สรุปตอน บทที่1419 คุณใจเย็นลงหน่อย – จากเรื่อง เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ โดย สือหวู
ตอน บทที่1419 คุณใจเย็นลงหน่อย ของนิยายนิยาย จีนเรื่องดัง เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่ โดยนักเขียน สือหวู เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
บทที่1419 คุณใจเย็นลงหน่อย
คิดมาถึงตรงนี้ สีหน้าของเสี่ยวเหยียนก็ดูมีอาการเข้าใจยากออกมาเล็กน้อย
เธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองคิดยังไง จู่ๆก็เงยหน้าขึ้นมองหานชิงไปแวบนึง “เอ่อ ด้วยอายุคุณแล้วเรื่องทางด้านความสามารถในการควบคุมตัวเองพวกนั้นก็ยังดีอยู่ไม่ใช่หรอ? หรือว่าจะเหลือบ่ากว่าแรงไปหน่อย?”
พอหานชิงกลัดกระดุมเสื้อเชิ้ตกลับไป เตรียมที่จะนั่งลงกินข้าว ได้ยินคำพูดนี้ของเสี่ยวเหยียน แววตาก็เปลี่ยนไปทันที
“เธอว่าอะไรนะ?”
สายตาอย่างนี้ เสี่ยวเหยียนรู้ตัวขึ้นมาทันทีว่าตัวเองเตะถูกแผ่นเหล็กเข้าให้แล้ว ก็ได้ก้มหน้าลงกินข้าวทันที “ไม่ ไม่มีอะไร”
หลังจากที่ก้มหน้าลงไปหน้าของเธอก็ปรากฏสีหน้าของความเสียใจที่ได้ทำผิดไป เสียใจภายหลังจะตายอยู่แล้ว เมื่อกี้นี้ทำไมเธอถึงได้พูดพล่อยๆอย่างนั้นออกไปกันนะ? ยังไงหานชิงก็เป็นผู้ชาย สมรรถภาพของผู้ชายถ้าถูกสงสัย จะต้องทำร้ายเขาเข้าแน่ๆ
เฮ้อ เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอเป็นอะไรไป หรือว่าช่วงนี้จะถูกเขาตามใจจนนิสัยเสียไปแล้วงั้นหรอ ก็เลยเริ่มทำตัวกำเริบเสิบสาน ไม่ว่าจะคำพูดอะไรก็กล้าพูดออกมาหมด?
คนตรงหน้าไม่มีปฏิกิริยาใดๆออกมา เสี่ยวเหยียนจึงได้เงยหน้าขึ้นไปด้วยอาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออก พร้อมดันอาหารไปตรงหน้าเขา “กินข้าวก่อนเถอะ”
พูดจบก็รีบก้มหน้าลงทันที เดิมทีไม่กล้ามองตาหานชิงเลยแม้แต่น้อย เมื่อกี้นี้เธอรนหาที่ตายจริงๆ หวังว่าหานชิงอย่าคิดมากเลยก็ดี
สิ่งที่น่ายินดีก็คือ หลังจากนั้นหานชิงไม่ได้พูดประเด็นนี้กับเธอต่ออีก นั่งลงกินข้าว สีหน้าไร้อารมณ์ เสี่ยวเหยียนลอบมองเขาเล็กน้อย คิดว่าเขาคงไม่ใส่ใจ หรือไม่ก็บนใบหน้าไม่ได้แสดงออกมาก็เท่านั้น
ทั้งสองคนกินข้าวเสร็จกันไปเงียบๆ ในระหว่างนั้นเสี่ยวเหยียนก็เอาแต่คิดเรื่องความรู้สึกของหานชิงในตอนนี้ ก็เลยลืมเรื่องเมื่อกลางวันไปหมด
หลังจากที่กินข้าวเสร็จ เสี่ยวเหยียนนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม่ขยับเขยื้อน หานชิงลุกขึ้นเก็บตะเกียบถ้วยชามไปนิ่งๆ เสี่ยวเหยียนเดิมทีก็อยากลุกขึ้นช่วย แต่พอคิดดูแล้ว ก็คิดว่าให้เขาทำไปน่าจะดีกว่า ดูสักหน่อยว่าระดับความอดทนที่เขามีต่อตนนั้นจะสูงแค่ไหน
จนตอนที่หานชิงยกของออกไป เสี่ยวเหยียนก็หนีไปนอนอยู่บนโซฟา เพียงไม่นานเธอก็รู้สึกว่าง่วงขึ้นมานิดหน่อย ตอนที่หนังตาจะปิดเหล่ไม่ปิดเหล่อยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของหานชิงเดินกลับมา
เสียงฝีเท้ายิ่งใกล้เธอเข้ามาเรื่อยๆ แต่หนังตาของเสี่ยวเหยียนหนักอึ้งขึ้นมาไม่ไหวแล้ว ไม่อยากจะลืมตาเลย
ทันใดนั้นเองร่างของเธอก็ลอยขึ้น เสี่ยวเหยียนตกใจออกมา ลืมตาออกมาด้วยความตื่นตกใจ สบเข้ากับดวงตาของหานชิง เธอก็นิ่งอึ้งไปเล็กน้อย
“เป็นอะไรไป?”
