เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด นิยาย บท 98

ไป๋มู่ชิงหลับไปครั้งนี้เธอหลับลึกมากกว่าจะตื่นก็ตอนบ่ายแล้ว

เธอลืมตาขึ้นช้าๆก็เห็นว่าเซิ่งซินยืนอยู่ข้างเตียง

"พี่สะใภ้ตื่นแล้วหรอคะ?" เซิ่งซินถามขึ้นอย่างเป็นห่วง "ดื่มน้ำซะหน่อยมั้ยคะ?"

"ไม่ล่ะ ขอบใจนะ" ไป๋มู่ชิงสายหัวไปมาพร้อมมองไปที่เธอแล้วยิ้มอ่อนว่า "เมื่อกี้ฉันฝันร้ายมันน่ากลัวมากๆ ฉันฝันว่าผลตรวจออกมาแล้วแล้วหมอก็บอกว่าเด็กผิดปกติ"

เธอเผลอหัวเราะออกมา "จะเป็นไปได้ยังไง จริงๆเลยเนี่ย!" ขณะที่เธอพูดน้ำตาก็ไหลลงตาทั้งสองข้างไปด้วย

เธอแยกไม่ออกแล้วว่านั่นเป็นความฝันหรือความจริงแต่ถึงแม้จะเป็นแค่ความฝันเธอก็ไม่ยอมให้เด็กมีปัญหาอะไรแน่ เธอวางมือลงบนท้องเบาๆ ยังดี โล่งอกไปที!

"พี่สะใภ้อย่าเป็นแบบนี้" เซิ่งซินดึงมือเธอที่วางอยู่บนท้องไปจับไว้พร้อมมองไปที่เธอ "คุณหมออัลตราซาวด์ดูเด็กในท้องแล้วพบว่าผนังหุ้มหนาเกินปกติเลย เลยแน่ใจว่าเด็กในท้องมีบางอย่างผิดปกติ"

"ไม่นะ……" ไป๋มู่ชิงส่ายหัวไปมา "เป็นไปไม่ได้ ฉันไม่เชื่อ!"

"เป็นเรื่องจริงค่ะ" เซิ่งซินพยักหน้าให้

"ฉันไม่เชื่อ……" น้ำตาเอ่อล้นออกมาเยอะกว่าเดิม

"พี่สะใภ้อย่าเสียใจไปเลยค่ะ พี่ยังสาวอยู่อีกหน่อยคงยังมีโอกาส"

"นี่เธอกำลังพูดอะไร? อีกหน่อยอะไรกัน? เด็กในท้องคนนี้ฉันยังไม่ได้คลอดเลย!" ไป๋มู่ชิงเอ่ยขึ้นมาด้วยความโมโห

เมื่อเซิ่งซินเห็นว่าเธอแสดงปฏิกิริยาขนาดนี้ เลยไม่รู้จะปลอบเธอยังไงต่อ

"คุณหนูไป๋ เราคุยกันแล้วนี่ว่าต้องรักษาสัญญา" หนานกงเฉินเดินอ้อมมาจากปลายเตียงแล้วมาหยุดยืนอยู่ต่อหน้าเธอแล้วยื่นผลตรวจในมือไปให้เธอดูพร้อมกับใบอนุญาตการผ่าตัด "ผมเซ็นใบอนุญาตให้แล้ว สามารถทำได้ทุกเมื่อ"

ไป๋มู่ชิงพยายามยันตัวขึ้นจากเตียงด้วยความลำบาก เซิ่งซินก็รีบนำหมอนมาวางให้เธอพิงไว้

ไป๋มู่ชิงยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาแล้วเปิดดูใบผลตรวจ ในใบนั้นเขียนอย่างชัดเจนว่าเด็กผิดปกติจากนั้นเธอหยิบใบอนุญาตการผ่าตัดขึ้นมาก็พบว่ามีลายเซ็นของเขาจริงๆ

ดูไปที่ลายเซ็น'หนานกงเฉิน'สามตัวนั้น มือที่จับเอกสารอยู่บีบแน่นขึ้นจนรู้สึกสั่น

พอหนานกงเฉินเห็นว่าร่างกายเธอสั่นเล็กน้อย เขาก็เบี่ยงหน้าหลบสายตาไม่อยากรับรู้ถึงความเจ็บปวดของเธอพร้อมเอ่ยด้วยสีหน้าปกติว่า "ใบอนุญาตการทำนี้คุณย่าเป็นคนให้ผมเองกับมือ ก็หมายความว่าคุณจะไม่มีที่พึ่งพิงอะไรอีก ทำไม? ยังไม่ยอมแพ้อีกหรอ?"

