เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด นิยาย บท 94

"ฉันจะพูดอีกครั้ง ฉันไม่มีวันทำแท้ง นอกจากคุณจะฆ่าฉันตายไปพร้อมๆกับลูก!"

"คุณ……" หนานกงเฉินยื่นมือมาบีบคอเธอด้วยความโกรธ "คุณหนูไป๋ คุณขู่ผมเหรอ? คุณคิดว่าผมไม่กล้าฆ่าคุณเหรอ? ผู้หญิงพวกนั้นก็ตายไปหมดละจะยังมีคุณอีกคนเหรอ?"

"คุณ……"หน้าของไป๋มู่ชิงซีดขาวไป เขากำลังพูดอะไร? เขาจะจัดการเธอเหมือนกับผู้หญิงหกคนนั้นงั้นเหรอ? ใช่สิ ทำไมถึงไม่กล้าล่ะ? เขาคงเคยทำไปไม่น้อย?

เธอกลัวจนกลืนน้ำลายลงคอ ร่างกายขยับไปข้างหลังเรื่อยๆแล้วพยายามอ้าปากพูด "คุณบ้าไปแล้ว……"

"ผมบ้าไปแล้วก็เพราะพวกคุณไง!" ยิ่งเธอขยับถอยหนานกงเฉินก็บีบเข้าใกล้ตัวเธอจนไปถึงริมหน้าต่าง

ตัวของไป๋มู่ชิงเอนออกไปนอกหน้าต่างแล้ว ภาพในฝันก็ลอยขึ้นมา : เธอตกลงไปนอกหน้าต่าง ภายใต้สายตาที่เยือกเย็นของเขา ……

"ไม่นะ" เธอกรีดร้องอย่างหวาดกลัว" หนานกงเฉินคุณไม่มีสิทธ์มาทำแบบนี้กับฉัน! ถอยออกไปนะ!"

"นี่เป็นทางที่คุณเลือกเองไม่ใช่เหรอ?"

"ฉัน……"

ขณะที่ไป๋มู่ชิงรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะตกลงไปจากหน้าต่างก็มีเสียงของคุณหญิงดังขึ้นจากประตู "หนานกงเฉิน! แกจะทำอะไร?"

เซิ่งซินที่มากับคุณหญิงรีบวางขวดเก็บความร้อนลงแล้วเข้าไปช่วยไป๋มู่ชิงให้พ้นจากมือของหนานกงเฉิน

ขาของไป๋มู่ชิงอ่อนแรงทั้งสองข้างจนเธอเกือบจะล้มลงกับพื้น

"พี่สะใภ้เป็นอะไรหรือเปล่าคะ" เซิ่งซินพยุงตัวไป๋มู่ชิงมานั่งลงบนเตียงพร้อมสำรวจมองใบหน้าที่ซีดขาวจนหายใจติดๆขัดๆของเธอ

ไป๋มู่ชิงกระดกน้ำลงไปก่อนจะพยักหน้าตอบ

หนานกงเฉินเกรงว่าจะกระทบต่ออารมณ์คุณหญิง เขาเลยไม่ทำอะไรไป๋มู่ชิงต่อแค่ยืนนิ่งอยู่ริมหน้าต่างด้วยสีหน้าหงุดหงิด

คุณหญิงที่ตกใจมากจนหายใจไม่ออกจ้องไปที่หนานกงเฉินแล้วเอ่ยอย่างโมโห "ถ้าฉันมาไม่ทันแกก็จะผลักเมียกับลูกแกลงไปใช่ไหม?"

คุณหญิงแกคิดว่าสองวันนี้หนานกงเฉินคงสงบสติได้แล้ว คงไม่วู่วามอีกแต่ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย โชคดีมากที่แกเป็นห่วงเลยรีบมาหา ไม่งั้น……

หนานกงเฉินไม่ตอบอะไร เพราะเขารู้ว่าไม่ว่าเขาจะพูดอะไรก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี

"พี่ชายทำเกินไปนะ!" เซิ่งซินโกรธจนทนไม่ไหว "พี่ผลักพี่สะใภ้ลงไป กฎหมายก็ไม่ปล่อยพี่ไว้หรอก นี่ก็เท่ากับทำร้ายทั้งตัวเองทั้งคนอื่นด้วยไม่ใช่เหรอ?"

เมื่อกี้เขาโมโหเกินไปจนลืมคิดถึงจุดนี้ไปเลย

เขาคิดไม่ถึงว่าไป๋มู่ชิงจะขัดเขา เพื่อลูกในท้องถึงขั้นจะหย่ากับเขา? เธอทำตัวแบบนี้เขาจะทนได้ยังไง?

รอทุกคนเริ่มสงบสติได้แล้ว คุณหญิงก็สูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะจ้องไปที่หนานกงเฉิน "เฉิน แกจะทำแบบนี้จริงๆใช่ไหม?"

"ผมเป็นแบบนี้ตลอด ไม่ใช่แค่วันนี้"

คุณหญิงพยักหน้า "ถ้าอย่างนั้นเราถอยคนละก้าว ในเมื่อแกกลัวว่าลูกจะไม่แข็งแรง แต่นี่เด็กก็สี่เดือนแล้ว รออีกครึ่งเดือนพาเขาไปตรวจอย่างละเอียดอีกรอบ ถ้าเด็กมีปัญหาจริงเราค่อยทำแท้ง แต่ถ้าหมอบอกว่าเด็กปกติดี เราก็คลอดเขาออกมา เอาแบบนี้ได้ไหม?"

หนานกงเฉินไม่เห็นด้วย แต่สถานการณ์นี้ไม่เห็นด้วยคงไม่ได้ เพราะหมอเคยบอกว่าอย่ากระทบอารมณ์กับคุณหญิงมากแกจะรับไม่ไหว

เซิ่งซินหันไปมองคุณหญิงก่อนจะหันไปมองหนานกงเฉินแล้วยิ้มอย่างเห็นด้วย "วิธีนี้ดีมากเลยค่ะ พี่ชายคะ ทำตามที่คุณย่าบอกเถอะค่ะ"

จากนั้นเธอก็หันไปพูดยิ้มๆกับไป๋มู่ชิง "พี่สะใภ้ว่ายังไงคะ?"

ไป๋มู่ชิงก็เงยหน้ามองไปที่หนานกงเฉิน ไม่เห็นว่าเขามีท่าทางที่จะต่อต้านเธอเลยพยักหน้าตอบ "ได้"

เธอรู้สึกได้ว่าลูกในท้องแข็งแรงแน่นอน เธอเชื่อว่าเด็กต้องไม่เป็นอะไร แค่หนานกงเฉินรักษาสัญญาก็วางใจแล้ว

หลังจากที่กลับมาจากโรงพยาบาลสามวันแล้ว ไป๋มู่ชิงก็เอาแต่หลบอยู่ในห้องไม่ยอมออกมา แถมกินข้าวยังให้พี่เหอยกเข้าไปให้เธอแทน

ถ้าไม่ใช่เพราะท้อง เธอคงไม่แม้แต่อยากจะกินข้าว

ในวันนี้ ซูวยาหยงแกล้งทำเป็นมาเยี่ยมเธอแล้วยังเอาอาหารเสริมมากมายมาให้เธออีก

หลังจากที่ซูวยาหยงปิดประตูลงก็กวาดสายตาไปทั่วห้องจนเห็นว่าเธออยู่ที่ระเบียงห้อง เลยก้าวเดินไปหาเธอพร้อมพูดกับเธอว่า "ได้ข่าวว่าเธอไม่ออกจากห้องมาสามวันแล้ว?"

สิ่งที่เธอสนใจไม่ใช่ทั้งเด็กในท้องหรือไป๋มู่ชิง แต่เป็นความสัมพันธ์ระหว่างไป๋มู่ชิงกับตระกูลหนานกงต่างหาก

ไป๋มู่ชิงขยับร่างกายเล็กน้อยแค่เงยหน้ามองเธอครู่เดียวแล้วหันกลับไปมไม่อยากทักทายเธอด้วยซ้ำ

ซูวยาหยงก็ไม่คาดหวังว่าเธอจะทำตัวมีมารยาทขนาดไหน จ้องมองไปที่เธอพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงสั่งสอน "นี่แกไม่เข้าใจฐานะของตัวเองเหรอ ยังจำหน้าที่ของตัวเองได้หรือเปล่า? ดูฐานะตัวแกเองสิมีสิทธิ์อะไรมาโกรธงอนหนานกงเฉิน?"

พอไปยินพี่เหอบอกว่าไป๋มู่ชิงโกรธหนานกงเฉินจนไม่ออกจากห้องมาสามวันแล้ว ซูวยาหยงก็โกรธจนอยากจะบีบคอเธอตาย

ไป๋มู่ชิงก็นั่งเงียบอยู่บนเก้าอี้ไม้เหมือนเดิมพร้อมฟังคำสั่งสอนจากซูวยาหยงไปด้วย "ถึงหนานกงเฉินจะไม่อยากมีลูกนั่นก็เป็นเรื่องของเขา เขาเป็นพ่อเด็กก็ต้องมีสิทธิ์ในตัวเด็กไม่ใช่เหรอ? แกจะอะไรกันนักหนา? แก……"

"พูดพอหรือยัง?" ไป๋มู่ชิงเอ่ยตัดขึ้นอย่างไม่อยากฟัง เธอเงยหน้าขึ้นจ้องไปพร้อมพูดว่า "ถ้าคุณมาเพราะจะมาอบรมฉันล่ะก็ เชิญคุณกลับได้เลยค่ะ ฉันไม่อยากฟัง"

"แกไม่อยากฟัง?" ซูวยาหยงถูกเถียงกลับจนเธอหงุดหงิด พยายามกั้นเสียงให้เบาที่สุดไว้ "ตอนที่ฉันบอกให้แกทำแท้งทำไมแกไม่ทำ? ถ้าแกทำตั้งแต่ตอนนั้นยังจะเกิดเรื่องพวกนี้อีกไหม? แกมันทำตัวเองแท้ๆเข้าใจไหม!"

"ใช่ฉันทำตัวเองฉันยอมรับ!"

"แก……!"

ไป๋มู่ชิงยิ้มอย่างขมขื่น เธอมีแค่ความคิดเดียวเลยก็คือจะเก็บเด็กคนนี้ไว้ ถึงแม้จะให้เธอตัดสินใจอีกครั้งเธอก็จะหนีออกจากห้องผ่าตัดอยู่ดี

"แกไม่เคยนึกถึงพี่สาวแกเลยเหรอ?" ซูวยาหยงกัดฟันพูดพร้อมว่าเธออย่างโมโห "ถ้าความสัมพันธ์ระหว่างแกกับหนานกงเฉินไม่ดี ต่อไปจะให้พี่แกอยู่กับเขายังไง? แกจะให้พี่แกเข้ามาแล้วก็ทำสงครามเย็นกับเขาเหรอ?"

พูดจบ แกก็มองสำรวจไป๋มู่ชิงตั้งแต่หัวจรดเท้า "หรือแกจงใจกันแน่? ฉันเตือนแกไว้เลยนะ ถ้าถึงเวลาเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับพี่สาวแก ทุกอย่างมันเป็นเพราะแก คนในตระกูลหนานกงก็ไม่ปล่อยแกไว้แน่ ถึงตอนนั้นฉันก็โยนความผิดทุกอย่างไปที่แก บอกกับทุกคนว่าแกอยากเป็นคุณหญิงน้อยตระกูลหนานกงจนตั้งใจวางแผนแล้วแย่งแต่งงานแทนพี่สาวแกในวันแต่งงาน แกลองคิดดูดีๆว่าทำแบบนี้มีผลดีอะไรกับแกบ้าง"

ไป๋มู่ชิงหันมาจ้องเธอไว้ด้วยสายตาโกรธแค้น

แม่เลี้ยงของเธอทำอะไรแบบนี้ได้เธอไม่รู้สึกแปลกใจเลยสักนิดเลยไม่รู้สึกตกใจอะไรมากนัก

"ทำไม? แกคิดว่าฉันไม่กล้าทำเหรอ?"

"ไม่หรอก ฉันเชื่อว่าคุณกล้าทำแน่"

"เชื่อก็ดี" ซูวยาหยงเอ่ยขึ้น "เพราะฉะนั้นแกจำใส่หัวไว้เลย แกเป็นคนที่ได้แต่งเข้าตระกูลหนานกง แกก็ต้องรู้ดีว่าแกอยู่ในฐานะอะไร ไม่ว่าหนานกงเฉินจะทำอะไรแกก็ไม่มีสิทธิ์โกรธเคืองเขา แถมยังต้องตามใจเขาเอาใจเขาด้วย ผู้ชายน่ะชอบผู้หญิงที่ไม่งี่เง่า โดยเฉพาะอย่างหนานกงเฉินที่มีผู้หญิงอย่างไม่ขาดมือ!"

มีผู้หญิงไม่ขาดมือ ก็จริง เขาไม่มีวันขาดหรอก

ผู้หญิงที่เซ็กซี่อย่างคุณหนูฟาง ผู้หญิงที่ร้อนแรงอย่างคุณหนูเหอ ผู้หญิงที่หน้านิ่งสวยหรูอย่างเลขาเหยียนแถมยังมีผู้หญิงที่อ่อนโยนจนเขาหลงหัวปักหัวปำอย่างคุณหนูจูอีก

"แต่ ถ้าเขาเป็นฆาตกรที่ฆ่าคนในครอบครัวฉันล่ะ?" เธอเอ่ยอย่างเสียงเบา

ซูวยาหยงได้ยินในสิ่งที่เธอเอ่ยไม่ชัดจึงขมวดคิ้มถามเธอ "แกว่าอะไรนะ?"

ไป๋มู่ชิงดึงสติกลับมาแล้วส่ายหน้าไปมา "ไม่ว่าอะไร"

พูดเรื่องนี้กับแกแล้วจะได้อะไร? แกจะเปลี่ยนใจเพราะหนานกงเฉินเป็นศัตรูของเธองั้นเหรอ? จะคำนึงถึงความรู้สึกของเธอเหรอ? ไม่มีทางหรอก ในใจแกมีแต่เป้าหมายของตัวเองเท่านั้น!

จะให้เธอไปเอาอกเอาใจหนานกงเฉินงั้นเหรอ เธอทำไม่ได้หรอก

กี่วันนี้มา เธอรู้สึกโล่งใจเล็กน้อย โล่งใจที่ว่าเธอไม่ใช่ภรรยาตัวจริงของหนานกงเฉิน โล่งใจที่ว่าสักวันเธอจะได้ออกห่างจากตัวฆาตกรอย่างหนานกงเฉินสักที

แต่พอเธอนึกได้ว่าจะต้องแยกจากลูก เธอก็ทำใจไม่ได้ ความคิดทั้งสองนี้ขัดแย้งกันในหัวเธอตีกันวุ่นไปหมด

"แกได้ยินในสิ่งที่ฉันพูดหรือเปล่า?" ซูวยาหยงถามขึ้นอย่างหงุดหงิด

"ฉันจะพยายาม" ไป๋มู่ชิงตอบแกด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก

ตอนนี้เธอแค่อยากให้แกออกไปเร็วๆเลยตอบไปอย่างลอยๆ

"คำตอบที่ฉันอยากได้ไม่ใช่แค่จะพยายาม แต่ต้องทำให้ได้!"

"คุณหญิงไป๋ อย่าบังคับฉันจะดีกว่า" ไป๋มู่ชิงจ้องไปที่แก

ซูวยาหยงอารมณ์ขึ้นจนเกือบจะตบหน้าเธอ แต่ที่นี่เป็นบ้านตระกูลหนานกง แกก็กลัวว่าไป๋มู่ชิงปากมากไปฟ้อง แกเลยพยายามห้ามอารมณ์ตัวเองไว้ "แกก็อย่ามาบังคับฉันเหมือนกัน ฉันไม่รับประกันหรอกนะว่ามันจะเป็นยังไง"

"ขู่สมใจหรือยัง? วางใจแล้วกลับไปได้แล้ว" ไป๋มู่ชิงหัวเราะอย่างเสียดสี

ซูวยาหยงรู้สึกหมดอารมณ์กับเธอแต่ก่อนจะกลับก็ย้ำซ้ำๆกับเธออีกครั้งก่อนจะเดินออกจากห้องไป

หลังจากที่ซูวยาหยงกลับไป คุณหญิงก็เข้ามาพูดปลอบเธอให้เธอนึกถึงทารกในครรภ์มากๆจะเอาแต่อยู่ในห้องไม่ได้

ถึงไป๋มู่ชิงจะไม่อยากออกจากห้องมากแค่ไหน แต่เธอจะขัดคำพูดของคุณหญิงไม่ได้ก็เลยออกไปเดินเล่นในสวนดอกไม้

บ้านตระกูลหนานกงกว้างมาก กว้าจนเดินสักครึ่งวันก็ยังเดินไม่ทั่ว ไป๋มู่ชิงเดินอ้อมจากบ้านใหญ่ไปหลังบ้านแล้วเดินไปมาช้าๆในสวนดอกไม้

เดินไปอีกก็จะเป็นห้องโถงบรรพบุรุษตระกูลหนานกง หลังจากครั้งนั้นเธอไม่เคยเข้าใกล้ที่นั่นอีกเลย แล้วก็ไม่พบไม่เจออะไรที่ไม่ดีๆด้วย แต่นึกถึงทีไรก็ยังรู้สึกกลัวทุกที

ตอนนี้เธอยืมมองไปไกลๆยังรู้สึกขนลุกซู่เลย

เธอหยุดเดิน ไม่อยากเข้าไปใกล้อีกจากนั้นก็หันหลังจะเดินหนี

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด