บทที่ 102 หวังห่าวต่อสู้เพื่อชีวิตแทนคุณ!
“ใช่ ฉันอยากให้มันตาย จะทำไม?”
หวังเหวินแสร้งทำเป็นไม่สนใจและพูดถากถาง “ครอบครัวของเราจะดีขึ้นถ้ามันตาย บ้านนี้ไม่มีใครต้อนรับมัน มีแต่อยากให้มันตายเร็ว ๆ ตายไปก็สมควรแล้ว!”
“นี่คือทัศนคติของคุณต่อน้องชายของตัวเอง?”
น้ำเสียงของซูเย่แฝงความเย็นเยียบ
“ใช่”
หวังเหวินเหยียดกายนอนลงบนโซฟาด้วยท่าทางไม่สนใจ และเปิดทีวีด้วยรีโมทคอนโทรล “อีกอย่าง คุณอายุเท่าไหร่กัน ทำไมถึงกล้าที่จะมายุ่งเรื่องชาวบ้าน?”
“คุณป้าก็คิดแบบนี้เหรอครับ”
ซูเย่หันไปมองแม่ของหวังห่าว
“มันไม่สำคัญว่าคนแก่อย่างฉันจะคิดยังไง”
แม่ของหวังห่าวมองซูเย่อย่างเย็นชา จากนั้นหันไปยิ้มและพูดกับหวังเหวิน “ตอนนี้แม่ไม่หิวแล้ว แต่เมื่อวานแม่ซื้อซี่โครงมา กะว่าจะเอามาทำกับข้าวให้ เดี๋ยวถ้าพ่อกลับมาจะถูกแย่งกิน เพราะงั้นพ่อกับแม่ค่อยกินทีหลังดีกว่า ลูกกินก่อนเลยนะ”
ทันทีที่พูดจบ เธอก็หันมามองที่ซูเย่ ใบหน้ามารดาของหวังห่าวพลันเย็นชาอีกครั้งในทันที และเธอก็เอ่ยปากไล่แขกผู้มาเยือน “คุณกลับไปได้แล้ว”
แสงเย็นเยียบฉายชัดในดวงตาของซูเย่ เขาหันหลังกำลังจะเดินออกไป
ทันทีที่เปิดประตู ชายชราร่างผอมอายุประมาณหกสิบปีปรากฏตัวที่หน้าประตู
“อ้าว? ที่บ้านมีแขกงั้นเหรอ?”
เมื่อชายชราเห็นซูเย่ เขาถามทันทีด้วยความประหลาดใจ
“เพื่อนของเสี่ยวห่าว”
แม่ของหวังห่าวกล่าวตอบ
“แล้วทำไมเขาไม่มา”
ทันทีที่ชายชราได้ยิน สีหน้าท่าทางที่ดีของเขาก็จางหายไป “เจ้าลูกอกตัญญู ตอนนี้ไม่อยากจะกลับบ้านแล้วหรือไง แต่ไม่กลับมาก็ดี ไม่รกหูรกตา”
เมื่อซูเย่ได้ยินประโยคนี้ สีหน้าของเขาก็เย็นชาไปหมด
นี่ก็คือบ้านที่หวังห่าวขอให้เขาช่วยดูแล!
“เอาของไว้ แล้วรีบไปเถอะ รบกวนเวลาคนอื่น พวกเราไม่ต้อนรับคุณ”
แม่ของหวังห่าวโบกมือไล่ซูเย่
“จริงสิ”
ขณะที่ซูเย่ก้าวข้ามธรณีประตูด้วยใบหน้าที่เฉยชา แม่ของหวังห่าวกล่าวเสริมทันที “อย่าลืมให้หวังห่าวจ่ายเงินทุกเดือนล่ะ”
ซูเย่สั่นสะท้านไปทั้งตัว มองผู้เป็นมารดาคนนี้อย่างไม่เชื่อสายตา พวกคุณไม่สนใจว่าหวังห่าวจะเป็นตายร้ายดียังไง แต่สนใจเรื่องเงิน?
ซูเย่หันกลับไป
ตึ้ง! ประตูได้ถูกปิดลงแล้ว
เมื่อมองไปยังบานประตูที่ปิดลง ซูเย่สูดหายใจเข้าลึกหนึ่งเฮือกและนำเงินทั้งหมดที่เขากำลังจะควักออกมาจากกระเป๋าของเขาเก็บคืน แล้วเดินลงไปข้างล่าง แต่เมื่อรับการฝากฝังมาแล้ว ไม่ว่าหวังห่าวจะได้กลับมาหรือไม่ เรื่องที่เขาฝากไว้ก็ต้องทำให้ดี
ซูเย่อยากรู้ว่าเรื่องมันเป็นยังไงกันแน่ จึงเดินวนอยู่ในเขตชุมชนเพื่อสอบถามเกี่ยวกับครอบครัวของหวังห่าวจากชาวบ้านในละแวกใกล้เคียง
ที่แท้แล้ว พี่ชายของหวังห่าวเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องติดการพนัน อายุ 27- 28 แล้ว แต่ยังคงอาศัยอยู่ที่บ้านโดยไม่มีงานทำและยังไม่ได้แต่งงาน
เมื่อตอนเป็นเด็ก หวังห่าวก็ไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบของครอบครัวและเขามักถูกทิ้งให้โดดเดี่ยวเสมอ พ่อแม่ของหวังห่าวมีความเอื้ออาทรต่อหวังเหวินพี่ชายของเขาเป็นพิเศษ และพวกเขาจะมอบสิ่งดี ๆ ให้กับหวังเหวินก่อนเสมอ
เสื้อผ้าที่หวังห่าวสวมตั้งแต่ยังเป็นเด็กล้วนถูกทิ้งโดยหวังเหวิน!