ไป๋มู่ชิงสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วจ้องมองไปที่เขา "หนานกงเฉิน คุณไม่รู้สึกเสียใจเลยหรอ?"

เธอรู้สึกเสียใจจนแทบจะหายใจไม่ออกแต่เขากลับดูนิ่งเฉยอย่างนั้น อย่างกับว่าลูกในท้องของเธอเป็นลูกของผู้ชายคนอื่นไม่เกี่ยวอะไรกับเขาเลย

หนานกงเฉินมองเข้าไปในตาของเธอที่เต็มไปด้วยน้ำตาแล้วพูดว่า "นี่เป็นผลที่คาดไว้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?"

เขาลังเลสักครู่ ก่อนจะเอ่ยต่อว่า "ผมไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเด็กคนนี้ต้องผิดปกติ ผมเอาแต่ย้ำเตือนคุณให้ล้มเลิกความคิดนี้ไปซะแต่คุณไม่ฟังผมเองตอนนี้เข้าใจหรือยังล่ะ? แต่ก่อนเธอเอาแต่คิดว่าการฆ่าเด็กที่ยังไม่เกิดมันเป็นเรื่องที่เลวร้ายมาก จนรอมาถึงตอนนี้แล้วตอนนี้มันไม่บาปหรอ? แต่ดูเหมือนว่ามันจะบาปมากกว่าสะอีก!"

เขาจะไม่รู้สึกเสียใจได้ยังไง? เพราะนี่เป็นลูกของเขาเหมือนกันแต่เสียใจแล้วจะทำยังไงได้ล่ะ? คงจะร้องให้ฟูมฟายเหมือนเธอไม่ได้หรอกมั้ง?

สิ่งที่เขาทำได้ตอนนี้ก็คือเก็บความเสียใจนี้ไว้ แล้วแสดงท่าทางที่ไม่สนใจไม่แยแส บังคับให้เธอทำแท้งเพื่อที่เด็กคนนี้จะได้ไม่ต้องเจ็บปวดทั้งชีวิตเหมือนเขา

ไป๋มู่ชิงยกมือขึ้นปาดน้ำตาซ้ำแล้วซ้ำเล่าแล้วเปิดดูผลตรวจไปมายังงั้นพร้อมดึงมือเซิ่งซินมาพูดว่า "เซิ่งซิน เธอช่วยจองคิวให้ฉันได้หรือเปล่า? ฉันจะตรวจอัลตราซาวด์อีกรอบ"

เซิ่งซินมองไปที่หนานกงเฉินพร้อมเอ่ยกับไป๋มู่ชิงว่า "พี่สะใภ้คะถ้าพี่อยากตรวจดูอีกรอบพี่ชายสามารถจองคิวให้พี่ได้นะคะ แต่ว่ามันยังจำเป็นอยู่หรอคะ?"

"จำเป็น" ไป๋มู่ชิงเงยหน้ามองไปที่หนานกงเฉิน "คุณชายคะ ขอร้องให้คุณช่วยฉันอีกรอบ ไม่งั้นฉันจะไม่ตายใจหรอก"

"ถ้าช่วยเธอรอบนี้จะทำให้เธอตายใจได้แล้วล่ะก็ ไม่มีปัญหา ผมจะจัดการให้คุณไปตอนนี้เลยพร้อมทั้งเอาผลตรวจมาให้คุณดูให้ได้เร็วที่สุด" พอหนานกงเฉินพูดจบเขาก็ยกโทรศัพท์ขึ้นโทรออก

