เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด นิยาย บท 99

"นี่……คุณชายเฉิน……" ซูวยาหยงรีบวิ่งขึ้นไปขวางทางเขาไว้พร้อมเอ่ยด้วยสีหน้ารีบร้อน "คุณชายเฉินกลับไปเถอะค่ะ ยิ่งอันอารมณ์ไม่ดีเธอแค่อยากออกไปเที่ยวเล่นเท่านั้น เธอ……"

หนานกงเฉินมองเธอด้วยสีหน้าเยือกเย็น "ถึงจะออกไปเที่ยวเล่นแต่ก็ควรทำแท้งให้ผมก่อน"

ซูวยาหยงหมดคำพูด ไม่รู้จะพูดยังไงต่อ

ไป๋มู่ชิงยืนต่อแถวกำลังผ่านจุดตรวจจากนั้นเธอก็เปิดเครื่องโทรศัพท์ ทีแรกเธอแค่อยากรู้ว่าคนของตระกูลหนานกงตามหาเธอขนาดไหน แต่ก็มีสายเรียกเข้าของเหยาเหม่ยเด้งขึ้นมา

ทันทีเธอกดรับสายไป เหยาเหม่ยพูดขึ้นด้วยเสียงสะอึกสะอื้น "นี่เธอเปิดเครื่องสักที ฉันโทรหาเธอจนนิ้วฉันจะหักแล้ว ฉัน……"

"ทำไมเหรอ? เกิดอะไรขึ้น?" ไป๋มู่ชิงพูดแทรกเสียงเธอ

"หนานกงเฉินเขาเลวมาก! เขาไม่ใช่คนแล้ว! เขาบอกว่าถ้าฉันไม่ยอมบอกว่าเธออยู่ที่ไหนเขาจะ……จะ……"

"เธอบอกเขาแล้วเหรอ?"

"อือ……"เหยาเหม่ยพยักหน้าอย่างรู้สึกขอโทษนะฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันขอโทษ……"

ไป๋มู่ชิงยืนอึ้งไป แล้วรีบวางสายมองไปที่แถวที่เธอต่ออยู่ ยังเหลืออีกสองคนก็จะถึงตาเธอแล้ว ขอแค่ผ่านจุดตรวจแล้วขึ้นเครื่องไป หวังว่าเขาจะมาไม่ทัน

ไป๋มู่ชิงหลับตาลง แล้วก็ภาวนาในใจ แต่พอหันหลังไปแล้วมองทะลุผู้คนเธอก็เห็นหนานกงเฉินกำลังก้าวเดินตรงมาที่เธอพร้อมสายตาที่เยือกเย็นจองมาที่เธอ

แน่นอน เขาเห็นตัวเธอแล้ว เขาให้ความรู้สึกที่ว่าจะจับตัวเธอกลับไปให้ได้

เธอรีบมองไปที่จุดตรวจแล้วหันมองไปที่หนานกงเฉิน ถึงแม้ตอนนี้เธอจะผ่านจุดตรวจไปได้แต่ก็ไม่รอดพ้นน้ำมือของเขาอยู่ดี เพราะฉะนั้น เธอก็ไม่หวังว่าจุดตรวจนี้จะทำให้เธอรอดไปได้ แต่เป็น……

ณ เวลานั้นเธอก็ไม่รู้ว่าเธอจะทำตยังไงดีเพราะเขาเดินผ่านผู้คนมาทางเธอแล้ว

ด้วยสถานการณ์ที่เร่งด่วนเธอเลยเลือกเดินทะลุผู้คนไปฝั่งขวาแล้ววิ่งหนีเขา

พอหนานกงเฉินเห็นเธอวิ่งหนีก็รีบวิ่งตามขึ้นไปพร้อมสั่งเสียงเข้มว่า "ไป๋ยิ่งอันหยุดเดี๋ยวนี้นะ!"

ไป๋มู่ชิงไม่สนคำสั่งเขา เป็นเพราะตัวเธอเล็กเลยสามารถเบียดกับผู้คนในสนามบินแล้ววิ่งไปที่ประตูทางออกได้ง่าย แต่หนานกงเฉินเป็นผู้ชายก็ไม่สะดวกมากนักที่จะเบียดเสียดกับผู้คน รอเขาฝ่าผู้คนออกมา ไป๋มู่ชิงก็วิ่งออกประตูด้านข้างไปแล้ว

"ไป๋ยิ่งอันเธอได้ยินหรือเปล่า? หยุดเดี๋ยวนี้!" หนานกงเฉินโกรธจนเร่งก้าวขาให้เร็วกว่าเดิมแล้ววิ่งตามไป

