บทที่483 การปฏิเสธมีประโยชน์อะไร
จนกระทั่งเย่โม่เซินรับประทานเสร็จ หานมู่จื่อก็เก็บข้าวของ ล้างกระติกเก็บอุณหภูมิ จากนั้นก็วางกลับไปบนโต๊ะ แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู
เป็นเวลาสองทุ่มแล้ว มองออกไปนอกหน้าต่าง ท้องฟ้าก็เริ่มมืดสนิทแล้ว
ก่อนที่จะมาเสี่ยวเหยียนได้บอกกับหานมู่จื่อไว้แล้ว ว่าเธอจะไปรับเสี่ยวหมี่โต้วเอง ให้เธอไม่ต้องเป็นห่วง
เย่โม่เซินที่อยู่ด้านข้างเธอเห็นว่าเธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เขาก็ขมวดคิ้ว “คุณจะกลับแล้วหรือ”
หานมู่จื่อได้ยินแบบนั้น ก็วางโทรศัพท์ลง จากนั้นก็เม้มริมฝีปาก “ฉันอยู่เป็นเพื่อนคุณที่นี่ ไม่ต้องกังวล”
เย่โม่เซินเลิกคิ้วขึ้น เหตุสุดวิสัยบางอย่าง คิดไม่ถึงว่าเธอคิดจะอยู่กับเขาด้วยตัวเอง เขายังรู้สึกว่า...คงจะต้องใช้ท่าไม้ตายอีกครั้งแล้ว
“อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่านายคิดอะไรอยู่” หานมู่จื่อพูดขัดจังหวะความคิดของเขา ดวงตาแทบจะมองเขาอย่างทะลุทะลวง “ไม่ใช่กลอุบายแบบนั้นหรือ ใช้มุกเดิมเป็นร้อยรอบแล้วไม่เบื่อหรือไง อย่างไรก็ตามนายก็ต้องมาบาดเจ็บแทนฉัน รู้ว่าตอนนี้ฉันหมดปัญญากับนายแล้ว ดังนั้นนายจึงได้แต่เอาเรื่องบาดเจ็บมาเป็นข้ออ้างไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นเลย”
พูดจบ หานมู่จื่อก็นั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ด้านข้าง รู้สึกเบื่อหน่ายอย่างมาก ดังนั้นเธอจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาอีกครั้ง และไม่รู้ว่าจะส่งข้อความไปให้ใคร
เย่โม่เซินถูกเธอพูดจี้ตรงจุด ไม่ได้โกรธอะไร ละก็ยังไม่รู้สึกอึดอัด
มองออกแล้วจะทำไม
แม้ว่าเขาจะรู้ว่าตัวเองทำแบบนี้จะดูต่ำทราม แต่...เพียงแค่ให้ได้มีเธออยู่ข้างกาย ต่ำทรามสักหน่อยจะเป็นอะไรไป
ขอเพียงท้ายที่สุด จะเป็นไปตามความตั้งใจของเขา
คิดถึงตรงนี้ เย่โม่เซินก็มีสายตาที่นิ่งลึกขึ้น
แม้ว่าหานมู่จื่อจะยังอยู่ต่อ แต่ก็ไม่ได้สนใจตอบสนองอะไรกับเขา ไม่มองเขาไปมากกว่านี้ และไม่มีการถามถึงอาการบาดเจ็บของเขาว่าเจ็บหรือไม่
เธอมองไปยังโทรศัพท์ เย่โม่เซินก็มองไปยังเธอ
มองไปมองมา ในใจของเย่โม่เซินก็รู้สึกไม่มีความสุข
การเป็นอยู่ของเขาเหตุใจจึงต่ำเพียงนี้ คิดถึงตรงนี้ เย่โม่เซินขึ้นเสียง
หานมู่จื่อได้ยินเสียงพึมพำ เงยศีรษะขึ้นอย่างไม่ตั้งตัว ทำให้ได้เห็นใบหน้าของเย่โม่เซินที่ขาวซีดและเต็มไปด้วยเหงื่อ เธอตกใจมากจึงรีบวางโทรศัพท์ และวิ่งเข้ามา
“นายเป็นอะไร บาดแผลแย่ลงหรือเปล่า เดี๋ยวฉันไปตามหมอให้นะ!”
พูดจบ หานมู่จื่อกำลังจะหันกลับไปตามหมอ แต่กลับถูกเย่โม่เซินเรียกห้ามไว้ “ไม่ต้อง”
หานมู่จื่อหันกลับมา “นายเจ็บไม่ใช่หรือ ทำไมถึงไม่ตามหมอมา บาดแผลเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ ฉันเรียกหมอมาตรวจดูหน่อย”
เธอไม่ให้โอกาสที่เขาจะปฏิเสธ รีบออกไปจากห้องผู้ป่วยอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เรียกหมอเข้ามา
บาดแผลของเขารุนแรงมาก ทันทีที่หมอได้ยินว่าเขามีอาการอื่นแทรกซ้อน จึงรีบตามมาตรวจเย่โม่เซินอย่างละเอียด จากนั้นก็ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “เกิดอะไรขึ้นหรือ ก่อนหน้านี้จัดการบาดแผลนี้เรียบร้อยแล้วไม่ใช่หรือ ทำไมถึงได้แย่ลง พวกคุณทำอะไรกัน”
ได้ยินแบบนั้น สีหน้าของหานมู่จื่อก็เปลี่ยนไป นึกถึงสิ่งที่เย่โม่เซินได้ทำก่อนหน้านี้ รู้แล้ว การกระทำพวกนั้นทำให้บาดแผลเขายิ่งแย่ลง แต่ใบหน้าของเจ้าบื้อนี้ยังดูสงบ ดูเหมือนจะไม่มีความเจ็บปวดอยู่ในดวงตาของเขาเลย
เมื่อเห็นว่าพวกเขาไม่ได้พูดอะไร หมอก็หันกลับมาสบตามอง จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ให้ผมจัดการสักหน่อย เพียงแต่ตอนกลางคืนจะต้องนอนคว่ำ อย่าให้สัมผัสกับบาดแผลอีก และอย่าทำอะไรที่อาจจะทำให้แผลฉีกขาด เพื่อไม่ให้บาดแผลเลวร้ายลงไปอีก บาดแผลนี้ค่อนข้างรุนแรง จะต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูสักระยะ หากเกิดเหตุการณ์แบบนี้บ่อยเกินไป และบาดแผลเกิดแย่ลงไปอีก อย่าได้โกรธผมนะที่ผมพูดตรงไปตรงมา”
หมอพูดอย่างเข้าใจได้ชัดเจนมาก หานมู่จื่อจะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นได้อย่างไร เธอพยักหน้า “ค่ะคุณหมอ ฉันจะจำไว้ ต่อไปฉันจะให้เขาระมัดระวัง”
จากนั้นหมอก็ได้จัดการกับบาดแผลแทนเธอ ในช่วงเวลานั้นสายตาของเย่โม่เซินยังคงจับจ้องไปยังหานมู่จื่อ ไม่เคลื่อนออกไปแม้แต่น้อย ดังนั้นจึงทำให้เข้าใจผิดว่าเขาสองคนเป็นคู่สามีภรรยา ก่อนที่จะออกไปก็ยังทิ้งคำพูดไว้ว่า “ดูแลสามีของคุณให้ดีล่ะ บาดแผลนี้จะใหญ่หรือจะเล็ก ก็อยู่ที่สาเหตุของโรค ต่อไปอาจจะยุ่งยากมากขึ้นก็ได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่