เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] นิยาย บท 144

บทที่ 144 เจ้าหมอนี่แข็งแกร่งมากเกินไป

ซูเย่อยากจะสู้แบบพันรุมหนึ่งอย่างนั้นหรือ?

ตอนที่เฉินเซียนอวี่ได้ยินข่าวนี้ เขาก็ต้องเบิกตาโตด้วยความไม่อยากเชื่อ!

เขาเสียสติไปแล้วหรืออย่างไร?

ถ้าอย่างนั้น ตัวเขาเข้าร่วมเล่นสนุกด้วยดีกว่า!

เฉินเซียนอวี่ก็อยากรู้เหมือนกันว่าซูเย่มีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับไหนกันแน่ ถ้าไม่พิสูจน์ด้วยตัวเอง เฉินเซียนอวี่ไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด!

ด้วยเหตุนี้ ชายหนุ่มจึงเข้าสู่โหมดสังเวียนผู้กล้าและตรงดิ่งไปยังจุดที่ผู้คนกำลังรวมตัวกันหนาแน่น

ในโหมดสังเวียนผู้กล้าขณะนี้

ตอนที่จินฟานได้ข่าวว่าซูเย่สามารถจัดการคู่ต่อสู้กว่า 300 คน ได้ในเวลาเพียงพริบตาเดียว เขาแทบไม่อยากเชื่อสิ่งที่หูของตัวเองได้ยิน

“เชี่ย ทำไมแม่งโหดขนาดนี้วะ!”

ไม่นานต่อมา

ข่าวความยอดเยี่ยมของซูเย่ก็ดังไปทั่วดินแดนสังเวียนผู้กล้า ซึ่งทำให้ทุกคนที่ได้รับทราบข่าวล้วนพากันงุนงงสับสนไม่เข้าใจ

หมอนี่ยังมีสติดีอยู่หรือเปล่า?

การที่สามารถเอาชนะเหมาเก๋อจู่เหรินกับบริวารหลายร้อยคนได้ ก็นับว่ายอดเยี่ยมมากแล้ว แต่นี่ซูเย่ถึงกับกล้าท้าสู่คู่ต่อสู้เป็นพันคนเชียวหรือ?

นี่มันเท่ากับรนหาที่ตายชัด ๆ

ซูเย่รู้ตัวไหมว่าตนเองกำลังจะต้องพบเจอกับอะไร?

เจ้าหมอนี่คิดว่าตัวเองไร้เทียมทานมากนักใช่ไหม?

ได้เลย เดี๋ยวพวกเราจะได้เห็นดีกัน!

ไม่ว่าผลการต่อสู้จะเป็นอย่างไร แต่อย่างน้อย พวกเขาก็อยากเข้าร่วมสนุกด้วย!

มีผู้เล่นจำนวนไม่น้อยที่คิดไปในทิศทางเดียวกัน

ในเวลาเดียวกันนี้

ระหว่างที่หลายคนกดเข้าสู่โหมดสังเวียนผู้กล้า เพื่อเข้าร่วมการประลองกับซูเย่

“ผู้กองครับ ซูเย่ท้าประลองกับผู้เล่นพันคน ให้ผมลองไปสู้กับหมอนั่นดูหน่อยไหมครับ?”

เสี่ยวจุนพลันวิ่งกลับมาถามในห้องทำงานอีกครั้งด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

“หมายความว่ายังไงพันคน?”

หวังเหาชะงักไปทันทีเมื่อได้ยินคำนั้น

“หมอนั่นตั้งกฎขึ้นมาเองครับว่า เมื่ออยู่ในโหมดสังเวียนผู้กล้าก็ห้ามไม่ให้มีการรังแกกันเด็ดขาด ใครก็ตามที่ละเมิดกฎข้อนี้จะต้องถูกเขาฆ่าตาย และเพื่อเป็นการแสดงความแข็งแกร่งของตัวเอง ซูเย่จึงได้ออกปากท้าสู้กับผู้เล่นหนึ่งพันคน” เสี่ยวจุนรีบรายงานด้วยความกระตือรือร้น

“พูดจริงสิ?”

หวังเหาเบิกตาโตไม่อยากเชื่อ

ความรู้สึกอยากมีส่วนร่วมในความสนุกครั้งนี้พลันปรากฏขึ้นในจิตใจ

แต่ตอนนี้เขากำลังทำงานอยู่…หวังเหาลุกขึ้นยืน พยายามควบคุมสีหน้าตัวเองไม่ให้แสดงออกมากเกินไปขณะพูดว่า “คนเพียงคนเดียวจะไปสู้กับคนเป็นพันคนได้ยังไง?”

