เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] นิยาย บท 101

บทที่ 101 ครั้งนี้นายทำได้ยังไงอีกเนี่ย

“ทุกคนก็น่าจะทำได้เหมือนกันหมดไม่ใช่เหรอครับ” ซูเย่ให้คำตอบ “สิ่งสำคัญในการเล่นเกม Fantasy Dream ก็คือการฝึกฝน และมีสมาธิเพื่ออัพเลเวลของตัวเองให้ได้”

การฝึกฝน และมีสมาธิอย่างนั้นหรือ?

หวังเหา ซูชือ และจินฟานรู้สึกเจ็บแปลบในหัวใจขึ้นมาทันที

สำหรับพวกเขากว่าจะเปิดจุดลมปราณได้นั้นยากเย็นแสนเข็ญยิ่งกว่าอะไรดี

แล้วนายทำได้ยังไงด้วยความเร็วระดับนี้?

หวังเหาได้แต่เดินนำทุกคนมายังห้องฝึกซ้อมที่เขาเคยทดสอบฝีมือกับซูเย่

“เมื่อเปิดจุดลมปราณได้แล้ว พวกนายก็ถือเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนึ่งอย่างเป็นทางการ แต่หนทางของการใช้พลังลมปราณนั้นเต็มไปด้วยขวากหนาม ขอให้พวกนายเตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ให้ดี”

หวังเหาพูดพร้อมกับชำเลืองมองมาที่ซูเย่

นายตำรวจหนุ่มไม่รู้เลยว่านอกจากซูเย่จะสามารถเปิดจุดลมปราณได้รวดเร็วกว่าคนทั่วไปแล้ว เขายังจะสามารถใช้พลังลมปราณได้รวดเร็วมากกว่าคนทั่วไปด้วยหรือไม่?

“เมื่อมีสถานะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนึ่งอย่างเป็นทางการแล้ว พวกนายก็จะสามารถฝึกวิทยายุทธ์ได้โดยไม่ผิดกฎหมาย” เมื่อเดินไปถึงใจกลางห้อง หวังเหาก็อธิบายต่อ “ที่ฉันให้พวกนายมาหาฉันให้เร็วที่สุด ก็เพราะว่าฉันมีหน้าที่สอนวรยุทธ์ให้พวกนายนั่นเอง”

สอนวรยุทธ์อย่างนั้นหรือ?

ซูชือกับจินฟานเบิกตาโตด้วยความตื่นเต้น

“ไม่มีอะไรซับซ้อน การฝึกวิทยายุทธ์ก็เปรียบเสมือนการฝึกศิลปะการต่อสู้แขนงหนึ่ง” หลังพูดมาถึงตรงนี้ หวังเหาก็อธิบายต่อไปด้วยสีหน้าจริงจัง “แม้วิชาที่ฉันสอนพวกนายจะเป็นการต่อสู้ด้วยหมัดล้วน ๆ แต่ก็อย่าได้ดูถูกการต่อสู้ด้วยมือเปล่าเด็ดขาด เพราะเมื่อเราโคจรพลังลมปราณลงไปที่หมัดแล้ว มันก็จะมีอานุภาพมากมายมหาศาล และช่วยให้เอาชนะคู่ต่อสู้ได้อย่างง่ายดาย”

ซูเย่ได้ยินดังนั้นก็ยิ้มมุมปากเล็กน้อย

ช่วยให้เอาชนะคู่ต่อสู้ได้ง่ายดายอย่างนั้นหรือ? นี่ออกจะเป็นการคุยโวมากเกินไปหน่อยกระมัง เพราะผู้ที่จะสามารถทำเช่นนั้นได้ต้องมีความเข้าใจในร่างกายมนุษย์อย่างละเอียดทุกซอกมุมต่างหาก

แต่หวังเหายังไม่ได้มีความเข้าใจลึกซึ้งถึงขนาดนั้นสักหน่อย

ซูเย่หันกลับมามองหน้าซูชือกับจินฟาน

แน่นอนว่าเพื่อนเขาทั้งสองคนหลงเชื่อสิ่งที่นายตำรวจหนุ่มพูดหมดทุกอย่าง

“วิชาที่ฉันจะสอนพวกนายมีอยู่ด้วยกัน 16 กระบวนท่า และกระบวนท่าแรกก็คือการออกหมัดให้ถูกต้อง!”

พูดจบ หวังเหาก็เริ่มต้นการฝึกสอนทันที

ซูชือกับจินฟานทำตามอย่างว่าง่าย มีแค่เพียงซูเย่คนเดียวเท่านั้นที่ยังยืนเฉย ๆ อยู่ที่เดิม

“อ้าว เสี่ยวเย่?” ซูชือถามด้วยความสงสัย “ทำไมไม่มาฝึกด้วยกันวะ?”

