บทที่ 143 ต่อสู้แบบพันรุมหนึ่ง
ในขณะนี้
ทุกอย่างดูเหมือนจะหยุดชะงักอยู่กับที่
กลุ่มคนดูที่อยู่รอบสังเวียนต่างก็ปากอ้าตาค้างด้วยความตกตะลึง
พวกเขาไม่เข้าใจว่าซูเย่มีความแข็งแกร่งถึงขนาดนี้ได้อย่างไร
ผู้คนส่วนใหญ่ล้วนต้องตกใจกับการถูกปิดล้อม แต่ซูเย่กลับไม่แสดงสีหน้าหวั่นไหวออกมาแม้แต่น้อย
ในเมื่อเขาพูดออกมาเองว่าในโหมดสังเวียนผู้กล้าแห่งนี้ ผู้เล่นสามารถต่อสู้กันได้โดยไม่ต้องส่งคำเชิญอย่างเป็นทางการ นั่นก็หมายความว่าซูเย่กำลังเผชิญหน้ากับฝ่ายตรงข้ามที่มีอยู่ถึง 300 คน!
เหล่าสมาชิกของกลุ่มเก็บกวาดสุนัขข้างถนนเบิกตาโตด้วยความไม่อยากเชื่อ แม้แต่เหมาเก๋อจู่เหรินก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป
“แกมันรนหาที่ตาย!” เขาแผดเสียงคำรามพร้อมกับพุ่งกระโจนเข้าหาซูเย่
แต่ทันทีที่มาถึงเบื้องหน้าซูเย่ เหมาเก๋อจู่เหรินกลับมองไม่เห็นซูเย่อีกแล้ว
มีมือของใครบางคนตะปบลงที่ลำคอของเหมาเก๋อจู่เหริน
ไม่ทราบเลยว่าซูเย่หมุนตัวมาอยู่ข้างกายเหมาเก๋อจู่เหรินตั้งแต่เมื่อไหร่
“ทำไมฉันถึงต้องไว้หน้านายด้วย?”
โดยไม่รอให้อีกฝ่ายตอบคำถาม ซูเย่ก็ใช้ฝ่ามืออีกข้างกระแทกใบหน้าเหมาเก๋อจู่เหรินลอยกระเด็นออกไป
“พวกนายหน้าใหญ่นักใช่ไหม?”
ซูเย่หันกลับมาเผชิญหน้าสมาชิกกลุ่มเก็บกวาดสุนัขข้างถนน และยกมือขึ้นกระดิกนิ้วเรียกทุกคนให้ขึ้นมาบนเวที “เก่งจริงก็ขึ้นมาพร้อมกันได้เลย!”
รอบสังเวียนในขณะนี้
ทุกคนจ้องมองซูเย่ด้วยความเหลือเชื่อ
“เขาจะทำอะไรน่ะ?”
“เมื่อกี้ฉันหูฝาดหรือเปล่า? เขาจะสู้กับคนหลายร้อยคนด้วยตัวคนเดียวเนี่ยนะ?”
แค่เห็นผู้เล่นซึ่งมีอันดับบ๊วยประจำเซิร์ฟเวอร์สามารถล้มผู้เล่นที่มีคะแนนเป็นอันดับหนึ่งได้เมื่อสักครู่นี้ พวกเขาก็ประหลาดใจมากเกินพอแล้ว
แต่นี่เจ้าเวรกรรมยังอยากจะต่อสู้กับคนหลายร้อยคนเพียงลำพังอีกหรือ?
บรรดาคนดูรู้สึกว่าเจ้าเวรกรรมต้องเสียสติไปแล้วแน่ ๆ
“พวกเราฆ่ามันให้ได้!”
บนสังเวียน เหมาเก๋อจู่เหรินหมุนตัวลุกขึ้นมาส่งเสียงคำรามด้วยความโกรธแค้น!
ก่อนหน้านี้ สมาชิกกลุ่มเก็บกวาดสุนัขข้างถนนเจ็บปวดหัวใจเหลือเกินยามเห็นผู้เป็นลูกพี่ถูกฝ่ายตรงข้ามเล่นงานล้มกลิ้งลงไปไม่เป็นท่า เมื่อได้ยินคำสั่งของลูกพี่ใหญ่ให้เล่นงานชายหนุ่มในขณะนี้ ความเดือดดาลที่เก็บกดอยู่ในใจก็ถูกปลดปล่อยออกมา
“ลุยโว้ย!”
“ฆ่ามันนน!”
ผู้คนจำนวนนับร้อยร้องตะโกนออกมาพร้อมกัน ก่อนจะบุกขึ้นไปบนเวทีประลอง
กลุ่มคนถาโถมเข้าไปหาซูเย่ราวกับกระแสน้ำ
คนดูที่อยู่รอบสังเวียนหวาดกลัวว่าตนเองจะได้รับลูกหลงไปด้วย จึงรีบถอยห่างออกมา แต่พวกเขาก็พบว่าไม่มีพื้นที่ให้ถอยกลับไปอีกแล้ว
เนื่องจากด้านหลังมีผู้คนมารวมตัวรับชมเหตุการณ์มากขึ้นเรื่อย ๆ
ไม่รู้มีเหล่าผู้เล่นจากไหนมารวมตัวกันอยู่เต็มไปหมด
“ฉันจะฆ่าแก!”
ชายหนุ่มคนแรกที่เข้าประชิดตัวซูเย่พยายามจะใช้กำปั้นอัดใบหน้าของเขา
“ผลั่ก!”
แต่ก็ถูกซูเย่เตะกระเด็นกลับออกมา
“คนที่หนึ่ง!”
ซูเย่พูด
ชายหนุ่มคนที่สองกระโดดถีบเข้าไป
“ผลั่ก!”
ซูเย่หมุนตัวกระโดดถีบกลับออกมา
“คนที่สอง!”
คู่ต่อสู้คนที่สามพยายามจะต่อยหน้าอกซูเย่
แต่ก็ถูกฝ่ามือของเขากระแทกกระเด็นกลับไป
“คนที่สาม!”
คู่ต่อสู้คนที่สี่ถูกเตะกระเด็นก่อนที่จะเข้าถึงตัวซูเย่เสียอีก
“คนที่สี่!”
“คนที่ห้า!”
“คนที่หก!”
…
ผู้คนจำนวนมากติดตามสถานการณ์ด้วยความตื่นเต้น
พวกเขาพบว่าบนสังเวียนขนาดใหญ่ในขณะนี้ ยังคงมีเหล่าชายฉกรรจ์กระเด็นกลับออกมาอย่างต่อเนื่อง
กลางเวทีคือศูนย์กลางของแรงเหวี่ยงที่ทำให้บรรดาชายฉกรรจ์ลอยกระเด็นออกมา
และชายฉกรรจ์เหล่านี้ก็คือสมาชิกกลุ่มเก็บกวาดสุนัขข้างถนน!
พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับความพ่ายแพ้คนแล้วคนเล่า!
เมื่อผู้คนที่รวมตัวกันอยู่บนเวทีเริ่มลดจำนวนลง กลุ่มคนดูจึงสามารถเห็นเหตุการณ์บนเวทีได้อย่างชัดเจนในที่สุด
แล้วดวงตาของพวกเขาก็เบิกโตจนลูกตาแทบจะหลุดถลนออกมาจากเบ้า
สิ่งที่พวกเขากำลังพบเห็นอยู่คืออะไร?
สิ่งที่พวกเขากำลังพบเห็นอยู่ในขณะนี้ก็คือ เจ้าเวรกรรมกำลังต่อสู้กับคนจำนวนนับร้อยด้วยมือเปล่า!
หนึ่งหมัดที่เขาต่อยออกมา จะต้องมีหนึ่งคนลอยกระเด็นออกไป!
บางคนร่างเลือนหายไปโดยที่ตัวยังตกไม่ถึงพื้นด้วยซ้ำ
เจ้าเวรกรรมอาศัยเพียงหมัดเดียว ก็สามารถฆ่าผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามตายได้แล้ว!
แต่สิ่งที่น่าเหลือเชื่อที่สุดจากการถูกปิดล้อมด้วยคู่ต่อสู้หลายร้อยคนก็คือ ในขณะนี้ ไม่มีใครสามารถเข้าไปใกล้ร่างของเจ้าเวรกรรมได้มากกว่าระยะสองเมตรเลยสักคน!
แม้แต่เหมาเก๋อจู่เหรินก็ไม่สามารถบุกเข้าไปประชิดตัวได้อีก!
“หืม?”
เห็นดังนั้น เหล่าคนดูก็ถึงกับอุทานออกมาด้วยความตะลึงงัน
เจ้าเวรกรรมเพิ่งเปิดจุดลมปราณได้เพียงจุดเดียวจริงหรือ?
เจ้าเวรกรรมเป็นผู้เล่นที่อยู่อันดับสุดท้ายของโหมดสังเวียนผู้กล้าจริงหรือ?
เมื่อเผชิญหน้าการปิดล้อมของผู้เล่นจำนวนหลายร้อยคน นอกจากเขาจะไม่หวาดกลัวแล้ว เจ้าเวรกรรมยังสามารถจัดการฝ่ายตรงข้ามได้อย่างง่ายดายอีกด้วย?
เขาสามารถทำได้อย่างไรกัน?
เจ้าเวรกรรมมีระดับพลังที่แท้จริงอยู่ในขั้นไหนกันแน่?
หลังสลัดความตกตะลึงออกไปได้แล้ว ทุกคนก็หันหน้ากลับไปมองที่เวทีอีกครั้ง
สมาชิกกลุ่มเก็บกวาดสุนัขข้างถนนถูกทำลายล้างไปเกือบครึ่งหนึ่งแล้ว
อย่าว่าแต่พวกเขาจะต่อสู้เพียงลำพัง ต่อให้รุมเข้าไปพร้อมกันหลายสิบชีวิต ก็ไม่สามารถต้านทานการโจมตีของเจ้าเวรกรรมได้เลย
ยามเผชิญหน้าการปิดล้อมของผู้คน ซูเย่ก็ทำตัวเป็นเครื่องจักรสังหารไร้วิญญาณตั้งแต่ต้นจนจบ
เขาลงมือด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ดวงตาเต็มไปด้วยความอำมหิต
“คนที่ 101!”
“คนที่ 102!”
…
“คนที่ 222!”
ทุกการโจมตีของชายหนุ่มจะเข้าสู่จุดตายของคู่ต่อสู้ เพียงไม่กี่วินาที คู่ต่อสู้ของซูเย่ก็ตายลับเลือนหายไป
บนสังเวียนที่เคยมีผู้คนรวมตัวกันอยู่หลายร้อยคน ผ่านไปเพียงพริบตาเดียว ก็เหลือผู้คนยืนต่อสู้อยู่ต่อไปอีกไม่กี่คนแล้ว
ไม่นานหลังจากนั้น
บนสังเวียนต่อสู้ก็เหลืออยู่เพียงสองคน
เป็นซูเย่กับเหมาเก๋อจู่เหริน!
“คนที่ 301!”
ซูเย่พูดและจ้องมองเหมาเก๋อจู่เหรินซึ่งกำลังยันตัวลุกขึ้นยืน
“แก…”
เหมาเก๋อจู่เหรินมองหน้าซูเย่ด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง
“แก… แกมันไม่ใช่มนุษย์!!!”
พูดจบ เหมาเก๋อจู่เหรินก็หมุนตัวเหมือนกำลังจะวิ่งหนี
น่ากลัวเกินไป!
เจ้าเวรกรรมน่ากลัวเกินไปแล้ว!
เหมาเก๋อจู่เหรินไม่เคยคิดฝันว่าจะมีใครสามารถจัดการแก๊งของเขาได้มาก่อน
อย่าว่าแต่อีกฝ่ายมีกำลังคนเพียงตัวคนเดียว ถ้าไม่เรียกว่าเป็นปีศาจ แล้วจะเรียกว่าเป็นอะไรได้อีก!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]