เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด นิยาย บท 95

หลังจากที่คุณหมอหวงเดินออกไป ในห้องก็เหลือแค่ไป๋มู่ชิงกับหนานกงเฉิน บรรยากาศเงียบจนน่าอึดอัด ไป๋มู่ชิงก็ไม่รู้จะทำตัวยังไง

เลือดที่มือของหนานกงเฉินยังไม่หยุดไหล พื้นห้องสีเทาถูกระบายด้วยเลือด ถ้ายังไม่รีบทำแผลห้ามเลือดไว้เธอเกรงว่าเขาจะเลือดหมดตัวตาย แต่เสียงในใจอีกเสียงก็ย้ำเตือนเธอว่า เขาเป็นฆาตกรที่ฆ่าคุณย่าเธอ เขาเป็นศัตรูของเธอ

เธอจะเกิดความรู้สึกสงสารเขาได้ยังไง? มันไม่สมควรจะมี! ถ้าคุณย่ารู้ก็ไม่ให้เธอมีความรู้สึกแบบนี้ด้วย!

ถึงหนานกงเฉินจะเมาแล้วแต่ก็ยังพอมีสติ จนรู้สึกถึงว่าเธอเปลี่ยนไป เธอช่างเย็นชาเหลือเกิน

เขาใช้เลือดตัวเองรอเธออยู่ รอว่าเธอจะเหมือนแต่ก่อนที่รีบพุ่งเข้ามาหาเขา แต่การรอคอยของเขาก็ไม่มีผลอะไรเธอก็ยังนั่งนิ่งอยู่บนเตียง

เขาเริ่มโมโหแล้วก้าวเดินตรงไปที่เตียงแล้วใช้มือที่เลือดกำลังไหลจับคางเธอให้เงยหน้าขึ้นมองเขา "เธอเป็นคนที่แอบท้องเอง เธอก็เป็นคนที่จะเก็บเด็กไว้ เธอชนะแล้ว แต่ทำไมไม่ดีใจไม่สมใจล่ะ? นี่เธอจะเอายังไงกันแน่?"

ลมหายใจของเขาพ่นลงตรงหน้าเธอพร้อมกลิ่นวิสกี้อ่อนๆ

"ขอบคุณนะคะที่ให้โอกาสฉันได้คลอดเด็กคนนี้ แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าฉันจะรู้สึกสงสารคุณ ดูแลคุณเหมือนแต่ก่อน"

"เหรอ? ตัดใจแล้วว่าจะไม่เกี่ยวข้องอะไรกับผมอีกเหรอ" เขาหัวเราะเย้ย

"แต่ก่อนฉันไม่รู้ว่าคุณเป็นคนยังไงเลยมีความเห็นใจ แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้ว ว่าคุณไม่ต้องการความเห็นใจจากคนอื่นหรอก ไม่ว่าจะเรื่องการงานหรือเรื่องผู้หญิงคุณก็ไม่เคยน้อยหน้าใคร คุณอยากได้อะไรก็ต้องได้ แม้กระทั่งชีวิตของคนอื่น เพราะคุณมันรวย!"

เธอหัวเราะพร้อมกับจ้องตาเขา "คุณชายจำคำพูดที่ฉันเคยพูดได้หรือเปล่าคะ? ฉันไม่เหมือนกับผู้หญิงคนอื่น ฉันจะไม่ยอมทำตามคุณเพราะคุณรวยหรอก แล้วก็จะไม่หลอกตัวเองในการเอาอกเอาใจคุณด้วย!"

"ฉันรู้ว่าคุณไม่เคยคิดว่าฉันเป็นภรรยาคุณ คุณเลยไม่ยอมให้ฉันคลอดลูกของคุณ พวกคุณอาจจะไล่ฉันออกจากตระกูลด้วยซ้ำถ้าคลอดลูกแล้ว แต่ฉันไม่สนใจหรอก ฉันแค่อยากให้ลูกคลอดออกมาอย่างปลอดภัยก็พอ กับคุณ แต่ก่อนฉันไม่เคยคาดหวังเลย ตอนนี้ยิ่งก็ไม่คาดหวัง"

"เธอหมายความว่า เพราะนิสัยของผมทำให้เธอไม่อยากใส่ใจผมอีก?"

"ใช่"

"อ่อ ผมก็คิดว่างั้น" อยู่ๆหนานกงเฉินก็ยกมือออก มองไปที่ใบหน้ากับเสื้อผ้าที่เปื้อนเลือดของเธอ "งั้นเรามาพนันกัน ว่าใครจะทนได้นานกว่ากัน"

"คุณคิดจะทำอะไร?" ไป๋มู่ชิงจ้องไปที่ฝามือที่เขายกให้ดู ฝามือเขาเต็มไปด้วยเลือด

"จะลองดูว่าเธอจะทำได้อย่างที่พูดหรือเปล่า" เขาหัวเราะเบาๆ

ไป๋มู่ชิงจ้องมองเขาด้วยความโมโห "คุณอย่าทำตัวไร้สาระหน่อยเลย"

"ผมลืมบอกคุณไป ว่าหมอบอกว่าผมเสียเลือดมากไม่ได้ ห้ามติดเชื้อ ไม่งั้นผมก็จะเป็นโรคฮีโมฟีเลียง่าย" ใบหน้าเขาก็ยังยิ้มอยู่ เขาวางฝามือเบาที่ท้องของเธอ "แม่สุดที่รักของลูกผม เธอรู้หรือเปล่าว่าอะไรคือโรคฮีโมฟีเลีย? นั่นเป็นโรคที่รักษายากยิ่งกว่ามะเร็งเม็ดเลือดขาวหรือมะเร็งอื่นๆอีก……"

เสียงเขาเบาลงเรื่อยๆ อ่อนแรงลงเรื่อยๆ จากนั้นตัวเขาก็ล้มลงข้างตัวไป๋มู่ชิง

ไป๋มู่ชิงอึ้งไปแล้วรับเรียกเขา "คุณชาย! คุณชายเป็นอะไรไป?"

เธอคาดไม่ถึงเลยว่าหนานกงเฉินจะเป็นลมไป ทั้งๆที่เมื่อกี้เขายังดูปกติอยู่ แต่ทำไมถึงเป็นแบบนี้……

ร่างกายของหนานกงเฉินไม่แข็งแรงอยู่แล้ว เขายังดื่มจนเมาเลาะแล้วเลือดยังไหลเยอะขนาดนี้อีก หรือว่าโรคเขากำเริบอีกแล้ว? ทำยังไงดี? เธอควรจะทำยังไงดี?

ไป๋มู่ชิงรีบไปหยิบกล่องยาอย่างลนลานแล้วรีบโทรหาคุณหวงไปด้วยทำแผลที่มือเขาไปด้วย

โทรออกแล้ว เพิ่งดังไปครู่หนึ่งก็มีคนกดตัดสายออก

ไป๋มู่ชิงอึ้งนิ่งไป เงยหน้าขึ้นมาก็เห็นหนานกงเฉินที่เป็นลมลืมตามองเธอด้วยสีหน้าสายตาที่เยาะเย้ย

มือทั้งสองข้างของไป๋มู่ชิงก็นิ่งไปด้วย แล้วมองเขาอยู่อย่างนั้น

"ผมคิดว่าคุณเปลี่ยนไปแล้วซะอีก แต่ก็ไม่เลย ไม่ต้องพูดทำให้ตัวเองดูดีขนาดนั้นก็ได้ ก็แค่อยากหลอกให้ติดกับดัก ใช่ไหม?" เขาหัวเราะเยาะเย้ย "คุณไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นจริงๆ อย่างน้อยคุณก็ใช้วิธีการหลอกล่อผมได้ดีกว่า ทั้งๆที่เธออยากเอาอกเอาใจผม ให้ผมยอมรับทั้งตัวเองแล้วก็ลูกในท้องด้วย แต่กลับแสดงสีหน้าไม่แยแส เพราะเธอคงรู้ดีสินะว่าผู้ชายไม่ชอบผู้หญิงเอาแต่ร้องไห้งี่เง่า"

"ไม่ว่าผมจะเป็นคนยังไง มีผู้หญิงเยอะแค่ไหน ไม่ว่าผมจะใช้วิธีอะไรก็ตามเพื่อที่จะได้สิ่งนั้นมา ยังไงคุณก็ขาดผมไม่ได้ ยิ่งเกลียดผมไม่ลงด้วยซ้ำ"

สีหน้าของไป๋มู่ชิงเปลี่ยนไปตามอารมณ์อยู่อย่างนั้นซ้ำไปซ้ำมา

ในที่สุดเธอก็สะบัดมือเขาออก โกรธจนต้องกัดฟันพูด "หนานกงเฉิน! ไสหัวออกไปซะ!"