“โอกาสแบบนี้หายากแล้วนะเว้ย”

จินฟานพยายามกระตุ้นให้ซูเย่มาฝึกวิชาด้วยกัน

“พวกนายเชิญฝึกกันตามสบายเถอะ”

ซูเย่ยิ้มตอบพร้อมกับยกมือส่งสัญญาณให้เพื่อนทั้งสองฝึกการต่อสู้ต่อไป

ซูชือกับจินฟานหันกลับมามองหน้าหวังเหาด้วยความสงสัย

เมื่อเห็นสายตาที่จ้องมองมาอย่างต้องการคำตอบ นายตำรวจหนุ่มนิ่งเงียบอยู่นาน ก่อนจะเอ่ยว่า “อย่าไปสนใจเขาเลย ซูเย่ฝึกขั้นพื้นฐานกับพวกนายไม่ได้หรอก”

“ทำไมเขาถึงฝึกไม่ได้ล่ะครับ?”

ทั้งซูชือกับจินฟานต่างก็ถามด้วยความไม่อยากเชื่อ

“นี่คุณตำรวจไม่ดูถูกเสี่ยวเย่เกินไปหน่อยเหรอครับ?”

“ถ้าคุณตำรวจไม่อนุญาตให้เขามาฝึกพร้อมกับพวกเรา พวกเราก็ไม่ฝึก”

“ใช่แล้วครับ พวกเราสามที่น้องไปไหนไปกัน มีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมต้าน!” สองหนุ่มพูดประสานเสียงอย่างหนักแน่น แต่มือทั้งสองข้างนั้นก็ยังออกหมัดตามกระบวนท่าที่หวังเหาสอนโดยไม่หยุดยั้ง

“ฉันเนี่ยนะดูถูกเขา?”

หวังเหาหันกลับมามองหน้าซูเย่ด้วยความเหนื่อยใจ “พวกนายคงไม่รู้สินะว่าซูเย่ต่อสู้เก่งยิ่งกว่าพวกนายหลายเท่า เขาเก่งจนไม่ต้องมาเรียนขั้นพื้นฐานพวกนี้แล้วต่างหาก”

เสี่ยวเย่เนี่ยนะต่อสู้เก่ง?

ซูชือกับจินฟานถึงกับชะงักกึก

ทำไมพวกเขาถึงไม่รู้เลยนะ?

การที่พวกเขาจะฝึกวิทยายุทธ์ได้อย่างไม่ผิดกฎหมาย ก็ต้องเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับที่ 1 อย่างเป็นทางการก่อนไม่ใช่หรือ?

แล้วหมอนี่มันไปฝึกการต่อสู้มาจากไหน?

“ตั้งสติกันให้ดี!” หวังเหาเพิ่มระดับเสียงขึ้นเล็กน้อย “แล้วทำตามฉัน”

ซูชือกับจินฟานสะกดความสงสัยในหัวใจและรีบขยับร่างกายตามการชี้นำของหวังเหา

ซูเย่ยืนดูการฝึกต่อยหมัดอยู่พักใหญ่ และเพื่อไม่ให้เกะกะเพื่อนทั้งสองคน ชายหนุ่มจึงขยับออกมายืนอยู่ด้านข้าง

หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง การฝึกซ้อมต่อยหมัดก็จบลง ก่อนจะเริ่มเข้าสู่กระบวนการโคจรพลังลมปราณ

ในไม่ช้า จินฟานกับซูชือก็พบวิธีโคจรพลังลมปราณลงไปที่กำปั้นของตนเอง

“สุดยอดเลยว่ะ”

“นี่เป็นหมัดของฉันจริง ๆ เหรอเนี่ย? ฉันว่าความรุนแรงระดับนี้ สามารถต่อยวัวล้มด้วยมือเปล่าได้เลยนะ!”

นักศึกษาหนุ่มทั้งสองคนอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้น

พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าชีวิตนี้ตนเองจะมีความแข็งแกร่งถึงเพียงนี้

ซูชือกับจินฟานรู้สึกเหมือนตนเองมีพลังพิเศษขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้น

ขณะนี้ พวกเขารู้สึกเหมือนตนเองเป็นบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก!

ทั้งสองหนุ่มฝึกซ้อมต่อไปด้วยความตกตะลึงและมีความสุข ยิ่งฝึกมากต่อไปเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งค้นพบความยอดเยี่ยมของการเป็นผู้ฝึกยุทธ์มากเท่านั้น

แต่ว่า

หวังเหายังมีความแข็งแกร่งมากกว่าพวกเขาอีกหลายเท่า

แล้วซูเย่ล่ะ?

ซูชือกับจินฟานหันมองหน้ากัน ก่อนจะหันกลับไปส่งยิ้มให้แก่ซูเย่

“เสี่ยวเย่”

“เรามาลองสู้กันหน่อยดีไหม?” ซูชือยิ้มกริ่มพร้อมกับกวักมือเรียก “ผู้กองหวังบอกว่านายต่อสู้เก่งกว่าพวกเราไม่ใช่เหรอ มาทำให้ฉันดูหน่อยสิว่านายมีความเก่งกาจมากแค่ไหนกันเชียว?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]