“ถ้าเป็นในโลกแห่งความจริงคงทำไม่ได้หรอกครับ เพราะระดับพลังลมปราณคงกินกันขาดแล้ว แต่ในโลกแห่งเกม เราลดระดับพลังลมปราณของทุกคนลง เพราะฉะนั้น การต่อสู้ครั้งนี้ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้นะครับ”

“แต่ก็ยังเกินตัวไปอยู่ดี”

หวังเหาถอนหายใจพร้อมกับส่ายหน้า แอบเอื้อมมือเข้าไปหยิบหมวก VR ของตนเองออกมาจากใต้โต๊ะทำงานอย่างเงียบเชียบ

“หรือผู้กองหมายความว่า…หมอนั่นไม่มีทางสร้างปาฏิหาริย์ได้เหรอครับ?”

เสี่ยวจุนถาม

“ฉันหมายความว่า… นายช่วยมาเขียนรายงานแทนฉันหน่อยแล้วกัน เดี๋ยวฉันเข้าไปตรวจดูในเกมเอง”

พูดจบ นายตำรวจหัวหน้าทีมสืบสวนพิเศษก็หิ้วหมวก VR และวิ่งปรู๊ดออกไปจากห้องทำงานหน้าตาเฉย

“อ้าวเฮ้ย!”

เสี่ยวจุนเพิ่งจะตั้งสติได้ ในห้องทำงานแห่งนี้ก็ไม่มีหวังเหาอีกต่อไปแล้ว

“ผู้กองครับ มาตัดหน้ากันแบบนี้ได้ยังไงเล่า!”

เสียงคำรามของนายตำรวจหนุ่มดังก้องกังวานไปทั่วห้องทำงานบนชั้นสอง

ตอนที่หวังเหาเข้าสู่โลกแห่งเกม ผู้คนมากมายก็มารวมตัวกันอยู่ที่สังเวียนแห่งนั้นแล้ว

ทุกคนที่เข้าสู่ระบบขณะนี้ ล้วนมาเพื่อเหตุผลเดียวกันทั้งสิ้น

ไม่นานหลังจากนั้น พวกเขาก็พร้อมใจกันก้าวเดินมายืนอยู่ข้างเวทีด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

1 คน 2 คน 10 คน 20 คน…

100 คน…500 คน…800 คน…จำนวนคนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ในความเงียบ สายตาของผู้คนที่ยืนอยู่ข้างเวทีต่างก็จ้องมองไปที่ซูเย่เป็นจุดเดียว

จังหวะนั้น มีบุคคลผู้หนึ่งก้าวเดินขึ้นไปบนเวที

เขากดแสดงชื่อของตนเอง

‘คนเก็บดอกไม้’

เขาคือผู้เล่นที่มีคะแนนเป็นอันดับสองของโหมดสังเวียนผู้กล้า เพราะเปิดจุดลมปราณได้แล้ว 179 จุด

“หมอนี่ก็มาด้วยเหรอเนี่ย”

กลุ่มคนดูอุทานด้วยความประหลาดใจ

แต่วินาทีต่อมา ก็มีชายฉกรรจ์อีกคนหนึ่งก้าวเดินขึ้นเวทีไปเช่นกัน

‘เกาลัดฟ้าประทาน’

เขาเป็นผู้เล่นที่มีคะแนนเป็นอันดับสาม เปิดจุดลมปราณได้ทั้งสิ้น 79 จุด

“อันดับที่สามก็มาด้วยว่ะ!”

เหล่าคนดูอุทานออกมาอีกครั้ง

แต่เท่านั้นยังไม่พอ

ชายหนุ่มอีกคนหนึ่งก้าวเดินขึ้นไปบนเวที

ผู้เล่นอันดับสี่!

ผู้เล่นอันดับห้า!

ผู้เล่นอันดับหก!

ในที่สุด ทุกคนที่เดินขึ้นไปบนเวทีก็แสดงชื่อของตนเองออกมา

ฝูงชนที่อยู่รอบสังเวียนพากันตกตะลึง แทบพูดอะไรไม่ออก

“อื้อฮือ นี่มันงานรวมตัวยอดฝีมือชัด ๆ!”

“ฉันยังไม่เคยเห็นหน้าผู้เล่นคะแนนสูง ๆ พวกนี้เลยสักคน แต่ตอนนี้ได้เห็นครบหมดทุกคนแล้ว!”

“ขนาดเหมาเก๋อจู่เหรินยังตายแหงแก๋ แล้วคนพวกนี้จะไปเหลืออะไร”

“แต่ถ้ายอดฝีมือร่วมแรงร่วมใจกัน ฉันว่าก็น่ากลัวอยู่นะ ขนาดฉันเป็นแค่คนดูยังตื่นเต้นไปหมดแล้วเนี่ย”

“ไม่ธรรมดา ไม่ธรรมดาจริง ๆ!”

