บทที่ 563 ผู้บงการอยู่เบื้องหลัง
เสี่ยวเหยียนจ้องมองเธอด้วยรอยยิ้มที่ดูคลุมเครือ
“ไม่ใช่สิ่งที่ฉันอยากจะให้ยุ่งเหยิง เป็นพวกเธอที่ทำเรื่องยุ่งเหยิง!”
หลังจากหยอกล้อเสร็จ เสี่ยวเหยียนก็ยังคงมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า แต่ในวินาทีถัดมารอยยิ้มบนใบหน้าของเธอกลับแข็งทื่อ ร่างกายก้าวถอยหลังไปหลายก้าวอย่างไม่รู้ตัว
เห็นท่าทางเธอเป็นแบบนี้ หานมู่จื่อก็เข้าใจได้ในทันที
แทบไม่ต้องหันกลับไป ก็มั่นใจว่าเย่โม่เซินจะต้องลงมาแล้วอย่างแน่นอน
คนที่สามารถทำให้เสี่ยวเหยียนแสดงสีหน้าที่หวาดกลัวออกมา มีเพียงคนเดียวคือเย่โม่เซิน
คิดถึงจุดนี้ หานมู่จื่อเดินตรงไปข้างหน้า มุ่งไปยังห้องครัวเพื่อหยิบชามกับตะเกียบ
เธอหยิบเพียงแค่ของตนเองคนเดียว เย่โม่เซินนั่งลงด้านข้างเธอ มองไปยังโต๊ะด้านหน้าที่ว่างเปล่า จึงเม้มริมฝีปากด้วยความไม่พอใจ
หานมู่จื่อพูดขึ้นมาโดยตรง “บ้านของพวกเราไม่มีคนรับใช้ของนาย ถ้านายอยากจะกินข้าวก็ต้องไปหยิบชามกับตะเกียบอาหารด้วยตัวเอง”
เห็นได้ชัดว่ามาจนถึงขั้นสุดท้ายแล้ว แต่กลับถูกขัดจังหวะ แม้ว่าเย่โม่เซินจะจัดการทุกสิ่งเรียบร้อยแล้วจึงลงชั้นล่าง แต่ลมหายใจในร่างกายของเขายังคงเยือกเย็นมาก การนั่งลงตรงนั้นได้ทำให้อุณหภูมิโดยรอบลดฮวบลงไปด้วย
เสี่ยวเหยียนได้ยินคำพูดของหานมู่จื่อ ก็พยักหน้าเห็นด้วย
หลังจากเพิ่งจะพยักหน้าเสร็จ เสี่ยวเหยียนก็รู้สึกได้ถึงลำแสงที่เยือกเย็นส่องตรงมายังตนเอง ทำให้เท้าของเธอหนาวเหน็บลงทันที จากนั้นก็ลามไปด้านหลัง
เผชิญหน้ากับสายตาอันอาฆาตแค้นของเย่โม่เซิน เสี่ยวเหยียนก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที
“ฉัน เดี๋ยวฉันไปหยิบช้อนกับตะเกียบให้ประธานเย่!
