บทที่ 374 วิธีการยุยงปลุกปั่นให้เกิดความกดดัน
“ไม่อยู่ในสายตา?” ได้ยินแล้ว หานมู่จื่อยิ้มเบาๆ: “ฉันคิดว่าคุณคงจะเข้าใจผิดแล้วล่ะ ไม่มีคนอื่นในสายตา ไม่ใช่พวกคุณเหรอคะ? ฉันยังพูดอีกว่า ทุกท่านมาร่วมงานกับบริษัทของฉัน นับเป็นเกียรติของฉัน แต่ฉันไม่ชอบบังคับฝืนใจคนอื่น ไม่ว่าจะเรื่องงานหรือเรื่องความรู้สึก ก็ต้องทำด้วยความเต็มใจ ถ้าไม่เช่นนั้น......ถึงคุณจะอยู่บริษัทต่อไป ก็คงดีไซน์ผลงานออกมาได้ไม่ดีหรอก”
พูดได้ว่าหานมู่จื่อใช้วิธีการยุยงปลุกปั่นให้เกิดความกดดัน เพิ่มความกระตือรือร้น
คนพวกนี้แต่ละคนเย่อหยิ่งคิดว่าตนเองเก่งทั้งนั้น ใช้วิธีธรรมดาก็คงจะทำให้พวกเค้ายิ่งดูถูกและไม่เชื่อมั่นในตัวเธอเพิ่มขึ้นอีก
“พูดจาภาษาอะไร พวกเราทุกคนเป็นดีไซน์เนอร์ที่เก่งๆกันทั้งนั้น จะดีไซน์ผลงานได้ไม่ดีเพราะคุณได้ยังไง? ฮึ่ม ฉันอยากจะอยู่ต่อเพื่อดูสักหน่อยสิว่า เจ้านายใหม่อย่างคุณจะสามารถพาทีมงานอย่างพวกเราไปไกลได้แค่ไหน จะไหวหรือไม่ไหว” เลิงเยาเยานิสัยเย่อหยิ่ง ก็ต้องเป็นคนที่ไม่สามารถรับความยุยงและแรงกดดันได้
จางยู่กระพริบตา: “ฉันก็เหมือนกันกับเลิงเยาเยา”
หลี่จุ้นเฟิงสองมือกอดอก มองดูหานมู่จื่อด้วยสายตาที่ยิ้มแย้ม: “เจ้านายสวยๆ ผมชอบที่สุดเลย”
“ในเมื่อเยาเยาอยู่ต่อ ผมก็ต้องอยู่ต่อแน่นอน” หวังอานเดินไปยืนข้างๆเลิงเยาเยาเพื่อแสดงจุดยืน
ส่วนซูกั่วเอ๋อเป็นคนที่นิสัยอ่อนโยน อีกทั้งเธอยังชอบเงินเดือนที่ให้ ดังนั้นเธอไม่พูดอะไรมาก
แต่เซียวยียี รีบหันไปทางหนุ่มวัยรุ่นที่นั่งอยู่ด้านใน
“หลินเจิง คุณจะอยู่ต่อไหม?”
ดังนั้นทุกคนต่างหันไปมองที่เขา
หานมู่จื่อก็เพิ่งจะสังเกตเห็นหนุ่มที่นั่งอยู่ด้านใน ในที่สุดหนุ่มคนนี้ก็เงยหน้าขึ้นมา หน้าตาของเขาผอมเย็นชา แววตาหันมามองอย่างไม่มีความอบอุ่นเลย จากนั้นตอบอื่มคำเดียว
จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นเดินไปอีกห้องหนึ่ง
ทุกคน: “... ...”
ซูจิ่วเห็นแล้ว จึงเดินไปยืนข้างๆหานมู่จื่อ: “คนๆนี้ชื่อหลินเจิง เป็นคนที่เก่งที่สุดในนี้ แต่ว่านิสัยของเขาแปลกมาก”
“แปลก?” หานมู่จื่อขมวดคิ้ว นึกถึงหน้าตาของหนุ่มน้อยคนนั้น เหมือนจะเต็มไปด้วยความดื้อ: “แปลกยังไง?”
เสี่ยวเหยียนก็แปลกใจและเข้ามาฟังใกล้ๆ
“พูดว่าเค้าเป็นคนที่นิสัยหยิ่งล่ะก็ พูดว่าเป็นคนชอบความโดดเดี่ยวดีกว่า เขาไม่ชอบพูดคุยกับใคร ก่อนที่ฉันจะหาเขาเจอ เขาจะไปไหนมาไหนคนเดียว ฉันนึกว่าเขาสนใจยอมรับเพราะคำเชิญของตระกูลหาน ใครจะรู้ว่าเขาได้ยินค่าตอบแทนเงินเดือนแล้ว ตอบตกลงทันทีเลย”
ได้ยินเช่นนี้แล้ว หานมู่จื่อก็พยักหน้า
“ฉันเข้าใจแล้ว”
เสี่ยวเหยียนจับใบหน้าไว้และพูดว่า: “ถึงนิสัยจะแปลกหน่อย แต่หน้าตาก็หล่อนะ”
เซียวยียีที่อยู่ข้างๆได้ยินคำนี้แล้ว รีบออกเสียงพูด: “ฉันขอเตือนคุณนะ หลินเจิงเป็นของฉัน ห้ามคุณมาแย่งกับฉันเด็ดขาด!”
พูดจบแล้ว เธอหันตัววิ่งไปทางที่หลินเจิงเดินเข้าไปเมื่อสักครู่ วิ่งไปด้วยเรียกไปด้วย: “หลินเจิง คุณรอฉันหน่อยสิ!”
“คนนี้ชื่อเซียวยียี เอกสารพวกคุณก็เห็นแล้ว เธอเป็นคนมาหาฉันเอง เพราะว่าหลินเจิงจะเข้ามาที่บริษัทนี้ ดังนั้น.......เธอก็อยากเข้าร่วมทำงานที่นี่ด้วย”
“ชิ......” เสี่ยนเหยียนถูกว่าไปชุดหนึ่งโดยไม่ทันตั้งตัว พอซูจิ่วพูดเช่นนี้แล้วเธอเข้าใจขึ้นมาทันที “ที่แท้ก็เป็นแฟนคลับนี่เอง หลงใหลขนาดนี้จริงๆหรือ ถึงขนาดต้องวิ่งตามมาจนถึงบริษัทเลย” พูดจบ เสี่ยวเหยียนมองตามหลังของเซียวยียีแล้วรู้สึกอิจฉาขึ้นมานิดๆ
ทำไมคนอื่นตามจีบคนที่ตนเองรัก ช่างมีความกล้าหาญขนาดนี้?
แต่ว่าเวลาที่เธอมองเห็นชายในฝันที่ตนเองชอบเหมือนหนูเห็นแมวอย่างนั้น แค่ครู่เดียวก็วิ่งหนีหายตัวไปปั๊บ อีกทั้ง......ชายในฝันคงยังไม่รู้ว่าเธอวิ่งหนีทำไม ทั้งหมดนี้เหมือนว่าเธอกำกับและแสดงเองชัดๆ
คิดถึงเช่นนี้แล้ว เสี่ยวเหยียนรู้สึกเครียดมาก
คิดอยู่ในใจว่า ถ้าตนเองเป็นได้ครึ่งหนึ่งของเซียวยียี อ่อไม่......แค่ความกล้าหาญสักนิดเดียวก็ยังดี!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่