หนานกงเฉินจัดการทุกอย่างได้อย่างรวดเร็ว ไป๋มู่ชิงก็ได้รับการตรวจอีกรอบ

จากนั้นการเป็นการรอคอยอันแสนลำบาก รอคอยผลตรวจออกมา

พอเธอได้ผลตรวจอีกครั้ง ตัวเลขบนผลตรวจนั้นไม่ต่างกันมากจนในที่สุดเธอก็ตายใจ

แต่ว่าครั้งนี้เธอกลับดูใจเย็นมากกว่าเดิมจนไม่มีแม้แต่น้ำตาที่ไหลออกมา

หนานกงเฉินที่เธอเหมือนวิญญาณของเธอหลุดออกจากร่างไป แต่สุดท้ายก็ต้องทำใจบังคับให้เธอเซ็น เขานั่งอยู่ตรงโซฟาตรงหน้าเธอพร้อมเอ่ยด้วยสีหน้านิ่ง "บริษัทตระกูลหนานกงใหญ่ขนาดนั้นจะไม่มีคนมารับช่วงต่อได้ยังไงกัน แต่เราก็ต้องการคนรับช่วงต่อที่ร่างกายแข็งแรงเหมือนกัน"

สุดท้ายไป๋มู่ชิงก็เงยหน้าขึ้นมองเขาช้าๆ "เมื่อกี้คุณหมอบอกแล้วว่าไม่แน่เด็กอาจจะไม่มีความผิดปกติก็ได้ ก็หมายความว่าเด็กอาจจะไม่มีปัญหาอะไรมากไม่ใช่เหรอ?"

หนานกงเฉินจ้องมองไปที่เธอแล้วเอ่ย "นั่นเพราะหมอกำลังพูดปลอบใจคุณ"

"ไม่ คุณหมอบอกว่าฉันยังสามารถตรวจถุงน้ำคร่ำได้ นั่นถึงจะเป็นผลสรุปที่ว่าเด็กผิดปกติจริงหรือเปล่า "อยู่ๆไป๋มู่ชิงก็ยื่นไปดึงมือทั้งสองของเขาไว้พร้อมมองเขาด้วยสีหน้าขอร้อง "ขอร้องคุณให้โอกาสฉันอีกครั้งได้ไหม? ฉันไม่อยากทำแท้งจริงๆ"

หนานกงเฉินพยักหน้าตอบรับ "ได้"

ในใจลึกๆเขาก็หวังว่าเด็กคนนี้จะไม่เป็นอะไร เขาก็อยากให้โอกาสตัวเองอีกครั้งเหมือนกัน

หนานกงเฉินเดินไปหาคุณหมอที่รับผิดชอบ พอคุณหมอได้ยินเขาบอกว่าไป๋มู่ชิงอยากจะเจาะตรวจถุงน้ำคร่ำแล้วนิ่งคิดไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยเสียงเบาว่า "คุณชายครับ ผมขอพูดตรงๆเลยนะครับ ผมคิดว่ามันไม่จำเป็นเพราะว่าเนื้อเยื่อหุ้มของเด็กหนาผิดปกติแล้วการเต้นของหัวใจก็ไม่ดีเท่าเด็กทั่วไปจึงแสดงให้รู้ว่าเด็กคนนี้มีปัญหาแน่นอนครับ"

หนานกงเฉินครุ่นคิดไปก่อนจะพูดว่า "ช่วยตรวจให้เธอด้วยเถอะครับ"

"ถ้าคุณชายพูดแบบนี้แล้ว ผมก็จะไปจัดการเดี๋ยวนี้เลยครับ" คุณหมอเอ่ย

หนานกงเฉินเดินออกมาจากห้องคุณหมอแล้วกลับมาถึงห้องพักฟื้น แต่กลับเห็นว่าในห้องไม่มีใครอยู่เลย

เขาขมวดคิ้วแล้วหันหลังเดินตามหาไป๋มู่ชิงพร้อมโทรหาเธอไปด้วย โทรออกแล้ว เสียงปกติของไป๋มู่ชิงดังออกมา "ฉันออกจากโรงพยาบาลแล้ว"

