696 ไม่ได้รับการเปิดตัว
“พวกเขาล้วนรู้จักการเลือกรังแกคนที่อ่อนแอกว่ากันทั้งนั้น ไม่กล้ามาถ่ายที่บริษัทคุณ ก็เลยทำได้เพียงมาดักอยู่ที่หน้าประตูบริษัทของฉัน หรือว่าต่อไปฉันจะต้องไปที่บริษัทของคุณทุกวันงั้นหรอ?”
เย่โม่เซินกลับคิดว่าข้อคิดเห็นนี้ดูเหมือนว่ามันไม่เลวเลย ยกยิ้มพร้อมพยักหน้าออกไป “ได้สิ ผมไม่ถือ”
หานมู่จื่อ “แต่ฉันถือ! และยังถือมากด้วย ฉันมีกิจการของตัวเอง ฉันต้องทำงานนะคะ!”
เย่โม่เซินไม่อาจให้เธอมาอยู่กับตัวเองที่บริษัททุกวันได้จริงๆ ถึงอย่างไรเมื่อห้าปีก่อนเธอได้พยายามมาตั้งขนาดนั้น ไม่อาจทำเล่นๆไปได้ ถึงแม้ว่าเขาจะอยากให้เธอมาอยู่ด้วยกันทุกวัน แต่เขาก็รู้ว่าการคบกันของคนสองคนนั้น จะต้องมีพื้นที่ให้แก่กันบ้าง
แต่ถ้าหากเรื่องนี้ต้องทำให้เธอต้องทิ้งงานที่รักของตัวเองไป เมื่อเป็นอย่างนั้นแล้วเขาก็จะรู้สึกเจ็บปวดใจแทนเธอขึ้นมาเช่นเดียวกัน
“วางใจเถอะ สถานการณ์ที่เป็นอยู่แบบนี้ผมจะให้เซียวซู่จัดการให้เรียบร้อยแล้วกัน ถ้าคุณไม่ชอบ”
เย่โม่เซินพูดออกมาอย่างนี้แล้ว นั่นก็หมายความว่าเขาได้ตัดสินใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ต่อไปเธอก็คงจะสามารถเข้าทำงานที่บริษัทได้อย่างวางใจได้แล้ว เพียงแต่ว่าทางฝั่งของเสี่ยวหมี่โต้วนั้น...
“จริงสิ ทางด้านเสี่ยวหมี่โต้ว...คุณได้วางแผนจัดการแล้วหรือยัง?”
“ตอนนี้สื่อยังไม่รู้จักเขา แต่...คาดว่าจะมาเยอะมาก ถึงตอนนั้นผมจะจัดการความปลอดภัยในการไปไหนมาไหนของเขาให้เรียบร้อยแน่”
“ถ้าเสี่ยวหมี่โต้วได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ ฉันจัดการคุณแน่!”
เมื่อได้ยินดังนั้นแล้ว เย่โม่เซินกลับอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วออกมาเล็กน้อย “เมื่อกี้คุณว่าอะไรนะ?”
“อะไร?”
“คุณจะจัดการผม เพราะเรื่องเสี่ยวหมี่โต้ว? เขาสำคัญกว่าผม?”
หานมู่จื่อ “...”
คำพูดนี้ มันหมายความว่าอะไรกัน หานมู่จื่อรู้สึกว่าตัวเองไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูดออกมา
เธอเงยหน้าขึ้นมองเย่โม่เซิน เย่โม่เซินจ้องมองเธออย่างเอาจริงเอาจัง ดูเหมือนว่าจะไม่ได้กำลังล้อเล่นอยู่เลย หานมู่จื่อรู้สึกว่าตัวเองได้ถูกทำให้รู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมาเล็กน้อย ผ่านไปได้สักพักนึงก็เบ้ปากเอ่ยถามเขาออกไป
“คุณคงไม่หึงแม้กระทั่งลูกชายของตัวเองหรอกใช่มั้ยคะ?”
ความคิดถูกเปิดเผย เย่โม่เซินเองก็ไม่ได้โกรธเคืองอะไรออกมา แต่ได้เอ่ยออกมาว่า “ผมเป็นพ่อของเขานะ ทำไมเขาถึงสำคัญกว่าผมล่ะ? นี่มันไม่ยุติธรรมเลย”
หานมู่จื่อ “...”
เขายังเถียงเป็นจริงเป็นจังออกมา
หานมู่จื่อรู้สึกว่าตัวเองไม่มีวิธีที่จะมาพูดคุยประเด็นนี้กับเขาได้ จึงถือโอกาสก้มหน้าก้มตากินข้าวไปอย่างไม่สนใจเขา
หึงแม้กระทั่งลูกชายของตัวเอง เธอจะพูดอะไรได้อีก?
สามารถพูดอะไรได้??
จากเดิมคิดว่าเรื่องนี้เธอแค่เพียงไม่ตอบอะไรออกไป มันก็จะผ่านไปอย่างนั้น แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากที่กินข้าวแล้วนั้น พอขึ้นรถไปเย่โม่เซินก็เอาแต่ขมวดคิ้วแน่นอยู่ตลอด ในตอนที่ขับรถก็มีท่าทางที่เหมือนกับกำลังมีเรื่องให้คิดอยู่ในใจ
หานมู่จื่อไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไรไป แต่ก็คิดว่าเรื่องเมื่อกี้นี้มันก็ได้ผ่านไปแล้ว เขาคงไม่ได้กำลังคิดมากเรื่องนั้นอยู่หรอก จึงได้เอนหลังพิงเข้ากับพนักเก้าอี้ไป
มองออกไปยังอาคารบ้านเรือนด้านนอกหน้าต่างอย่างไม่ละสายตา หานมู่จื่อพบว่าเธอรู้สึกง่วงขึ้นมาอีกแล้ว เธอหาวออกมา หลังจากนั้นก็หันไปเอ่ยกับเย่โม่เซินว่า “ฉันขอนอนแป๊บนึงนะคะ เดี๋ยวคุณค่อยปลุกฉันแล้วกัน”
ริมฝีปากของเย่โม่เซินขยับออกมาเล็กน้อย มองเธอไปด้วยแววตาสับสน เห็นเธอพูดจบแล้วหลับตาลง คำพูดที่เขากำลังจะพูดออกไปนั้นจึงจำต้องเก็บมันกลับไป
นึกไม่ถึงว่าเด็กนั่นจะสำคัญไปกว่าเขา?
เพราะว่าอยู่กับเธอมากว่าห้าปีงั้นหรอ? นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีวันที่เขาเย่โม่เซินนั้นต่อสู้แย่งชิงความรักกับลูกชายของตัวเองได้
ถึงแม้ว่าจะรู้ว่านั่นก็เป็นสายเลือดของตัวเองเช่นกัน แต่พอนึกว่าเด็กนั่นมีน้ำหนักในใจของหานมู่จื่อมากกว่าตนแล้ว ก็เกิดอาการไม่สบอารมณ์ขึ้นมาอย่างมาก
แม่งเอ๊ย!
เด็กนั่นยังไม่ยอมเรียกเขาว่าแด๊ดดี้เลยสักคำ!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่