หวังเหายิ้มกว้างเมื่อมองกลุ่มผู้เล่นที่มารวมตัวกันอยู่เบื้องหน้า

ไม่ว่าใครเป็นฝ่ายชนะ เขาก็มีความสุขทั้งนั้น

แต่คงจะดีที่สุดหากซูเย่เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ หรือถูกสั่งสอนอย่างหนักหน่วงเสียบ้าง หลังจากสร้างความรำคาญใจให้แก่เขามาหลายครั้งหลายครา

แต่ถ้าซูเย่เป็นฝ่ายชนะ หวังเหาก็คงรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย

จำนวนผู้คนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ

ไม่ใช่แค่ผู้คนบนสังเวียนต่อสู้เท่านั้น แต่ยังหมายถึงกลุ่มคนดูที่อยู่รอบ ๆ สังเวียนอีกด้วย

ขณะนี้ ไม่มีใครสนใจการต่อสู้จุดอื่น ๆ อีกแล้ว เพราะทุกคนเอาแต่พูดคุยถึงการต่อสู้ของซูเย่ ดังนั้น พวกเขาจึงอยากมารับชมการต่อสู้แห่งประวัติศาสตร์ด้วยตาของตนเอง

ยิ่งมีจำนวนผู้เล่นเดินขึ้นไปบนเวทีมากเท่าไหร่ ขนาดความกว้างใหญ่ของเวทีก็ขยายใหญ่มากขึ้นเรื่อย ๆ เท่านั้น

สุดท้าย เวทีประลองที่ซูเย่ยืนอยู่ก่อนหน้านี้ ก็ขยายใหญ่จนมีขนาดเท่ากับสนามฟุตบอล!

“ทุกคนไม่ต้องขึ้นมาเพิ่มแล้ว ระดับพลังอย่างพวกคุณ ถึงขึ้นมาก็เปล่าประโยชน์”

ชายหนุ่มเจ้าของนามแฝงคนเก็บดอกไม้พูดด้วยสีหน้าเย็นชา

“ตอนนี้มีคนขึ้นมาอยู่บนเวที 1,200 คน ใครที่รู้ตัวว่าตัวเองเป็นผู้เล่นระดับล่างของตารางคะแนน ขอให้รีบถอนตัวออกไปเดี๋ยวนี้”

ไป๋จือหรานกับไป๋จือเหยียนก็มาถึงที่เวทีประลองแห่งนี้แล้วเช่นกัน แต่เมื่อได้ยินคำพูดของคนเก็บดอกไม้ พวกเธอก็ต้องหยุดชะงักอยู่กับที่

แต่สิ่งที่ทำให้สองสาวฝาแฝดตกใจมากที่สุดก็คือ ชายหนุ่มที่อยู่บนเวทีนั้นกลับกลายเป็นซูเย่ไปได้อย่างไรไม่ทราบ

ในระหว่างที่สองสาวฝาแฝดกำลังประหลาดใจอยู่นี้ กลุ่มผู้เล่นที่มีลำดับคะแนนอยู่ท้ายตารางก็ชักสีหน้าด้วยความไม่สบอารมณ์ ทำไมคนเก็บดอกไม้ถึงต้องไล่พวกเขาลงจากเวทีด้วย แบบนี้มันยุติธรรมดีแล้วหรือ

พวกเขาหันหน้าปรึกษาหารือกันเล็กน้อย ก็ได้ข้อสรุปว่าไม่มีใครอยากลงไปจากเวที

ซูเย่จ้องมองคู่ต่อสู้กว่า 1,000 คน ที่ยืนอยู่เบื้องหน้า กล่าวว่า “ในเมื่อมากันครบแล้ว ก็เข้ามาได้เลย!”

ช่างกวนบาทาได้ใจ!

กลุ่มคนดูพร้อมใจกันตบมือชื่นชมซูเย่

หลังจากรอคอยมาอย่างยาวนาน ในที่สุด การต่อสู้ก็จะเริ่มขึ้นสักที

ทุกสายตาจ้องมองไปยังเวทีต่อสู้ด้วยความตื่นเต้น

“เสี่ยวเย่ สู้ ๆ นะเว้ย!”

จินฟานซึ่งยืนอยู่ในกลุ่มคนดูยกมือป้องปากตะโกนเชียร์เพื่อนรักบนเวที

“เตรียมตัวรับมือให้ดี!”

คนเก็บดอกไม้ผู้มีคะแนนเป็นอันดับที่ 2 ของโหมดสังเวียนผู้กล้าพุ่งเข้าไปหาซูเย่ด้วยความดุร้าย

ลักษณะการเคลื่อนไหวเห็นได้ชัดว่ามาจากการฝึกซ้อมวิชาหมัดพื้นฐานซึ่งถูกสอนมาโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ

คนเก็บดอกไม้หมุนตัวตวัดขาเตะเข้าใส่ช่วงเอวของซูเย่

แต่นี่เป็นเพียงกระบวนท่าหลอก ตราบใดที่คู่ต่อสู้ยกขาขึ้นมาป้องกัน คนเก็บดอกไม้ก็จะเปลี่ยนเป้าหมายเป็นการออกหมัดใส่ศีรษะฝ่ายตรงข้ามทันที

ซูเย่โคจรพลังลมปราณรวมไว้ที่มือของตนเอง ก่อนจะคว้าจับข้อเท้าของอีกฝ่ายเอาไว้

“นายโดนหลอกแล้ว!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]