เมื่อถึงวัยทำงาน ก็ต้องจ่ายเงินเดือนให้พี่ชายทุกเดือน ถ้าได้รับเงินช้าวันสองวันจะถูกพ่อแม่ไล่ออกจากบ้านและไม่รับว่าเขาเป็นลูก
ท่ามกลางความสิ้นหวัง หวังห่าวทำได้เพียงจ่ายล่วงหน้าทุกเดือน แต่พ่อแม่ของเขายังเรียกร้องให้จ่ายอีกในเดือนหน้าต่อมา เป็นเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ หวังห่าวต้องจ่ายเงินให้ครอบครัวราว ๆ 14 เดือนต่อเวลาหนึ่งปี
แต่ถึงอย่างนั้น พ่อแม่ของเขาก็ไม่ได้รู้สึกสงสารหรือเห็นใจเขาเลย พวกเขารู้สึกว่างานตำรวจมั่นคงและเขามีพร้อมทุกอย่างแล้ว
ในทางตรงกันข้าม หวังเหวินพี่ชายของหวังห่าวได้รับอนุญาตให้ออกไปเที่ยวเล่นมั่วสุมด้านนอก ถ้าเงินไม่พอก็ไปขอจากหวังห่าว
เมื่อได้ยินเรื่องเราเหล่านี้
ซูเย่พลันรู้สึกเศร้าอย่างอธิบายไม่ถูก เขาคิดไม่ถึงเลยว่าหวังห่าวจะเติบโตมาในสภาพครอบครัวเช่นนี้
และในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ เขายังสามารถยืนกรานที่จะพัฒนาตัวเอง พึ่งพาตัวเอง ทำงานหนักเพื่อความสงบสุขของประเทศ แม้กระทั่งเข้าร่วมการฝึกมหาโหดเพื่อยกระดับความสามารถของตัวเอง!
แล้วก็ยังคงขอให้คนอื่นช่วยมาดูแลครอบครัวที่ไม่เคยรักหรือห่วงหาอาทรต่อตัวของเขาเลยแม้แต่น้อย!!
ในการเปรียบเทียบเช่นนี้ ซูเย่รู้สึกเสียใจต่อหวังห่าวมากจริง ๆ!
“ดาดาดาดาดา…”
ขณะที่ซูเย่กำลังจะออกจากชุมชน ทันใดนั้นก็มีเสียงฮัมเพลงดังลอยมา
เขาหันศีรษะไปมอง
เห็นว่าเป็นพี่ชายของหวังห่าวกำลังฮัมเพลงขณะเดินไปบนถนน
ดวงตาของซูเย่ฉายแววเย็นชา
“หวังเหวิน”
หลังจากตะโกนเรียก เขาก็หยิบกองธนบัตรที่ยังไม่ได้หยิบออกมาก่อนหน้านี้ออกมาเขย่าไปมาต่อหน้าต่อตาหวังเหวิน
ทันทีที่เห็นซูเย่ หวังเหวินยังคงมีสีหน้าแฝงแววเหยียดหยาม แต่เมื่อเขาเห็นเงิน ดวงตาของอีกฝ่ายพลันเป็นประกายในทันที และรอยยิ้มที่หายากก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา นี่คือเงินของหวังห่าวงั้นเหรอ?
“อยากได้เงิน?”
ซูเย่ยิ้มเย็น “ตามมาสิ”
พูดจบก็หันหลังเดินออกจากชุมชน แต่เพิ่งก้าวไปถึงตรอกแห่งหนึ่ง หวังเหวินก็รีบตามมาทันที
“หยุดก่อน นั่นเป็นเงินน้องชายฉันหรือเปล่า พูดให้ชัดเจนนะ”
เขาทำราวกับว่าซูเย่ขโมยเงินของเขาไป แต่ซูเย่ไม่สนใจ หันกายเดินเข้าไปในตรอกทั้งแบบนั้น
หวังเหวินไล่ตามชายหนุ่มไปทันที แต่ทันทีที่มาถึงทางเข้าตรอก ซูเย่พลันคว้าคอของหวังเหวินและกดอีกฝ่ายไปที่ผนังพร้อมกับมองด้วยสายตาเย็นชา
“แกทำอะไร??”
หวังเหวินเผยสีหน้าตื่นตกใจ แต่ไม่ว่าเขาจะดิ้นรนหนักเพียงใด ก็ไม่สามารถหลุดพ้นได้
“ผมบอกไว้เลย หวังห่าวอาจจะไม่ได้กลับมาอีกตลอดไปจริง ๆ”
ซูเย่จ้องไปที่หวังเหวินด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความโมโห “คุณไม่ได้กังวลเกี่ยวกับเขาจริง ๆ เหรอ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]