หานชิงอุ้มเธอเดินขึ้นไปชั้นบนโดยที่ไม่พูดอะไรเลยสักคำเดียว
เสี่ยวเหยียนไม่ทันได้ทำความเข้าใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเลย ตัวเธอก็ได้ถูกเขาอุ้มเข้าห้องเขาไป
ก่อนหน้าที่เขายังไม่ได้แต่งงานกันนั้น ถึงแม้ว่าจะอยู่ที่นี่ แต่ก็ได้แยกห้องนอนกันมาตลอด นี่เป็นครั้งแรกที่หานชิงอุ้มเสี่ยวเหยียนเข้าไปในห้องของเขา
ตอนที่ท้ายทอยของเธอสัมผัสเข้ากับหมอนนุ่ม เสี่ยวเหยียนจึงค่อยๆเข้าใจขึ้นมาว่าตกลงแล้วมันเป็นสถานการณ์ยังไงกันแน่
น่าเสียดายที่ตอนนี้เธอเพิ่งจะตอบสนองกลับไปสายเกินไปจริงๆ หานชิงได้เข้ามาจับข้อมือของเธอเอาไว้ ก้มหน้าลงเตรียมที่จะจูบเธอ
“เดี๋ยว เดี๋ยวก่อน!” เสี่ยวเหยียนร้องหยุดเขาไปอย่างร้อนรน แววตาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก “เอ่อ คุณใจเย็นหน่อย”
“เหลือบ่ากว่าแรง?”
แต่หานชิงกลับจ้องมองเธอพูดคำพวกนั้นออกมา สีหน้าดูมีเล่ห์เหลี่ยม พลางเลิกคิ้วออกมา “มันเหลือบ่ากว่าแรงหรือเปล่า คืนนั้นเธอยังไม่รู้อีกหรอ?”
เสี่ยวเหยียน “...”
รู้แล้ว เธอรู้ชัดเจนเลยล่ะ!
แต่ถึงแม้ว่าวันนั้นเขาจะเก่งสุดยอดมาก แต่หลังจากนั้นมาพวกเขาทั้งสองคนก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์ทำนองนั้นเกิดขึ้นเลย เธอก็เลยสงสัยอยู่พอสมควรเลยว่ามันคงเหลือบ่ากว่าแรงเขาก็เป็นเรื่องปกตินี่นา
แต่นี่จัดว่าเป็นศักดิ์ศรีของลูกผู้ชาย เสี่ยวเหยียนรู้ว่าตนได้พูดไม่ให้เกียรติเขาออกไปโดยไม่ตั้งใจ ตอนนี้เธอก็เลยทำได้เพียงคิดอยู่ว่าตัวเองสามารถพูดอะไรออกไปได้บ้างเพื่อกอบกู้ศักดิ์ศรีลูกผู้ชายของเขาให้กลับมา
ตอนที่เธอกำลังใช้ความคิดอยู่นั้นเอง หานชิงก็ได้เริ่มลงมือถอดเสื้อผ้าเธอแล้ว ความจริงเสี่ยวเหยียนก็รู้สึกตั้งตารออยู่บ้างเหมือนกัน เพราะถึงยังไงก็เป็นคนรักกัน แต่ตอนนี้เธอท้องอยู่ ยังไม่ถึงสามเดือนเลย เธอไม่อาจมีอะไรเกินเลยกับหานชิงได้
คิดมาถึงตรงนี้แล้ว เสี่ยวเหยียนกดลงไปบนมือที่ซุกซนของหานชิงเอาไว้ด้วยสติที่เตลิดเตลิง
แต่ หานชิงก็ไม่รีบร้อน เพราะถึงยังไงหนทางมันก็ยังยาวไกล เธอจะค่อยๆรู้ไป
หลังจากที่เสี่ยวเหยียนเดินออกไป หานชิงมองประตูทางเข้าเหมือนอย่างกับกำลังคิดอะไรอยู่ หลังจากที่ผ่านไปสักพักเขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมา
ตอนที่ซูจิ่วรับสายก็เหมือนจะหมดคำพูดอยู่เล็กน้อย
“ประธานหาน ตอนนี้มันเวลาเลิกงานแล้วไม่ใช่หรอคะ?”
“ช่วยฉันเช็กดูที่ที่เสี่ยวเหยียนไปช่วงสองวันนี้มาหน่อย”
ได้ยินอย่างนั้นแล้ว ซูจิ่วก็เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจขึ้นมาเล็กน้อย “ประธานหาน นี่อยู่ดีๆทำไมจู่ๆถึงได้อยากตรวจเช็กเบาะแสของเธอกันล่ะ? มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”
“หลังจากที่เช็กละเอียดแล้ว ก็เอาข้อมูลส่งมาในเมลฉันนะ”
“โอเคค่ะ”
หลังจากที่ซูจิ่ววางสายไปก็ยังรู้สึกแปลกใจอยู่ อยู่ดีๆทำไมถึงอยากสืบหาเบาะแสของเสี่ยวเหยียนกัน ทั้งสองคนไม่ใช่ว่าใกล้จะแต่งงานกันหรือไง? จู่ๆระหว่างนั้นก็จะมาอย่างนี้กัน หรือว่าระหว่างทั้งสองคนเกิดปัญหาอะไรกัน?
ซูจิ่วไม่กล้าถามต่อไปอีก ถึงยังไงก็เป็นคำสั่งของประธานหาน เธอก็ควรจะรีบทำให้เสร็จดีกว่า
สามีของเธอเห็นเธอวางสายโทรศัพท์ มองเธอไปด้วยสีหน้าคับแค้นใจ
“เป็นสายของเจ้านายคนนั้นของคุณอีกแล้วหรอ?”
หลังจากซูจิ่วเล่าสถานการณ์ออกไป สีหน้าของสามีของเธอก็ดูจนใจออกมา “คุณดูคุณสิ ทำงานที่บริษัทตระกูลหานเงินเดือนก็สูงมาก แต่ก็เหนื่อยมากเหมือนกัน ที่รัก ครอบครัวของพวกเราตอนนี้ก็ไม่ได้ขาดแคลนเงินทอง ถ้าคุณเหนื่อยก็รีบลาออกเสียเถอะ เงินของผมก็เพียงพอที่จะเลี้ยงครอบครัวพวกเราแล้ว”
คำพูดนี้พูดออกมาด้วยความอบอุ่นใจสุดๆ ให้ซูจิ่วรู้สึกว่าตนแต่งกับเขามาหลายปีก็ไม่นับว่าสูญเปล่าแล้ว อย่างน้อยเขาก็ยังรู้จักเป็นห่วงตนอยู่บ้าง
“เอาเถอะ ฉันยังไม่ได้พิการเสียหน่อย คุณไม่จำเป็นต้องเลี้ยงดูฉันหรอก อีกอย่างหลังจากที่ลูกโตแล้วส่วนที่จะต้องใช้จ่ายเงินก็เยอะแยะไปหมดนะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่