หนานกงเฉินพยักหน้าตอบรับแล้วใช้มือมาคล้องคอเธอให้เข้าไปซบอกเขาพร้อมก้มหน้าลงมาจุมพิตที่ปากของเธอ "ถ้าไม่ใช่เพราะเธอท้อง ผมคงอยากจะเล่นกับคุณอีกสักหน่อย"

พูดจบเขาก็ก้มหน้าลงไปจูบเธอต่อ

กลิ่นแอลกอฮอล์อ่อนลอยออกมาจากริมฝีปากเขาจนเธอลิ้มรสได้

ไป๋มู่ชิงโมโหจนเอาแต่ทุบไปที่อกของเขา แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ขยับตัวออกเลย

เลือดที่มือเขายังไม่หยุดไหลจนเธอได้กลิ่นคาวเลือดลอยมา บาดเจ็บขนาดนี้แล้วเขายังมีอารมณ์มาระบายชัยชนะของตัวเองอีกเหรอ?

ไป๋มู่ชิงกัดไปที่ลิ้นของเขาที่ยื่นเข้ามาในปากของเธอ แต่เขาเหมือนงูที่เลื้อยหลบเก่ง เขาเลยหลบการกัดนี้ได้

เขาหงุดหงิดมากขึ้นจนจูบเธอแรงกว่าเดิม กดลงไปหนักที่ริมฝีปากเธอจนเธอต่อต้านอะไรเขาไม่ได้อีก

ในเมื่อใช้ฟันตอบโต้เขาไม่ได้ ไป๋มู่ชิงเลยใช้มือทั้งสองข้างทุบตีไปที่หลังเขาจนเกิดเสียงโอดโอยดังขึ้นในปาก

จนกระทั่งได้ลิ้มลองรสชาติที่ขมขื่นนี้จนพอใจ หนานกงเฉินเลยปล่อยริมฝีปากเธอ แล้วใช้ลิ้นเลียมุมปากของตัวเองก็มีแต่รสของความไม่ยินยอม

จากแสงไฟที่สะท้อนมาจากผนังห้อง เขาเห็นน้ำตาที่ไหล่สองข้างตาของเธอกับสีหน้าของเธอที่โกรธจนบูดเบี้ยว ในใจเขาก็ยังมีความสงสารเลยปล่อยเธอไปแล้วลุกขึ้นยืน

"เกมส์นี้ไม่เลว ก็สนุกอยู่ ถ้ายังมีอารมณ์เล่นต่อผมก็จะยอมลดตัวมาเล่นด้วย ถ้าคุณยังกล้าเล่น"เขาทิ้งคำพูดนี้ไว้ก่อนจะหันหลังเดินตรงออกไปห้องของตัวเอง

เขาออกไปแล้ว เขากลับไปที่ห้องของตัวเองแล้ว

ไป๋มู่ชิงนั่งตกใจอยู่บนเตียงแล้วมองไปที่เศษแจกันกับคราบเลือดบนพื้น เธอหมดแรงที่จะต่อต้านแล้วก็ไม่อยากตอบโต้อะไรด้วย

หนานกงเฉินจะมองเธอยังไงเธอไม่แคร์เลยสักนิดเพราะอีกไม่กี่เดือนก็แยกทางใครทางมันแล้ว

เธอนั่งนิ่งอย่างนั้นไปพักหนึ่งก่อนจะลุกลงมาจากเตียงช้าๆมาเก็บกวาดพื้นที่เละเทะนี้จากนั้นก็ปิดประตูลงแล้วกลับมานอนบนเตียง

เช้าวันต่อมา พอไป๋มู่ชิงนั่งลงหน้าโต๊ะอาหารก็เห็นหนานกงเฉินเดินเข้ามาจากหน้าประตูห้องอาหาร

ผ่านไปคืนนึง แอลกอฮอล์ในร่างกายเขาก็หายไปหมดแล้วกลับมาดูมีชีวิตชีวาเหมือนเดิม พอเห็นหน้าเขา ภาพที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก็ลอยขึ้นมาบนหัวของเธอ เขานั่งคุกเข่าอยู่ท่ามกลางเศษแจกันแล้วเลือดในมือก็ไหลไม่หยุด

เมื่อคืนเขาดูทุลักทุเลมาก แค่ผ่านไปคืนเดียวเขาก็กลับมาปกติดีแล้ว ดูเหมือนเขาค่อยข้างจะฟื้นฟูตัวเองได้เร็วเหมือนกัน

หนานกงเฉินที่เดินก้าวเข้ามามองไปที่ไป๋มู่ชิงด้วยสีหน้านิ่งเฉยก่อนจะเดินไปนั่งลงข้างไป๋มู่ชิง

เขาวางมือลงข้างๆจาน เป็นมุมองศาที่ไป๋มู่ชิงสามารถสังเกตเห็นได้ชัด

มือเขาถูกบาดเป็นแผลยาวแต่เขากลับไม่พันผ้าพันแผลเลย หรือว่าเมื่อคืนหลังจากที่เขากลับห้องไปเขาไม่ได้ทำแผล? แค่ล้างคราบเลือดออกงั้นเหรอ?

ไป๋มู่ชิงเรียกสติตัวเองกลับมา นึงในใจทำไมต้องเห็นใจเขาอีก ถ้าเขารู้คงคิดว่าเธอจงใจจะยั่วเขาอีก

ทำไมไม่เคยจำใส่สมองบ้าง? หรือจะให้เขาทารุณจนไม่เหลือซาก?

ผู่เหลียนเหยาเป็นหมอ พอมองไปที่มือหนานกงเฉินก็รู้สึกผิดปกติเลยเอ่ยถามขึ้นว่า "พี่ชายคะ ฝ่ามือพี่ชายเป็นอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมดูเหมือน……"

เธอมองสำรวจไปที่มือหนานกงเฉิน ทุกคนบนโต๊ะอาหารก็มองตามเธอไปด้วย คุณหญิงสังเกตเห็นว่าฝ่ามือเขาบวมแดงเลยขมวดคิ้วถามขึ้น "โดนอะไรมา? เฉิน"

หนานกงเฉินดึงมือตัวเองกลับ แล้วตอบอย่างไม่ใส่ใจ "ไม่โดนอะไรครับ"

"ไหนให้ฉันดูหน่อย" คุณหญิงพูด

หนานกงเฉินแบมือไปแล้วเอ่ย "แจกันบาดนิดหน่อยครับ"

ที่ฝ่ามือเขามีแผลยาวประมาณสามสี่เซนติเมตรทั้งบวมทั้งแดงสะดุดตามาก

"เมื่อคืนโรคกำเริบอีกแล้วเหรอคะ? เมื่อคืนหนูเหมือนได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังมาจากห้องพี่สะใภ้ นึกว่าหูฝาดสักอีก" ผู่เหลียนเหยาเอ่ยด้วยสีหน้าเป็นห่วงแล้วหันไปทางเสี่ยวลู่ "เสี่ยวลู่ รีบไปหยิบกล่องยามา"

พอได้ยินคำว่ากำเริบคุณหญิงก็เป็นห่วงยิ่งกว่าเดิม "กำเริบอีกแล้วเหรอ?" ขณะที่ท่านถามก็หันไปทางไป๋มู่ชิง ท่านกำลังถามไป๋มู่ชิงต่างหาก

ไป๋มู่ชิงไม่รู้จะตอบยังไงเลยหันมองไปที่หนานกงเฉินก่อนจะตอบว่า "เปล่าค่ะ……"

"เปล่า? แล้วทำไมถึงเสียงดังล่ะ? แถมมือยังสาหัสขนาดนี้อีก?"

ที่หนานกงเฉินไม่พันผ้าพันแผลลงมาด้วยก็เพราะไม่อยากให้ทุกคนตื่นตระหนกตกใจกัน ไม่คิดว่าจะทำให้ทุกคนคิดไปไกลขนาดนี้ เขาอธิบายอย่างไม่สบอารมณ์ "ไม่มีอะไรครับ แค่ผมเมาแล้วทำแจกันแตกเลยบาดมือ"

สีหน้าที่ไม่แยแสของเขาทำให้คุณหญิงไม่พอใจ ท่านวางตะเกียบลงด้วยสีหน้าเข้มงวด "ฉันล่ะสับสนกับแกจริงๆ รู้ว่าตัวเองดื่มมากไม่ได้ยังจะออกไปดื่มอีก ทำไมแค่เมายังล้มแล้วได้แผลมาอีก จนตอนนี้ทำไมไม่มีใครทำแผลให้แกอีก?"

ฟังเหมือนท่านกำลังตำหนิหนานกงเฉิน แต่สายตากลับมองผ่านมาที่ไป๋มู่ชิง ที่จริงแล้วคงกำลังว่าเธอที่ไม่ดูแลหนานกงเฉินดีๆ

ไป๋มู่ชิงรู้ว่ายังไงเสียเปรียบแล้วก้มหน้าก้มตาไม่พูดอะไร

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด