อ่านสรุป ตอนที่ 14 อย่ามาร้องไห้เรียกหาพ่อทีหลังก็แล้วกัน (ตอนปลาย) จาก เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] โดย Internet
บทที่ ตอนที่ 14 อย่ามาร้องไห้เรียกหาพ่อทีหลังก็แล้วกัน (ตอนปลาย) คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
บทที่ 14 อย่ามาร้องไห้เรียกหาพ่อทีหลังก็แล้วกัน (ตอนปลาย)
ซูเย่เดินต่อไปโดยไม่ได้หันกลับ เขาโบกมือขวาเล็กน้อยเป็นการบอกลา ก่อนจะหายเข้าไปในเงามืด
“ช่างเป็นเด็กดีจริง ๆ”
นายตำรวจหนุ่มนอกเครื่องแบบพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะหันไปมองชายหนุ่มที่นอนหมดทางสู้อยู่บนพื้นด้วยสายตาเย็นชาก่อนจะจับที่ไหล่แล้วดึงตัวขึ้นมา
ชายหนุ่มคนนั้นพยายามจะขัดขืน แต่กลับพบว่านายตำรวจมีพลังที่แข็งแกร่งกว่า ทำให้เขาไม่สามารถตอบโต้หรือขัดขืนใด ๆ ได้เลย
“คะ คุณตำรวจ ผมไม่ใช่ผู้ร้ายหลบหนีอะไรนั่นสักหน่อย ผมแค่ขโมยของเพื่อหาเลี้ยงตัวเองไม่ให้อดตาย ผม..”
ชายหนุ่มร้องขอความเมตตาทันทีที่รู้ว่าตนเองไม่สามารถสู้กับผู้พิทักษ์กฎหมายคนนี้ได้อย่างแน่นอน
“อย่ามาพูดอะไรไร้สาระ!”
นายตำรวจหนุ่มนอกเครื่องแบบตะคอกใส่อย่างเย็นชา เขายกมือขวาที่มีนาฬิกาสมาร์ทวอร์ชขึ้นมา ก่อนจะพูดสื่อสารกับปลายทาง “นี่ทีมสืบสวน รหัส 197 เราได้เข้าจับกุมผู้ฝึกปราณที่ได้หลบหนีไปเมื่อสามวันก่อนเรียบร้อยแล้ว”
ทีมสืบสวน?
สีหน้าของชายหนุ่มเปลี่ยนไปในทันที
ทีมสืบสวนนั้นรวดเร็วดุจอัสนี พวกเขาแข็งแกร่งราวกับจ้าวแห่งยมโลก เป็นพวกที่เชี่ยวชาญในการจัดการกับผู้ฝึกปราณโดยเฉพาะ พวกเขาคือผู้ดูแลความสงบในโลกฝั่งนี้ ไม่มีใครที่สามารถจัดการกับผู้ฝึกปราณได้ดีไปกว่าผู้ฝึกปราณที่แข็งแกร่งด้วยกันเองอีกแล้ว
เหตุผลที่ชายหนุ่มคนนี้เลือกมากบดานที่เขตมหาวิทยาลัย ก็เพราะเขาต้องการหลีกเลี่ยงที่จะต้องเจอกับทีมสืบสวน แต่โชคชะตากลับเล่นตลกทำให้เขากลับต้องมาเจออะไรแบบนีั้
สีหน้าอ้อนวอนร้องขอความเมตตา กลายเป็นสีหน้าซีดเผือกอย่างน่าอดสู
นายตำรวจหนุ่มนอกเครื่องแบบส่งเสียงกระแอมในคอเล็กน้อยก่อนจะรายงานต่อ
“นอกจากนี้ ผมก็พบเด็กคนนึงที่สามารถเอาชนะผู้ฝึกปราณได้ด้วยวิชายุทธ์ของเขา”
ห่างออกมาไม่ไกล ในเงามืดมิด
หลังต้นป็อปลาร์ต้นใหญ่
ซูเย่พิงอยู่ที่ด้านหลังของต้นไม้ขณะแอบฟังบทสนทนาทั้งหมดอย่างเงียบๆ
“ผู้ฝึกปราณที่เปิดจุดไหลเวียนไปแล้วถึงสามจุด….แหงอยู่แล้วว่าต้องไม่ใช่ตำรวจธรรมดา ๆ แน่”
“ทีมสืบสวนงั้นเหรอ..?”
ซูเย่รีบหาข้อมูลจากความทรงจำของเขาทันที
ทีมสืบสวนที่ว่าคือหน่วยงานจากกระทรวงควบคุมผู้ฝึกยุทธ์ในยุคนี้งั้นเหรอ?
เขาส่ายหัวเล็กน้อย เพื่อขจัดความคิดนั้นก่อนที่ซูเย่จะเดินกลับไปยังมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยางอย่างเงียบ ๆ
ยังไงเรื่องแบบนี้ก็ไม่ใช่กงการอะไรของเขาอยู่แล้ว
เมื่อเขากลับไปถึงห้องพักของตัวเอง เสียงอันคุ้นเคยของรูมเมททั้งสองก็ดังขึ้น
“เสี่ยวเย่ นายกลายเป็นเป็นหัวข้อฮอตฮิตอีกแล้วว่ะ!”
ซูชือพูด กึ่งน้อยใจกึ่งตื่นเต้น จนโทรศัพท์ในมือถึงกับสั่นไปหมด
“ดูสิ มีอาจารย์สอนเล่นพิณผีผาจากสถาบันดนตรีซิงเหมิงที่เห็นคลิปวิดีโอของนาย เข้ามาถามหานายผ่านฟอรัมด้วยนะ! ดูเหมือนว่าเขาอยากจะพบเป็นการส่วนตัว เพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันน่ะ”
“หา?”
ซูเย่มองซูชืออย่างไม่เชื่อ
ซูชือลุกขึ้นมารับขวดน้ำดื่มไปจากซูเย่ ก่อนจะยัดมือถือของเขาใส่มือเพื่อนร่วมห้อง “ดูเอาเองเลย”
ซูเย่มองดูหน้าฟอรัมของบอร์ดรวมมิตรมหาลัยที่เรียงตัวอย่างเป็นระเบียบบนหน้าจอมือถือ ก่อนจะไล่สายตาอ่านชื่อฟอรัม
“นักศึกษามหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจี้หยางใช้มือของตนเองทำอะไรแบบนี้ในที่สาธารณะ คนดูถึงกับตะลึง!”
เมื่อกดเข้าไปดูเนื้อหาภายในกระทู้ก็พบว่า
เนื้อหานั้นเกี่ยวกับการแสดงโชว์ของเขาที่เล่นพิณผีผาบนเวทีไปเมื่อตอนหัวค่ำ
คอมเม้นต์ข้างใต้โพสต์นั้นเต็มไปด้วยคำชม ซูเย่ไม่ได้สนใจอะไรเท่าไหร่ เขาเลยเลื่อนลงไปผ่าน ๆ จนสะดุดตาเข้ากับคอมเม้นต์หนึ่ง
“ฉันคือลั่วตงหมิงจากสถาบันดนตรีซิงเหมิง พอจะมีใครมีข้อมูลของนักศึกษาคนนี้ไหม? พอดีว่าฉันอยากจะพูดคุย แลกเปลี่ยนอะไรกับเขาสักหน่อย”
ข้างล่างข้อความนั้นเต็มไปด้วยข้อความตอบกลับจากนักศึกษาคนอื่น ๆ
“อาจารย์ลั่วตงหมิง? มาได้ไงเนี่ย??”
“มาเลยทุกคน ขอแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จัก นี่คือนักเล่นพิณผีผาระดับชาติแห่งสถาบันดนตรีซิงเหมิง อาจารย์ลั่วตงหมิงนั่นเอง เอง เอง เอง (เอคโค่)”
หลังจากนั้นก็เต็มไปด้วยข้อความแสดงความเคารพนับถือเต็มไปหมด
สัมผัสถึงการเคลื่อนไหวของพลังปราณที่ถูกดูดซับเข้ามา
“ถึงแม้ว่าจะเปิดจุดเส้นลมปราณไปแล้วสองจุด แต่ความเร็วก็ยังไม่คืบหน้าเท่าไหร่”
“ดูเหมือนว่าจะต้องเปิดไปมากกว่าสิบจุด ถึงจะสามารถดูดซับได้เร็วกว่านี้และแข็งแกร่งกว่านี้”
“แถมยังได้พบกับผู้ฝึกปราณถึงสองคนในวันเดียวอีก ดูเหมือนว่าพวกผู้ฝึกปราณในสมัยนี้จะมีจำนวนมากกว่าสมัยก่อน….ฉันจะต้องรีบแข็งแกร่งขึ้น เพื่อชีวิตที่ดีในอนาคต..”
