บทที่ 1113 ลองดูสิว่าชอบหรือไม่ชอบ
“ติดหนี้?”ซูจิ่วเลิกคิ้ว จู่ๆก็รู้สึกว่ามีบางเรื่องที่เธอยังไม่รู้ ทว่าเธอไม่ได้คิดจะซักไซ้ต่อไปและยิ้มให้เธอ “เอาเถอะ ฉันจะไม่ถามเธอมากแล้ว เธอเดินตรงไปข้างหน้า ประตูห้องสุดท้ายเป็นห้องทำงานของประธานหาน”
“ขอบคุณค่ะ”
“ฉันไปทานข้าวก่อนนะ”
ซูจิ่วโบกมือให้เธอและเดินตรงไป
หลังจากที่ซูจิ่วเดินจากไป เสี่ยวเหยียนก็สาวเท้าเดินไปข้างหน้าตามที่ซูจิ่วบอก เดินมาจนถึงประตูห้องสุดท้ายก็พบว่าประตูปิดอยู่ เสี่ยวเหยียนจึงเคาะประตู
“เชิญ”
เสียงแหบต่ำของผู้ชายที่ดังออกมาจากบานประตูกระแทกเข้าหัวใจของเสี่ยวเหยียน ในเวลาเดียวกันเสี่ยวเหยียนก็เริ่มประหม่าขึ้นอีกครั้ง แต่ก็ต้องรีบสงบสติอารมณ์ตัวเอง จากนั้นก็เดินเข้าไป
สายตาของหานชิงยังคงจ้องไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เมื่อได้ยินคนเคาะประตู เขาก็รู้สึกตัวและตอบกลับไปว่าเชิญคำเดียว จากนั้นก็ไม่ได้มองว่าคนที่มาคือใคร เขาแค่รอให้คนที่เข้ามาเอ่ยปากรายงานเขา
นี่คือเหตุการณ์ที่เป็นไปตามปกติ
แต่ใครจะรู้ว่าครั้งนี้เขารอนานได้สักพักก็พบว่าห้องทำงานเงียบเกินไป พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นสาวน้อยถือถุงใบหนึ่งยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานอย่างเชื่อฟังพลางมองเขาด้วยความกระวนกระวาย
เธอนี่เอง
มิน่าล่ะถึงได้เงียบขนาดนี้
“มาแล้วเหรอ?”
เขาเอ่ยปากถาม เสี่ยวเหยียนพยักหน้าแรงๆและพูดอึกอักด้วยความประหม่า “นั่นน่ะ ของคือ...วางไว้บนโต๊ะทำงานเลยเหรอคะ?”
หานชิงจำได้ว่าเมื่อก่อนเวลาที่สาวน้อยอยู่ต่อหน้าเขาจะร่าเริงมาก และทุกครั้งที่เจอเขา แววตาจะเป็นประกายเหมือนสัตว์เห็นของที่อยากได้ ท่าทีแบบนั้นเป็นความรู้สึกที่บริสุทธิ์
มันดูจริงใจจนน่ากลัว
แต่ตอนนี้? สาวน้อยกำลังหลบตาเขา เวลาที่คุยกับเขาก็มักจะพูดอึกอักด้วยความประหม่า ซึ่งมันน่าอึดอัดมาก
นี่อาจเป็นเพราะอิทธิพลของเขา
และการรับรู้แบบนี้ทำให้หานชิงไม่พอใจเล็กน้อย หากเธอกลายเป็นแบบนี้ต่อหน้าเขา ไม่เป็นธรรมชาติ ทั้งกังวลและกระวนกระวายใจ งั้นเขาก็ยังคงต้องเรียกสาวน้อยคนนี้ให้มาหาเพื่อเรียกความสดใสของเธอที่สูญเสียไปให้กลับมาเป็นดังเดิมสินะ?
ในขณะที่ครุ่นคิด หานชิงก็ลุกขึ้นพูดเบาๆ “ด้านนั้นมีโต๊ะ”
เสี่ยวเหยียนได้เพียงแต่เดินตามไปและวางถุงลงบนโต๊ะ เนื่องจากเห็นเขาอยู่พอดี ดังนั้นหลังจากที่เสี่ยวเหยียนวางถุงลงบนโต๊ะก็พูดออกมาว่า “งั้นฉันวางของไว้ที่นี่นะคะ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉัน...กลับเลยได้ไหม?”
เมื่อชายหนุ่มรูปงามที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเงยหน้าขึ้นมองหน้าเธอ เธอจึงถามด้วยน้ำเสียงระมัดระวัง
หานชิงมองเธอเงียบๆ แววตาคมกริบ
“เธอกลัวฉันมากเหรอ?”
เสี่ยวเหยียน “...เปล่า เปล่าค่ะ”
เธอจะกลัวเขาทำไม ก็แค่เกร็งเท่านั้นเอง เนื่องจากรู้สึกอายกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้
“ไม่กลัว งั้นทำไมต้องรีบไปด้วยล่ะ?”
ดังนั้นเสี่ยวเหยียนจึงทำได้เพียงแค่เดินไปนั่งบนโซฟาข้างหน้าเขาโดยใช้มือวางบนเข่าและนั่งตัวตรงเหมือนลูกศิษย์ตัวน้อย เพื่อพิสูจน์ตัวเองว่าไม่ได้กลัว
“ฉันไม่ได้รีบไป ฉันแค่คิดว่าไม่ควรอยู่ที่นี่รบกวนคุณตอนทานข้าวก็เท่านั้นเอง ถ้าคุณไม่ได้คิดอะไร ฉันก็จะนั่งตรงนี้”
“อืม”
หานชิงไม่ปฏิเสธเธอ จากนั้นเขาก็เริ่มกินต่อหน้าเธอ เมื่อเห็นเขากินข้าวแล้วยังมีความสง่าผ่าเผย ทั้งโครงหน้าอันหล่อเหลาของเขายังสวยงามเป็นพิเศษ ในขณะที่กินข้าวริมฝีปากบางก็ปิดสนิท ริมฝีปากสีเข้มหน่อยๆ แต่ไม่ใช่สีที่น่าเกลียด ในทางกลับกันมันเข้ากับบุคลิกของเขามาก
เสี่ยวเหยียนมองด้วยความเคลิบเคลิ้มพลันนึกถึงตอนที่ตัวเองบังคับจูบเขาก่อนหน้านั้น
ในเวลานั้นเธอยังเป็นสาวน้อยที่ไร้ซึ่งความกลัวใดๆ เมื่อโดนปฏิเสธก็ยังพยายามทำต่อไปโดยไม่ย่อท้อ แล้วตอนนี้ล่ะ? พอมองย้อนกลับไป เธอก็รู้สึกตอนนั้นตัวเองน่ากลัวมาก
ถ้าเธอชอบใครอีกครั้งและให้เธอต้องไปทำเรื่องที่สูญเสียความภาคภูมิใจตัวเองแบบนั้น เธอทำมันไม่ลงจริงๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่