พูดจบไม่รอให้ฝ่ายตรงข้ามตอบสนอง เสี่ยวเหยียนก็ไปยังห้องครัวหยิบชามกับตะเกียบมาวางไว้ตรงหน้าของเย่โม่เซิน
“เย่ ประธานเย่ ชามกับตะเกียบของคุณ”
เห็นฉากเหตุการณ์นี้ หานมู่จื่อไม่พอใจอยู่เล็กน้อย
“ฉันบอกไปแล้วไม่ใช่หรือ ว่าบ้านของพวกเราไม่มีคนรับใช้ ถ้าหากนายต้องการให้มีคนมาปรนนิบัติให้นายละก็ อย่างนั้น อย่างนั้นก็ออกไปตอนนี้เลยสิ”
เย่โม่เซินเลิกคิ้วมองไปยังเธอ พูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
“ผมไม่ได้ให้เธอมาปรนนิบัติผม”
เสี่ยวเหยียนเป็นคนขัดจังหวะเรื่องอันงดงามของคนอื่น เมื่อมองไปยังสีหน้าของเย่โม่เซินก็ดูออกว่าเมื่อตะกี้นี้คงจะไม่เสร็จสิ้น หรือบางทีก็อาจจะเกือบเสร็จแต่ถูกเธอขัดจังหวะ
ดังนั้นออร่าของความแค้นและเยือกเย็นของร่างกายเขาจึงพุ่งตรงมาที่เธอ
เสี่ยวเหยียนกลืนน้ำลายอย่างประหม่า พยักหน้าอย่างคล้อยตาม “จริงนะ มู่จื่อ เธออย่าไปว่าประธานเย่เลย เขาเป็นลูกค้าของบริษัทเรา เป็นแขกของบ้านเรา เราควรจะรับรองเขาสิใช่ไหม ก็แค่หยิบชามกับตะเกียบเอง ไม่มีปัญหา”
หานมู่จื่อมองไปยังเสี่ยวเหยียนอย่างทำอะไรไม่ถูก ผู้หญิงคนนี้เปลี่ยนเร็วเกินไปแล้ว
เธอไม่ได้พูดอะไรอีก บนโต๊ะอาหารก็เงียบสนิทขึ้นมาเช่นกัน ต่างคนต่างกินข้าว ไม่ว่าตะเกียบของหานมู่จื่อจะไปที่ไหน เย่โม่เซินก็จะเลื่อนตะเกียบตามไปที่นั่น
พูได้ว่าเธอจะกินอะไร เขาก็จะกินตามนั้น
หานมู่จื่อหมดคำจะพูดกับเขา
ส่วนเสี่ยวเหยียน กลัวมากจนไม่กล้าจะคีบอาหารใด ๆมาด้วยซ้ำ ก้มหน้าก้มตาตักข้าวเปล่าที่อยู่ในจาน จากนั้นในขณะที่มองดูการตอบโต้กันของทั้งสองคนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม คิดอยู่ในใจ คนหนึ่งคนจะเปลี่ยนไปได้มากอะไรถึงขนาดนี้
เห็นได้ชัดว่าห้าปีก่อน เย่โม่เซินเป็นคนเย็นชาและเย่อหยิ่ง
แต่ตอนนี้ที่อยู่ต่อหน้าหานมู่จื่อ เขาดูเหมือนจะลบสิ่งเหล่านี้ทิ้งไปหมดแล้ว
ทันใดนั้น เสี่ยวเหยียนคิดคำพูดหนึ่งขึ้นมาได้
ในเรื่องความรัก ใครรักก่อนย่อมเป็นผู้แพ้
ตอนนั้นหานมู่จื่อรักเย่โม่เซินมากอย่างสุดซึ้ง ดังนั้นเธอจึงแพ้อย่างถึงที่สุด ไม่มีอะไรเหลือเลย ถึงกับเปลี่ยนชื่อสกุลไปอยู่ต่างประเทศ
จากนั้นตอนที่เธอตัดทุกอย่างออกไป ตอนนี้จะเป็นเย่โม่เซินแล้วหรือ
เพราะตอนนี้หานมู่จื่อไม่ได้ต้องการจะมีความพัวพันกับเย่โม่เซินอีกต่อไป แต่ความคิดของเย่โม่เซินเปลี่ยนไป ดังนั้น...ตอนที่อยู่ต่อหน้าหานมู่จื่อเขาจึงเปลี่ยนเป็นคนถ่อมตัว
เมื่อคิดถึงจุดนี้ เสี่ยวเหยียนก็เขี่ยข้าวเข้าปากอีกสองสามคำ รู้สึกหดหู่ใจเล็กน้อย
นี่ไม่ใช่เพียงเพราะเธอชื่นชอบหานชิง หลังจากนั้นยังไม่ทันจะได้สารภาพกลับถูกหานชิงปฏิเสธเสียก่อน จากนั้นเธอก็ยังไม่ยอมแพ้ที่จะคุยกับคนอื่น เธอไม่ได้ยินคำปฏิเสธของเขา
จากนั้น...ก็หน้าด้านที่จะชื่นชอบเขาต่อไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่