สรุปเนื้อหา บทที่ 121 ตัวช่วยพิเศษ – เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] โดย Internet
บท บทที่ 121 ตัวช่วยพิเศษ ของ เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] ในหมวดนิยายกำลังภายใน เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย Internet อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
บทที่ 121 ตัวช่วยพิเศษ
นักศึกษาหนุ่มที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงคนไข้รู้สึกอยากร้องไห้โดยไม่มีน้ำตา เพราะเขาเองก็อยากยืนมองและจดจำเหมือนเพื่อน ๆ ทุกคน แต่น่าเสียดายที่เขามองเห็นตัวเองไม่ได้
แม้ว่านี่ก็คงเป็นโอกาสที่หาครั้งที่สองในชีวิตไม่ได้อีกแล้ว
มีใครบ้างที่จะเคยรับประสบการณ์รมยาในหลาย ๆ รูปแบบเหมือนเขาเช่นนี้
แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ นักศึกษาหนุ่มก็ยังอยากยืนดูด้วยอยู่ดี!
“เธอจำได้หมดแล้วหรือยัง?”
หลี่เคอหมิงหันกลับมามองหน้าซูเย่เมื่อสาธิตวิธีการรมยาทั้งหมดจบลง
กลุ่มนักศึกษาแพทย์ที่ยืนอยู่ด้านข้างพร้อมใจกันหันขวับมาจ้องมองซูเย่เป็นตาเดียว
พวกเขาเองจดจำสิ่งที่หลี่เคอหมิงสอนได้เพียง 30 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
“จำได้หมดแล้วครับ” ซูเย่พยักหน้า
บรรดานักศึกษาแพทย์พูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว!
โชคดีที่พวกเขาเคยเห็นการฝังเข็มของซูเย่มาก่อน หลายคนจึงเตรียมตัวเตรียมใจรับคำตอบของเขาได้อยู่แล้ว
“ฉันอยากจะลองทำการรมยาดูบ้าง เพื่อน ๆ คนไหนอยากออกมาเป็นอาสาสมัครบ้างไหม?”
ซูเย่หันไปถามกลุ่มนักศึกษาแพทย์พร้อมกับยิ้มแย้มอย่างเป็นมิตร
“ฉันเอง!”
นักศึกษาหญิงคนหนึ่งยกมือขึ้นสูงด้วยความตื่นเต้น
“ขวับ…”
ทันใดนั้นทุกสายตาก็หันขวับไปจ้องมองเธอด้วยความขบขัน
รีบเสนอตัวออกมาเพราะเห็นว่าซูเย่หน้าตาหล่อเหลาใช่ไหมล่ะ
เมื่อเห็นสายตาของเพื่อน ๆ ที่จ้องมองมา นักศึกษาสาวก็หน้าแดงก่ำด้วยความเขินอาย
“ขอเป็นผู้ชายดีกว่าครับ”
ซูเย่ตอบกลับไปยิ้ม ๆ
นักศึกษาหนุ่มที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงรีบหมุนตัวลุกขึ้นยืน ก่อนจับเพื่อนร่วมห้องคนหนึ่งมากดให้นอนลงบนเตียงพลางพูดว่า “นายเองก็มาลองดูบ้างเถอะ!”
หลังจากนั้นเขาก็หันมามองหน้าซูเย่ “เอาหมอนี่แหละ!”
นักศึกษาหนุ่มอีกหลายคนช่วยกันเข้ามาล็อคแขนล็อคขาเพื่อนผู้โชคร้าย ไม่ว่าชายหนุ่มพยายามดิ้นรนสักแค่ไหน แต่สุดท้ายเสื้อด้านหลังก็ถูกถลกขึ้นไปหมดแล้ว
นักศึกษาหนุ่มผู้เป็นอาสาสมัครคนแรกไม่อยากเป็นหนูทดลองอีกแล้ว เขาเองก็อยากยืนดูจากด้านข้างบ้างเหมือนกัน!
“นี่ ไม่ต้องดิ้นน่า ฉันกำลังจะให้นายได้มีโอกาสเข้ารับการรมยาครั้งพิเศษเชียวนะ!”
ซูเย่เห็นดังนั้นก็ไม่ลังเลอีกต่อไป เขาเริ่มต้นกระบวนการรมยาทั้งหมดโดยไม่ต้องให้หลี่เคอหมิงย้ำเตือนแม้แต่คำเดียว
เขาทำได้อย่างสมบูรณ์แบบ
“เยี่ยมมาก ทักษะแบบนี้เหมือนแพทย์มืออาชีพเลยนะเนี่ย”
หลี่เคอหมิงยิ้มกว้างด้วยความชื่นชม
เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนที่อยู่ในห้องฝังเข็มก็ถึงกับเงียบงันไป
ด้วยความตกตะลึง
เป็นความตกตะลึงที่ห้ามกันไม่ได้
ถึงหลายครั้งก่อนหน้านี้พวกเขาจะตกตะลึงกับฝีมือของซูเย่มานับครั้งไม่ถ้วน แต่ครั้งนี้ พวกเขาก็ยังอดตกตะลึงไม่ได้อยู่ดี
เงียบกริบ
เพราะทุกคนรู้ดีว่าซูเย่มีฝีมือเก่งเกินหน้าเกินตาพวกเขา มันจึงน่าหงุดหงิดใจเหลือเกิน!
“อ๋อ อย่างนี้นี่เอง!” นักศึกษาหนุ่มผู้เป็นอาสาสมัครรายแรกได้แต่พยักหน้าขณะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาถ่ายคลิป เพื่อเอาไปเปิดดูสำหรับทบทวนบทเรียนในภายหลัง
เมื่อถึงตอนนี้การรมยาของคนไข้หญิงที่อีกเตียงหนึ่งก็เสร็จสิ้นลงพอดี
เมื่อเข้ารับการรมยาเรียบร้อย อาการปวดท้องประจำเดือนของเธอก็ทุเลาทันตาเห็น ใบหน้าที่ซีดขาวก็กลับมามีเลือดฝาดอีกครั้ง
“หลังจากนี้ คนไข้ต้องเข้ารับการรมยาอีกสามวันนะครับ เป็นการรมยาวันละหนึ่งครั้ง เมื่อทำครบกำหนดสามวันแล้ว อาการก็จะหายดี”
หลี่เคอหมิงกล่าว
“เข้าใจแล้วค่ะ คุณหมอ ขอบคุณมากนะคะ”
หลังออกเวรประจำวันนี้เรียบร้อย
ซูเย่ก็เดินทางกลับไปที่มหาวิทยาลัยและนั่งสมาธิเข้าสู่ราชวังแห่งความทรงจำ ก่อนจะเปิดตำราแพทย์โบราณที่เกี่ยวข้องกับการรมยาดูทีละฉบับ และศึกษาข้อมูลด้วยความมุ่งมั่นเอาจริงเอาจัง
“สงสัยฉันคงต้องหาตัวช่วยพิเศษอีกแล้ว”
หลังรับประทานข้าวกลางวันเสร็จ ชายหนุ่มก็ลุกขึ้นยืน และเดินไปยังสำนักงานนักสืบต้าเจา ซึ่งตั้งอยู่นอกเขตมหาวิทยาลัยอีกครั้ง
“ช่วยผมแกะรอยประวัติการใช้โทรศัพท์ของหยางเหวินป๋อหน่อยสิ”
ซูเย่พูดโดยไม่อ้อมค้อม
ซูหมินหมินชำเลืองมองซูเย่ ไม่ได้ถามอะไรมากมาย เธอเดินไปนั่งหลังคอมพิวเตอร์ และรัวนิ้วลงบนแป้นคีย์บอร์ดอย่างรวดเร็ว
จากนั้นก็ปรินต์กระดาษแผ่นหนึ่งมาส่งให้ซูเย่
บนกระดาษเป็นข้อมูลเกี่ยวกับเบอร์โทรศัพท์ และระยะเวลาการสนทนาในแต่ละสาย
“โอ๊ะ…”
ซูเย่มองหน้าซูหมินหมินด้วยความมหัศจรรย์ใจ
รวดเร็วใช้ได้เลยนะเนี่ย
“ตอนที่ฉันสืบข้อมูลก่อนหน้านี้ พอดีได้แฮ็กโทรศัพท์มือถือของเขาเอาไว้แล้วน่ะ…”
ซูหมินหมินกล่าวเสียงเยือกเย็น
“อีกอย่าง ฉันได้ตรวจสอบข้อมูลทั้งหมดให้หมดแล้ว ปรากฏว่าไม่นานมานี้หยางเหวินป๋อคุยโทรศัพท์ห้าสายนานมากที่สุด และทุกสายนั้นเป็นการคุยกับคนคนเดียวกัน”
“คนคนนั้นเป็นใคร?”
“หลี่ชิงฝู”
เมื่อได้ยินชื่อนี้ ซูเย่ก็ต้องเลิกคิ้วขึ้นสูงเล็กน้อย
เพราะนี่คือชื่อของรองอธิการบดีประจำมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยาง
นอกจากนั้นว่ากันว่าหลี่ชิงฝูยังเป็นผู้ที่ถูกวางตัวให้เป็นอธิการบดีคนต่อไปอีกด้วย
นักศึกษาจำนวนมากเมื่อพบเห็นตัวจริงของหลี่ชิงฝู ก็มักจะหัวเราะขบขัน เพราะรองอธิการบดีผู้นี้มีร่างกายอ้วนเตี้ย ไม่มีสง่าราศีสักนิดเดียว
หากเป็นบุคคลผู้นี้แล้วล่ะก็ เขาน่าจะยินดีสมรู้ร่วมคิด ช่วยเหลือหยางเหวินป๋อให้พ้นผิดได้ไม่ยาก
“ผมอยากได้บันทึกเสียงการโทรทั้งหมด รวมถึงบันทึกการโทรระหว่างสองคนนี้หลังจากนี้ด้วย ไม่ทราบว่าคุณพอทำได้ไหม?”
ซูเย่สอบถาม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]