ซูเย่ปล่อยใจให้ว่าง แล้วปล่อยสติสัมปชัญญะเข้าสู่การบำเพ็ญตบะ
ในขณะเดียวกันนั้น
บนระเบียงมีกระหล่ำปลีที่จินฟานเหลือเอาไว้จากปาร์ตี้หม้อไฟเมื่อวานซืน มันถูกปลูกเอาไว้ในกระถางที่ตั้งอยู่ตรงขอบรั้วระเบียง ซูเย่ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเขาที่กำลังใช้คาถารวมปราณอยู่นั้น ได้ทำให้เจ้ากระหล่ำปลีหัวเล็ก ๆ นี้กำลังเติบโตขึ้นอย่างช้า ๆ จากกระแสลมปราณที่ไหลเวียนผ่านมา
…….
เวลาหกโมงครึ่งในยามเช้า
จินฟานและซูชือถอดหมวก VR พร้อม ๆ กันและลุกขึ้นจากเตียงอย่างกระปรี้กระเปร่า
“แหงสิ ถ้าเป็นไปตามที่เขาประชาสัมพันธ์จริง ๆ การเล่นเกมนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อการนอนหลับเลยสักนิด ออกจะเป็นการช่วยให้หลับได้สนิทและมีคุณภาพกว่าปกติด้วยซ้ำ”
ซูชือบิดขี้เกียจพลางกล่าวอย่างพึงพอใจ
“ก็จริงอยู่ แต่ว่ามันไม่ยากไปหน่อยเหรอ”
จินฟานลุกขึ้นอย่างตื่นเต้น แต่กลับกล่าวอย่างสิ้นหวัง “เมื่อคืนน่ะนะ ฉันทำได้แค่ไล่ตีตั้กแตนที่ทางเข้าหมู่บ้านซินโซวเอง แค่จะให้เลเวลอัพก็ยังทำไม่ได้เลย “
“จะให้เลเวลอัพได้ยังไง ก็คนเยอะตั้งขนาดนี้ ฉันไม่ได้ฟาดซักตัวด้วยซ้ำตลอดทั้งคืน แถมยังเป็นฝ่ายที่จะโดนตั๊กแตนฟาดเอาเองซะอีก”
ซูชือเองก็กล่าวอย่างท้อแท้ แต่จู่ ๆ ก็เหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้ เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดสองสามครั้ง ก่อนจะหลุดหัวเราะยาวๆ ออกมา
“ฮ่าฮ่าฮ่า ดูเหมือนว่าทุกคนจะเจอปัญหาเดียวกันหมดเลยนะ ฉันเปิดเช็คเน็ตดูทุกเว็บไซต์แล้ว ขนาดเกมเมอร์มือฉมังระดับประเทศ ก็ยังไม่มีใครไปถึงเลเวลหนึ่งได้เลย ทุกคนทำได้แค่ตีตั๊กแตนกันอย่างเดียว ยอดเยี่ยมจริง… จู่ ๆ ก็รู้สึกดีขึ้นเลยแฮะ!”
หลังจากที่ได้ยินเช่นนั้น จินฟานก็ยกยิ้มขึ้นอย่างมีความสุข ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้ฝีมือแย่หรือโดนทิ้งท้ายอย่างที่คิดเท่าไหร่
ซูเย่ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา ก่อนจะออกจากการบำเพ็ญตบะ แล้วลุกขึ้นนั่งบนเตียง มองเพื่อนทั้งสองที่พูดคุยอย่างออกรสออกชาติ
“เกมนี้มันสนุกมากเลยหรือไง?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]