พอวิ่งออกประตูด้านข้างไปก็จะเป็นสะพานที่เชื่อมไปยังอาคารผู้โดยสาร แต่นี่เป็นสะพานที่สร้างขึ้นใหม่ พอไป๋มู่ชิงวิ่งถึงครึ่งทางก็เพิ่งรู้ว่าวิ่งต่อไปไม่ได้เพราะมันเป็นทางตัน ก็แสดงว่าเธอ………เธอจะหนีไม่รอดแล้ว

เธอถูกบังคับให้หยุดวิ่ง แล้วหันมองไปมองหนานกงเฉินที่กำลังวิ่งตามตัวเธออย่างหอบเหนื่อย

หนานกงเฉินก็หยุดก้าวขาเหมือนกัน แต่เมื่อเทียบกับอาการหอบเหนื่อยของเธอเขากลับไม่มีเลย แถมยังดูดีเหมือนสุภาพบุรุษ

"ทำไม? ไม่วิ่งต่อล่ะเ?" เขายิ้มมุมปาก รอยยิ้มแฝงด้วยความเยาะเย้ย

เขาเดินก้าวมาช้าๆ ไป๋มู่ชิงก็ถอยก้าวไปอย่างไม่รู้ตัวแล้วชนเข้ากับเสาพร้อมมองเขาด้วยสายตาเกรงกลัว "คุณอย่าเข้ามา"

หนานกงเฉินแบมือให้อย่างไม่แยแส "ผมไม่ก้าวไปก็ได้ แต่คุณต้องเดินมาหาผม"

"คุณอย่าบังคับฉัน" ไป๋มู่ชิงมองไปที่ท่าทางประกาศชัยชนะของเขาจนน้ำตาเอ่อล้นขึ้นขอบตา "ถ้าคุณยังบังคับฉันอีก……ฉันจะกระโดดลงไป!" เธอใช้นิ้วชี้ไปที่นอกรางกั้นของสะพาน

ซูวยาหยงที่วิ่งตามมาด้วยพอดียินเธอบอกว่าจะกระโดดลงไปก็รีบตะโกนขึ้นอย่างเป็นห่วงว่า "อย่านะลูก อย่าใจร้อนนะ มีอะไรเราคุยกันได้……!"

ถ้าเธอกระโดดลงไปแบบนี้แล้วเกิดพิการไม่ก็ตายยิ่งอันทำยังไงล่ะ?

เธอมองไปที่คนข้างหน้าทั้งสองแล้วรู้สึกปวดใจ ทำไมคนข้างกายเธอถึงได้อำมหิตเลือดเย็นขนาดนี้? ทำไมเธอไม่ได่พบกับคนที่จริงใจบ้าง?

เธอตะคอกใส่พวกเขาด้วยความหมดหวัง "พวกคุณหยุดบังคับฉันเถอะ! ไซหัวไปซะ!"

"ยิ่งอัน ลูกอย่าทำอย่างนี้เลย ลูกใจเย็นหน่อย……" ซูวยาหยงเดินไปที่ข้างตัวหนานกงเฉินพร้อมเอ่ยด้วยสีหน้าน่าสงสาร "คุณชายเฉินคะ ขอร้องคุณให้พายิ่งอันกลับมาอย่างปลอดภัย ฉันมีลูกสาวคนเดียว ขอร้อง……"

หนานกงเฉินมองไปที่ไป๋มู่ชิงที่กำลังร้องไห้อย่างเจ็บปวด คิ้วก็ขมวดเป็นปม เขามองออกว่าเธอหมดหวังสิ้นหวังแค่ไหนแต่เขาจะตามใจให้เธอหาสักที่เราหลบซ่อนตัวเองไว้ไม่ได้ เขาให้โอกาสเธอไม่ได้จริงๆ

เขาก้าวเดินไปข้างหน้าก้าวเล็กๆพร้อมมองเธอด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก "งั้นเธอจะเอายังไง?"

"ฉัน……" ไป๋มู่ชิงสะอึกสะอื้นไปพร้อมเช็ดน้ำตาบนใบหน้าไปด้วย "ฉันจะเก็บเด็กคนนี้ไว้ ถึงฉันต้องใช้ชีวิตฉันเข้าแลกในการดูแลเขาก็ตาม"

"คุณไม่รักษาสัญญา?"

"ใช่ ฉันไม่รักษาสัญญา" ไป๋มู่ชิงพูด เธอไม่สนหรอกว่าจะรักษาหรือไม่รักษาสัญญานี้ ในใจเธอคิดแค่ว่าจะเก็บชีวิตเด็กคนนี้เอาไว้ เธอจ้องไปที่เขาด้วยสายตาที่มุ่งมั่นกว่าเดิม "ถ้าคุณจะบังคับให้ฉันทำแท้งจริงๆ ฉันก็จะกระโดดลงไปจากที่นี่"

"ไม่นะ อย่ากระโดดนะ" ซูวยาหยงรีบเอ่ยขึ้นอย่างรีบรน

สีหน้าของหนานกงเฉินเข้มขึ้น "คุณขู่ผมเหรอ?"

"ใช่ ฉันขู่คุณ" ไป๋มู่ชิงไม่เหลืออะไรแล้ว

"งั้นก็ลองดูว่าคุณจะขู่ผมได้หรือเปล่า" หนานกงเฉินพูดในลำคอ "ถ้าภายใน 10 วิคุณยังไม่กระโดด งั้นก็กลับไปทำแท้งกับผมที่โรงพยาบาล"

"คุณ……" ไป๋มู่ชิงหมดหวังจนต้องสูดหายใจเข้าลึกๆ

ผู้ชายคนนี้ช่างน่ากลัวเหลือเกิน เธอไม่ใช่คู่แข่งเขาแน่

"ยิ่งอัน ทำแท้งดีๆตามที่คุณชายเฉินบอกเถอะ นะ เชื่อฟังแม่นะ" ซูวยาหยงโน้ทน้าวหนานกงเฉินไม่ได้แล้วมาพูดกับไป๋มู่ชิงแทน "ยิ่งอัน นั่นเป็นชีวิตเด็กคนนึงเลยนะ เธอจะคิดว่าพนันสักตั้งไม่ได้นะ ถ้าเขาคลอดออกมาแล้วตายล่ะ? เธอสมควรเหรอ?"

ไป๋มู่ชิงฟังไม่เข้าหูกับสิ่งที่ซูวยาหยงพูดหรอก เพราะเธอรู้ดีว่าทั้งหมดที่ซูวยาหยงพูดมาก็เพื่อไป๋ยิ่งอันเท่านั้น เพื่อเธอเท่านั้น!

แถมน้ำตาแห่งความตกใจบนหน้าเธอคงไม่มีแม้แต่ซักหยดที่ไหลเพื่อลูกเลี้ยงคนนี้หรอก

เธอจ้องมองไปที่หนานกงเฉิน เห็นว่าเขาอาปากนับเลขอย่างใจดำเยือกเย็น" สิบ เก้า แปด……"

เธอจับราวกั้นไว้แน่นจนรู้สึกได้ยินเสียงกระดูก ในใจก็เต้นสั่นรัวไปหมด แต่ตัวเลขที่เขานับยิ่งเข้าใกล้ทุกที "……สี่ สาม สอง……"

เมื่อเขานับเลขหนึ่งออกมา ไป๋มู่ชิงก็กั้นใจแล้วกระโดดข้ามราวกั้นออกไป

"อ๊าย! ไม่นะ!" ซูวยาหยงกรีดร้องอย่าตกใจ

ไป๋มู่ชิงหลับตาลงร่างกายก็พุ่งลงไปข้างล่าง แต่เมื่อเธอคิดว่าตัวเธอจะตกลงไปข้างล่างแล้วถูกรถชนข้อมือกับแน่นขึ้นมาแล้วร่างกายก็นิ่งอยู่กลางอากาศยังนั้น

เธอเงยหน้าขึ้นมองหนานกงเฉินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยน้ำตา "หนานกงเฉิน คุณให้ฉันเลือกเอง คุณไม่รักษาคำพูด"

"สำหรับคุณ ผมต้องรักษาด้วยเหรอ?" หนานกงเฉินจับข้อมือเธอแน่นขึ้น

เธอใช้มืออีกข้างพยายามจะแกะมือเขาออกให้เขาปล่อยมือจนถึงขั้นแคะมือเขาจนเลือดไหล แต่เสียดายที่ฝ่ามือเค้าจับแน่นเหมือนติดกาวไว้ไม่ว่าเธอจะพยายามแกะยังไงก็แกะไม่ออก

เธอต้องรวบรวมความกล้าแค่ไหนกว่าจะกล้ากระโดดลงมา แต่เขากลับขโมยโอกาสที่เธอจะได้เป็นอิสระไป ทำไมเขาถึงเลือดเย็นหน้าด้านขนาดนี้?

"แน่จริงคุณก็ปล่อยฉันสิ……" เธอมองเขาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตา

หนานกงเฉินไม่ได้ปล่อยมือเธอแตกกลับใช้แรงดึงเธอขึ้นมาจากราวกั้นสะพาน ไป๋มู่ชิงร้องขึ้นก่อนล้มลงไปในอ้อมกอดเขา

เขาจับข้อมือเธอไว้แล้วอีกข้างก็โอบเอวเธอแล้วกอดเธอไว้อย่างนั้นจากข้างหลังแน่นๆ ใบหน้าอันหล่อเหลาวางอยู่ที่ไหลเธอพร้อมพูดเสียงต่ำข้างหูเธอว่า "เธอชนะแล้ว……"

ใช่ เธอชนะแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่มีผู้หญิงคนอื่นมาบังคับจนเขาแพ้

เพราะเขาไม่อยากให้เธอตาย เพราะมีคนเคยพูดกับเขาว่าถ้าคุณรู้สึกแคร์ใครสักคนเมื่อไหร่ ก็แสดงว่าคุณแพ้เธอแล้ว แต่ก่อนเขาแพ้ให้กับผู้หญิงที่ชื่อว่าคุณหนูจู และตอนนี้ เขาก็แพ้ให้กับคนตรงหน้าอีกครั้ง

เขาไม่รู้ว่าทำแบบนี้ถูกหรือเปล่า แต่ไม่ว่าจะถูกหรือผิด เขาก็จะดื้อดึงแบบนี้ต่อไป

พอไป๋มู่ชิงได้ยินสิ่งที่เขาพูดแล้วรู้สึกได้ว่าริมฝีปากเค้ากำลังเอ่ยพูดอยู่ที่ข้างหู เธอตกใจจนหยุดร้องไห้ เธอหูฝาดหรือเปล่า? เธอกำลังฝันหรือเปล่า? ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าหนานกงเฉินกำลังกอด กำลังจูบ แล้วยอมแพ้กับเธอ?

เธอเงยหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาขึ้นมองเขาช้าๆ เพื่อที่จะสังเกตสีหน้าที่เขาแสดงออกมา

"นายตกลงที่จะให้ฉันเก็บเด็กคนนี้ไว้แล้ว?" ไป๋มู่ชิงถามเขาเสียงเบา

"คุณขู่ผมถึงขั้นนี้แล้ว ผมยังมีสิทธิ์พูดอะไรอีกหรอ?" หนานกงเฉินมองก้มลงมาบนใบหน้าเธอ เขาที่เพิ่งได้สติก็ค่อยๆเปลี่ยนสีหน้าให้เย็นชาเหมือนเดิม

"ขอบคุณนะ……" น้ำตาเอ่อล้นออกมาจากตาเธอมากกว่าเดิม ครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพราะเสียใจ ไม่ได้เป็นเพราะกังวลใจ แต่เป็นเพราะดีใจกับตื้นตันต่างหาก

เธอไม่เคยคาดหวังเลยว่าหนานกงเฉินจะตอบตกลงให้เธอคลอดเด็กคนนี้ ทั้งตอนที่เด็กยังปกติ ไม่กล้าคาดหวัง ยิ่งตอนนี้ที่ปกติก็ยิ่งไม่กล้าคาดหวังมากกว่าเดิม ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายเขาก็ยอมตกลง เป็นเพราะเขา ผู้ชายที่เธอใจดำเลือดเย็นคนนี้

"ไปเถอะ กลับไปกับผม" หนานกงเฉินมองกวาดไปที่ผู้คนที่มามุงดูพร้อมอบไหล่เธอเข้ามาใกล้

ไป๋มู่ชิงยืนอยู่อย่างนั้นไม่กล้าขยับแถมยังใช้มืออีกข้างจับราวกั้นไว้

พอหนานกงเฉินรู้สึกถึงความผิดปกติของเธอเลยหันไปมองเธอ "เป็นอะไร?"

"คุณกำลังโกหกฉันหรือเปล่า?" ไป๋มู่ชิงถามขึ้นอย่างระมัดระวัง

เธอเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเขาเคยบอกว่ากับผู้หญิงที่ไม่รักษาคำพูดแบบเธอ เขาก็ไม่จำเป็นต้องรักษา ไม่ใช่เพราะว่าเขาจะหลอกเธอกลับไปแล้วบังคับเธอให้ไปโรงพยาบาลหรอ? จากนิสัยของเขา เรื่องแบบนี้เขาทำได้แน่นอน

หนานกงเฉินหันไปยิ้มกับเธออย่างมีเลศนัย "ถึงจะใช่ เธอยังมีโอกาสโต้ตอบอีกหรอ?"

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวอันดับที่เจ็ด