"คุณจะเจาะตรวจถุงน้ำคร่ำไม่ใช่เหรอ" หนานกงเฉินตอบอย่างหงุดหงิด

"ใช่ แต่ฉันจะไม่ทำที่โรงพยาบาลหงเอิน ฉันไม่เชื่อใจคุณ"

"คุณหมายความว่ายังไงคุณหนูไป๋? คุณสงสัยผมหรอ?ในใจคุณผมเป็นคนที่น่ารังเกียจจนคิดทำร้ายลูกของตัวเองเลยเหรอ?"

"คุณชายกำลังพูดเรื่องความเป็นคนกับฉันเหรอ?" ไป๋มู่ชิงหัวเราะเสียดสี

หนานกงเฉินไม่รู้จะตอบยังไงพร้อมกัดฟันพูดไปว่า "งั้นคุณบอกผมมาว่าคุณจะไปตรวจที่ไหน?

"ไปโรงพยาบาลที่อยู่นอกเหนืออำนาจของคุณ"

"คุณ……" หนานกงเฉินกำมือแน่นแล้วพูดออกไปว่า "ได้ ขอให้คุณได้ผลตรวจที่แตกต่างจากที่นี่กลับมาแล้วกัน"

ไป๋มู่ชิงตัดสายไปแล้วโทรไปหาเหยาเหม่ยให้เธอช่วยนัดซูเจี้ยให้หน่อย

สามีของซูเจี้ยเป็นเจ้าของโรงพยาบาลซิงเหิง แถมโรงพยาบาลซิงเหิงก็อยู่อันดับต้นๆของเมืองซีเทียบกับโรงพยาบาลหงเอินได้

ทุกครั้งที่เธอเจอปัญหาก็ต้องขอให้ซูเจี้ยช่วย เธอรู้สึกละอายใจเลยต้องขอให้เหยาเหม่ยออกหน้าแทน

ทั้งสามคนนัดเจอกันที่ร้านกาแฟหน้าโรงพยาบาลซิงเหิง ถึงแม้จะอยู่เมืองเดียวกันแต่ครั้งล่าสุดที่พวกเขาเจอกันก็ผ่านมาเกือบจะครึ่งปีแล้ว

ไป๋มู่ชิงมองไปที่ซูเจี้ย เธอก็ยังคงเป็นผู้หญิงที่ดูดีสะอาดเหมือนดอกยิปโซสีขาวในห้องเย็น ไป๋มู่ชิงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอแตกหักกันได้ยังไง

เจอกันครั้งล่าสุดก็เป็นอาทิตย์ที่สองหลังจากที่เธอแต่งงานกับหนานกงเฉิน วันนั้นเธอคุณครุ่นคิดลังเลก่อนจะตัดสินใจบอกความจริงเกี่ยวกับการแต่งงานนี้ให้ทั้งสองคนรู้

ไม่รอฟังจนจบซูเจี้ยก็ลุกขึ้นจากโซฟาแล้วหยิบแก้วน้ำสาดใส่หน้าเธอจากนั้นก็เดินออกไป

หลังจากครั้งนั้นเธอกับซูเจี้ยก็ไม่ได้ติดต่อกันเลยจนกระทั่งตอนนั้นที่โทรถามเธอเลื่อนการโอนย้ายบ้านของหนานกงเฉิน

เธอเคยถามเหยาเหม่ยแล้ว เหยาเหม่ยคิดนานมากกว่าจะตอบเธอว่า "ซูเจี้ยเกลียดการโกหกที่สุด เธอแต่งงานไปตั้งสองอาทิตย์แล้วกว่าจะบอกความจริง จะตัดขาดกับเธอคงไม่แปลก!"

ในใจเธอก็คิดว่าต้องเป็นแบบนี้แน่ๆ ดูจากนิสัยของซูเจี้ยแล้ว

พอซูเจี้ยเห็นไป๋มู่ชิงในร้านก็เดินหันหลังทันทีจนเหยาเหม่ยต้องรีบลากแขนเธอไว้ "เสี่ยวเจี้ย อย่าทำแบบนี้เลย ที่มู่ชิงโกหกเป็นความผิดของเธอแต่เธอก็ขอโทษแล้วหนิ แกให้อภัยเถอะ"

"ซูเจี้ย ฉันมีเรื่องจะให้เธอช่วย" ไป๋มู่ชิงรีบลุกขึ้นพูดจากโซฟา

ทันใดนั้นก็ซูเจี้ยหันกลับมาพร้อมยิ้มเย้ยใส่เธอ "ดูสิ ถ้าไม่เจอปัญหาเธอคงไม่นึกถึงฉันหรอก" คำพูดนี้เหมือนเธอกำลังพูดกับเหยาเหม่ย

เหยาเหม่ยจะอ้าปากพูดแต่ก็ไม่รู้จะตอบว่าอะไรดี

ซูเจี้ยเดินตรงไปหาไป๋มู่ชิงแล้วนั่งลงที่โซฟาตรงข้ามเธอพร้อมมองสำรวจเธอ "ในเมื่อเธอมีปัญญาแต่งงานกับหนานกงเฉินได้ เธอก็ต้องมีปัญญาใช้ชีวิตกับเขาไปให้ได้สิ ไม่ใช่เหมือนตอนนี้ที่มีแต่ปัญหารุมเร้าเข้ามาแถมยังเอาปัญหาของเธอมาสร้างความรำคาญให้ฉันอีก"

"เสี่ยวเจี้ย ครั้งนี้มู่ชิงจำเป็นจริงๆที่จะต้องให้เธอช่วยนะ" เหยาเหม่เขย่าแขนซูเจี้ย

"ได้ ว่ามาสิ จะให้ฉันช่วยอะไรอีก?" ซูเจี้ยยกมือขึ้นกอดอกแล้วเอนหลังไปพิงกับเก้าอี้พร้อมมองไปที่ไป๋มู่ชิง

ไป๋มู่ชิงผลตรวจจากโรงพยาบาลหงเอิงออกมาให้เธอดูพร้อมพูดว่า "ฉันไม่เชื่อใจผลตรวจนี้ เพราะว่าหนานกงเฉินไม่อยากได้เด็กตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แถมโรงพยาบาลนี้บริษัทหนานกงยังถือหุ้นอยู่ ฉันเลยอยากจะมาตรวจเจาะถุงน้ำคร่ำที่โรงพยาบาลซิงเหิงอีกครั้ง เธอช่วยฉันได้ไหม?"

ซูเจี้ยเปิดดูใบผลตรวจจากนั้นสีหน้าก็อึ้งไปเล็กน้อยพร้อมเงยหน้าขึ้นมองเธอ "เธอไม่เชื่อใจหนานกงเฉินขนาดนี้เลยเหรอ?"

"ฉันแค่อยากแน่ใจมากกว่านี้" ไป๋มู่ชิงตอบ

ถ้าเป็นแต่ก่อนเธอไม่มีทางสงสัยในตัวหนานกงเฉินแน่นอน แต่หลังจากเกิดเรื่องกับคุณย่าของเธอ เธอไม่สงสัยไม่ได้แล้ว

"เธอแต่งงานกับเขานานขนาดนี้แล้วยังไม่เข้าใจในตัวเขาอีกเหรอ? ถึงเขาไม่อยากมีลูก เขาคงไม่ใจดำถึงขั้นฆ่าลูกของตัวเองหรอก?" ซูเจี้ยยื่นใบผลตรวจกลับไปให้เธอ

ไป๋มู่ชิงสุดหายใจเข้าลึกๆพร้อมเอ่ย "คนที่ไม่เข้าใจคือเธอต่างหาก"

"ก็ได้" ซูเจี้ยปรับอารมณ์น้ำเสียงแล้วเอ่ยว่า "ในเมื่อเธอสงสัยว่าเขากับทำอะไรกับผลตรวจ งั้นเธอก็อัลตร้าซาวด์ใหม่อีกครั้งสิ ไม่จำเป็นต้องเจาะตรวจถุงน้ำคร่ำเพราะการเจาะตรวจถุงน้ำข้ามนี้ต้องใช้เวลา 10 วันถึงครึ่งเดือนกว่าผลจะออก"

