอยู่มุมห้อง

ทำยังไงดี? เธอควรจะทำยังไงดี?

คุณหญิงก็ตกใจกับการกระทำที่บ้าบิ่นของหนานกงเฉินจนอารมณ์ขึ้นเหมือนกัน

"แก……แก……!" แกชี้หน้าหนานกงเฉินไว้ รู้สึกแน่นหน้าอกหายใจไม่ออกแต่ก็กัดฟันพูด "ฉันของเตือนไว้เลยนะหนานกงเฉิน ถ้าเด็กคนนี้ตาย ฉันก็ตายตามไปด้วย……คอยดู……"

ตาทั้งสองข้างของคุณหญิงหลับลงแล้วแกก็เป็นลมล้มลงไป

"คุณย่า!" ผู่เหลียนเหยารีบพุ่งไปพยุงตัวคุณหญิงไว้ พร้อมหันไปพูดกับหนานกงเฉิน "พี่ชาย คุณย่าอายุมากแล้ว พี่อ่อนข้อให้แกหน่อยไม่ได้เหรอคะ?"

เมื่อหนานกงเฉินเห็นว่าคุณหญิงเป็นลมเขาก็เป็นห่วงมากเหมือนกัน รีบเดินไปรับตัวคุณหญิงแทนผู่เหลียนเหยา พร้อมอุ้มคุณหญิงไปห้องฉุกเฉิน

ในห้องพักฟื้นกลับมาเงียบอีกครั้ง ไป๋มู่ชิงก็ยังนั่งอยู่ตรงมุมเตียงเหมือนเดิม เธอทั้งกังวลใจทำอะไรไม่ถูก จากการกระทำของหนานกงเฉิน เธอกลัวว่าถึงจะเป็นคุณหญิงก็ช่วยลูกเธอไว้ไม่ได้

นิสัยหนานกงเฉินก็เป็นแบบนี้แหละ หัวแข็งจนไม่ฟังคนอื่นรวมทั้งคำพูดของคุณหญิงด้วย

ไม่รู้ว่าเธอนั่งทื่อๆอยู่อย่างนั้นนานแค่ไหน อยู่ดีๆก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ไป๋มู่ชิงขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยว่า "เชิญค่ะ"

ประตูห้องถูกเปิดออกแล้วเซิ่งซินก็เดินเข้ามา

กับน้องสาวที่ดูอ่อนโยนเรียบร้อยแถมพูดน้อยคนนี้ ไป๋มู่ชิงไม่ค่อยสนิทกับเธอมากนัก นอกจากทักทายกันปกติอย่างมีมารยาทก็ไม่เคยพูดอะไรนอกจากนั้นเลย

พอเห็นเธอเดินเข้ามา ไป๋มู่ชิงก็ไม่รู้จะพูดอะไรกับเธอ แค่เอ่ยไปว่า "คุณย่าเป็นยังไงบ้าง?"

"วางใจได้ คุณย่าไม่เป็นอะไรแล้ว" เซิ่งซินนั่งลงข้างเตียงเธอพร้อมมองสำรวจเธอ "พี่เป็นยังไงบ้าง? รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?"

ไป๋มู่ชิงส่วยหน้าไปมาก่อนคอจะตกเหมือนเดิม

เซิ่งซินพูดปลอบไป๋มู่ชิงต่อ "อย่ากังวลเลย มีคุณย่าอยู่พี่ชายไม่กล้าทำอะไรหรอก"

"เธอรู้ตั้งนานแล้วเหรอ?" ไป๋มู่ชิงเงยหน้าขึ้นมองเธอ

เซิ่งซินพยักหน้าเบาๆ "เจอหน้ากันทุกวัน ก็คงมีแต่พี่ชายนั่นแหละที่ไม่มีประสบการณ์กับอะไรแบบนี้เลยดูไม่ออก" ถึงเธอจะไม่เคยท้อง เธอผู้หญิงยังไงก็ต้องมีความรู้ด้านนี้มากกว่าผู้ชายอยู่แล้ว

"ขอบคุณนะที่ช่วยรักษาความลับไว้" ไป๋มู่ชิงเอ่ยอย่างตื้นตันใจ

เซิ่งซินยิ้มแล้วส่ายหน้าเบาๆ "หนูก็แค่ทำเพื่อตัวเอง คุณย่าไม่ชอบคนปากมาก"

ไม่ว่าจะยังไง ไป๋มู่ชิงก็รู้สึกขอบคุณเธออยู่ดี

"พี่สะใภ้นอนลงพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวหนูไปดูคุณย่าหน่อย" เซิ่งซินตบไปที่เตียงเบาๆ "ถือสักว่าเพื่อลูกในท้อง เอาแต่นั่งขดตัวแบบนี้ไม่ได้หรอก"

พอได้ยินว่าทำเพื่อลูกไป๋มู่ชิงก็ขยับตัวไปนอนลงพร้อมพูดกับเซิ่งซินว่า "ช่วยล็อกประตูห้องให้ด้วยนะ"

"ได้ค่ะ" เซิ่งซินพยักหน้ารับแล้วตอนออกไปก็ล็อกประตูให้จริงๆ

ตึงเครียดมาทั้งคืนไป๋มู่ชิงล้ามากแล้วเธอแอบร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่มจากนั้นก็นอนหลับไป

เพิ่งหลับได้ไม่นาน เธอก็ฝันร้ายเหมือนมีงูเห่าล้อมรอบเธอไว้ จนเธอนอนหลับไม่สนิทยิ่งไปกว่าเดิม

ก็ยังคงเป็นฝันร้ายนั้น หนานกงเฉินบีบคอเธอไว้แล้วขู่ให้เธอทำแท้ง แต่ครั้งนี้เธอกลับเลือกที่จะกระโดดลงตึกไป ด้วยสายตาที่เลือดเย็นของหนานกงเฉิน เธอกับลูกกระโดดออกไปนอกหน้าต่างซึ่งล้อมรอบไปด้วยหมอกสีขาวที่กำลังจะไปเธอไปยังอีกโลกหนึ่ง

จากนั้นเธอก็สะดุ้งเฮือกตื่นขึ้นมา

นอกหน้าต่างเริ่มมีแสงสว่างส่องเข้ามา เช้าแล้วหนิ

สายตาของไป๋มู่ชิงมองไปที่เงาที่ยืนอยู่หน้าหน้าต่าง ถึงจะมีแสงริบหรี่แต่เธอรู้ว่าเป็นหนานกงเฉินนั่นเอง

แว็บแรกที่เห็นเขาเธอก็ขดตัวขยับถอยให้ไกลเขาให้มากที่สุด

"คุณ……อยู่ที่นี่ได้ยังไง?" เธอมองไปที่สายตาที่เต็มไปด้วยความโหดร้ายของเขา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด