บทที่ 481 ศักดิ์ศรีของเธออยู่ที่ไหน
หลังจากหานมู่จื่อ กลับถึงตระกูลหาน ก็มุ่งตรงไปยังห้องครัว และทำการต้มโจ๊กด้วยตนเอง
เธอกำลังคิดว่า เย่โม่เซินบาดเจ็บแบบนี้ คิดว่าคงจะต้องกินอะไรที่อ่อนและมีรสจืด
และเธอยังคิดว่า เย่โม่เซินบาดเจ็บที่ด้านหลัง อย่างนั้นในตอนกลางคืนเขาจะนอนหลับได้อย่างไร แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะนอนลง ท้ายที่สุดการบาดเจ็บแบบนี้ การกดทับของบาดแผลมีแต่จะทำให้แผลแย่ลงอย่างแน่นอน
อย่างนั้นต้องนอนคว่ำหรือ
เมื่อนึกถึงเงาร่างที่สูงใหญ่นั้น อาจจะต้องนอนคุดคู้อยู่บนเตียงเล็กๆ ในห้องผู้ป่วย นอนคว่ำอย่างทรมาน ฉากที่สดใสแจ่มชัดฉากหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในความคิดของหานมู่จื่อ จากนั้นเธอก็กลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ได้
หลังจากหัวเราะอยู่ไม่กี่ที หานมู่จื่อก็รู้สึกว่าตอนนี้เขาแย่มากจริง ๆ ถ้าเขาไม่มาขวางสิ่งนี้ หลังของเขาก็คงไม่ต้องเจ็บแบบนั้น คนที่ต้องนอนอยู่ที่นั่น ก็คงจะเป็นเธอไม่ใช่เขา
อีกอย่าง ตอนนั้นถ้าเขาไม่เข้ามาขวางไว้แทนตัวเอง ใบหน้าและร่างกายของตัวเองก็คง...
ถ้าคิดให้ละเอียด ก็น่ากลัวมาก หานมู่จื่อไม่กล้าที่จะคิดต่ออีก ได้แต่ต้มโจ๊กให้เสร็จอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เอาโจ๊กใส่ไว้ในกระติกเก็บอุณหภูมิ คิดแล้วคิดอีกก็ได้ลงมือผัดเครื่องเคียงอ่อนๆ สองสามอย่างด้วยตัวเอง
ฝีมือของเธอนั้นเก่งไม่เบา เธอมักจะเข้าครัวทำอาหารอยู่เสมอ เพียงแต่มาลดน้อยลงเมื่อไม่กี่ปีนี่เอง เพราะฝีมือการทำอาหารของเสี่ยวเหยียนดีกว่าเธอมาก เสี่ยวหมี่โต้วก็ชอบรับประทานอาหารที่เธอทำ ดังนั้นเมื่อพวกเธออยู่ด้วยกันเสี่ยวเหยียนจึงเข้าครัวทำอาหารด้วยตนเอง
เพียงแต่แม้ว่าฝีมือจะผิดแปลกไป แต่กลับยังทำได้อยู่
หานมู่จื่อรีบจัดการสิ่งของต่าง ๆให้เรียบร้อย จากนั้นก็พร้อมจะออกไปพร้อมกับกระติกเก็บอุณหภูมิ
ขณะที่กำลังออกจากห้องครัวก็ได้เจอกับหานชิงที่มีสีหน้าเย็นชา
เผชิญหน้ากับดวงตาที่ดูรุนแรงนั้นของหานชิง หานมู่จื่อจึงได้นำกระติกเก็บอุณหภูมินั้นอ้อมออกไปอีกด้านด้วยความเกรงกลัว พยายามหลีกเลี่ยงสายตาของหานชิง
เพียงแต่มันจะมีประโยชน์อะไร หานชิงจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเธอกำลังคิดจะทำอะไรมีมี
ไม่ว่าเธอจะปกปิดหรือขัดขวางอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์อะไรมากมาย
เมื่อคิดถึงได้แบบนี้ หานมู่จื่อก็ได้แต่ยืนนิ่ง จากนั้นก็มองไปที่หานชิง
“พี่ชาย”
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ก็ยังคงต้องทักทายสักหน่อย
หานชิงเม้มริมฝีปากบาง สายตาเยือกเย็นเล็กน้อย “เธอยังจำได้ด้วยหรือว่าต้องเรียกฉันว่าพี่ชาย”
หานมู่จื่อ “ทำไมจะเรียกไม่ได้ล่ะ”
“ห้าปีก่อนใครเป็นคนทำร้ายให้เธอเป็นแบบนั้น เธอลืมไปแล้วหรือ” หานชิงจ้องมองอย่างไม่กะพริบตา จ้องมองเธออย่างแหลมคม “ห้าปี ผ่านไปห้าปี เธอก็ลืมเรื่องพวกนี้หมดแล้วหรือ ตอนนี้ยังจะคิดเอาของไปให้เขาต่อหน้าด้วยตัวเองอีกหรือ มู่จื่อ ศักดิ์ศรีของเธออยู่ที่ไหน”
“....อย่างนั้นพี่ชายคิดว่าฉันควรจะทำอย่างไรล่ะ คนคนนั้นเขาเข้ามาช่วยขวางแทนฉันทุกอย่าง จนตอนนี้ต้องบาดเจ็บนอนอยู่ในโรงพยาบาล หากว่าไม่ใช่เขา ตอนนี้คนที่ต้องนอนอยู่ที่นั่นก็คงเป็นฉัน คนที่ต้องเอาข้าวไปส่งให้ฉันก็อาจเปลี่ยนเป็นพี่ แต่ถึงอย่างนั้น พี่ก็คงจะขวางฉันอยู่ดี”
หานชิง: “อย่างนั้นเธอรู้อีกหรือเปล่าว่า ถ้าไม่ใช่เพราะเขา เธอก็คงจะไม่ต้องมาเดือดร้อนเพราะคนอื่น เธอยิ่งเข้าใกล้เขามากขึ้นอีก ความวุ่นวายเดือดร้อนพวกนี้ก็ยังต้องเกิดขึ้นอีก เขาอาจจะช่วยขวางให้เธอหนึ่งครั้ง แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะช่วยขวางให้เธอสองครั้ง สามครั้ง แม้กระทั่งช่วยขวางแทนเธอตลอดชีวิตอย่านั้นหรือ”
เมื่อได้ยินคำพรรณนาของคำว่าตลอดชีวิต หานมู่จื่อก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป
“ตอนนี้ฉันยังไม่อยากคิดถึงเรื่องนี้ ฉันไม่ได้คิดอะไรอย่างอื่นกับเขา แม้ว่าวันนี้คนที่ขวางแทนฉันจะไม่ใช่เขา แต่เป็นเพียงคนแปลกหน้าก็ตาม ฉันก็จะไปโรงพยาบาลเพื่อดูแลเขาเช่นกัน นี่คือมนุษยธรรม ไม่ได้มีความรู้สึกส่วนตัวใด ๆ”
หานชิงจ้องมองเธอ “เธอแน่ใจนะว่าไม่มีความรู้สึกส่วนตัว อย่างนั้นเธอจะต้องรับรองกับพี่ ว่าเธอจะไม่ไปเดินกับเขาอีกได้ไหม”
“ได้ ฉันรับรอง” หานมู่จื่อพยักหน้า “ตั้งแต่ไหนแต่ไรฉันไม่เคยคิดจะอยู่ร่วมกันกับเขา ดังนั้นเรื่องนี้พี่ชายไม่ต้องกังวล อีกอย่าง ฉันอยากจะบอกพี่ว่า ไม่ว่าฉันจะอยู่กับเขาหรือเปล่า ทุกอย่างก็เป็นเรื่องของฉัน ฉันสามารถที่จะจัดการกับมันได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่