"ใช่ เขาว่ากันว่าถุงน้ำคร่ำเป็นสระว่ายน้ำทารก อย่าไปยุ่งจะดีกว่าเพราะจะทำลายสภาพแวดล้อมการเติบโตของทารก" เหยาเหม่ยพูดขึ้น

ไป๋มู่ชิงคิดไปคิดมา สุดท้ายก็ยอมรับความเห็นของซูเจี้ย

หลังจากที่ซูเจี้ยลุกขึ้นออกไปคุยโทรศัพท์ จากนั้นก็พาตัวไป๋มู่ชิงไปที่โรงพยาบาลซิงเหิง

พอไป๋มู่ชิงเข้าไปในห้องตรวจแล้ว เหยาเหม่ยหันไปก็ไม่เจอตัวซูเจี้ยแล้วเลยเดินหาไปทั่วจนพบเธอที่ห้องทำงานของคุณหมอ

คุณหมอพูดคุยกับเธออย่างมีมารยาท เอาแต่พยักหน้ารับ

ซูเจี้ยเดินออกมาที่ประตูก็ตกใจที่เห็นเหยาเหม่ยืนอยู่พร้อมเอ่ยถามขึ้น "เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?"

เหยาเหม่ยตอบอย่างสงสัย "ทำไมต้องตกใจขนาดนี้ด้วย? ไม่เห็นเธอเลยเดินมาหานี่เอง"

"ฉันแค่มาย้ำอะไรนิดหน่อย ให้พวกเขารีบส่งผลตรวจออกมาให้เร็วที่สุด" ซูเจี้ยพูดอย่างผ่านๆแล้วเปลี่ยนประเด็นว่า "เธอออกมาหรือยัง?"

"ยังเลย" เหยาเหม่ยส่ายหัวตอบ

หลังจากไป๋มู่ลิงตรวจเสร็จทั้งสามก็กลับมาที่ร้านกาแฟหน้าโรงพยาบาลเหมือนเดิม

เพื่อที่จะไม่ให้ตัวเองคิดมากแล้วเพื่อที่จะพัฒนาความสัมพันธ์กับซูเจี้ยไป๋มู่ชิงเลยขยับนิ้มที่จับแก้วอยู่ไปทางซูเจี้ยที่เล่นโทรศัพท์อยู่ "เสี่ยวเจี้ย เธอกับสามีเป็นยังไงบ้าง?"

ซูเจี้ยแต่งงานกะทันหันเมื่อปีก่อน แถมยังได้แต่งกับบิ๊กบอสอีก

ถึงไป๋มู่ชิงจะไม่เคยเจอบิ๊กบอสที่ว่า แต่เธอฟังจากเหยาเหม่ยว่าเป็นคนที่ดูหล่อดูดีดูรวยมาก

แต่พอเธอเอ่ยถึงขึ้นปุ๊บ เหยาเหม่ยก็รีบขยิบตาใส่เธอ เธองงไปพักหนึ่งค่อยรู้ตัวว่าตัวเองเผลอแตะระเบิด

ซูเจี้ยกัยบิ๊กบอสไม่มีความสัมพันธ์อะไรกันมาก อยู่ด้วยกันได้คงแปลกแล้วล่ะ

"ขอโทษ……"ไป๋มู่ชิงเอ่ยขึ้น

แต่ซูเจี้ยกลับยกมือขึ้นไปทางประตู ก็พบว่ามีพยาบาลคนหนึ่งกำลังวิ่งมาทางนี้

"คุณหญิงน้อย นี่คือผลอัลตราซาวด์ค่ะ" พยาบาลยื่นซองมาให้ซูเจี้ย ซูเจี้ยใช้ค้างหันไปทางไป๋มู่ชิง พยาบาลเลยยื่นไปให้ไป๋มู่ชิงแทน

ไป๋มู่ชิงมองไปที่ซองที่พยาบาลยื่นให้ แล้วลังเลครู่หนึ่งก่อนจะยื่นมือไปรับซองนั้นมา แต่เธอก็ยังไม่กล้าเปิดดู เพราะกลัว เลยไม่กล้าเปิดดูสักที

สุดท้ายเธอก็ยัดซองผลตรวจไปในมือของเหยาเหม่ย พร้อมพูดว่า "เสี่ยวเหม่ย เธอช่วยบอกฉันทีว่าเด็กปกติดี ขอร้องล่ะ"

เหยาเหม่ยรับซองผลตรวจมาอย่างไม่เต็มใจ เธอก็ลำบากใจมากเหมือนกัน

พอเห็นใบหน้าเธอที่กังวลจนซีดขาวของเธอ เหยาเหม่ยก็รู้สึกถึงลางร้ายที่ไม่อยากเห็น จากนั้นก็ถอนหายใจเบาๆแล้วกวาดมองผลตรวจในซองนี้

"มู่ชิง ยอมรับความจริงเถอะ" เธอวางผลตรวจลงแล้วเข้าไปกอดเธอไว้ "ไม่ดีก็คือไม่ดี จะตรวจอีกกี่รอบมันก็เหมือนเดิม"

เธอรู้สึกว่าน้ำตาของไป๋มู่ชิงไหลลงไหล่ไม่หยุด เธอเองก็เสียใจเหมือนกันจากนั้นก็กอดเธอให้แน่นขึ้น

ไป๋มู่ชิงร้องไห้อย่างไม่มีเสียงสักพักก่อนจะผลักนัวออกจากเหยาเหม่ยแล้วหันไปพูดกับซูเจี้ยว่า "ขอโทษนะ ฉันดื้อดึงทำลำบากเธอขนาดนี้"

ใบหน้าของซูเจี้ยก็แสดงถึงความเห็นใจเล็กน้อยก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า "เธอยังสาว รอบำรุงร่างกายอีกหน่อยค่อยท้องอีกครั้งก็ได้"

"ขอบใจนะ พวกเธอกลับก่อนเลย"

"มู่ชิง เธอยังดีใช่ไหม?" เหยาเหม่ยยื่นไปจับมือเธอไว้ "ฉันจะอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนเธอเอง"

"ไม่เป็นไร ฉันอยากอยู่เงียบๆคนเดียวหน่อย" เธอพูดพร้อมพยายามกั้นน้ำตาไว้

เหยาเหม่ยยังอยากพูดอะไรต่อ แต่ซูเจี้ยก็ลุกขึ้นจากโซฟา "ฉันขอกลับก่อนนะ" พูดจบก็หันหลังเดินออกไปจากประตูร้านกาแฟ

เหยาเหม่ยหันมองไปที่ซูเจี้ย แล้วมองไปที่ไป๋มู่ชิง สุดท้ายก็เลือกที่จะออกจากร้านกาแฟไป

ไป๋มู่ชิงนั่งอยู่บนโซฟาคนเดียว แสงอาทิตย์อ่อนอ่อนส่องเข้ามาจากกระจก แต่เธอไม่รู้สึกถึงความอบอุ่นเลย

ตั้งแต่ฟ้ายังสว่างจนฟ้ามืด น้ำในแก้วเย็นไปแก้วแล้วแก้วเล่าโทรศัพท์ก็ดังขึ้นซ้ำไปซ้ำมาจนทำให้ลูกค้าโต๊ะข้างข้างรำคาญเสียงจนต้องพูดเตือนเธอ เธอถึงจะหันไปมองโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะบนหน้าจอแสดงรายการมีสายที่ไม่ได้รับ 10 กว่าสายส่วนนึงหนานกงเฉินโทรมา บางส่วนก็เป็นคนในตระกูลหนานกงโทรมาแถมยังมีเบอร์ของซูวยาหยงด้วย

มองไปที่เบอร์พวกนี้ เธอรู้สึกว่าอยากจะหายตัวไป ไม่ให้พวกเขาตามหาตัวเธอเจอเลย!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด