บทที่ 145 ท้าดวลผู้คุ้มกันสังเวียน
“นี่ฉันตาฝาดหรือเปล่า? หรือว่าฉันกำลังฝันไป? ใครก็ได้บอกฉันหน่อยว่าเรื่องนี้เป็นความจริงใช่ไหม?”
“แข็งแกร่งเกินไปแล้ว! แข็งแกร่งเกินไป! คนที่ได้ตำแหน่งอันดับสุดท้ายและเปิดจุดลมปราณได้เพียงจุดเดียว ทำไมถึงแข็งแกร่งขนาดนี้? ระบบต้องผิดพลาดแน่ ๆ เก่งขนาดนี้อย่างน้อยต้องเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับสองแล้วมั้ง”
“ขนาดเราจะเอาชนะคู่ต่อสู้สักคนยังต้องใช้เวลาตั้งนาน แต่นี่เขาเอาชนะคนตั้ง 1,200 คน ในเวลาไม่ถึง 10 นาที แบบนี้จะไม่น่าตกใจได้ยังไง!”
หลังจากนั้นสังเวียนประลองก็เต็มไปด้วยเสียงอุทานด้วยความเชื่อ
ถึงแม้พวกเขาจะเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ด้วยตาของตัวเอง
แต่ทว่ากลุ่มคนดูก็รู้สึกไม่ต่างจากตนเองกำลังฝันไป!
หวังเหาที่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มคนดูยังคงจ้องมองเวทีด้วยความตกตะลึง
ไป๋จือหรานกับไป๋จือเหยียนจับจ้องมองซูเย่ด้วยความไม่อยากเชื่อ
“เขาใช่มนุษย์จริง ๆ หรือเปล่าเนี่ย?”
ไป๋จือเหยียนอยู่ในอาการปากอ้าตาค้างจากความประหลาดใจสุดขีด
“นั่นสินะ”
ไป๋จือหรานก็กำลังจ้องมองซูเย่และพูดออกมาด้วยความตกตะลึงเช่นกัน “คนเราจะแข็งแกร่งถึงขนาดนี้ได้ยังไง?”
พวกเธอคิดหาคำตอบไม่ได้เลยว่าเพราะอะไรซูเย่ที่เปิดจุดลมปราณได้เพียงจุดเดียว กลับสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ถึง 1,200 คน ได้สำเร็จ…
“เหยด! เหยด! เหยด!”
เมื่อเห็นว่าซูเย่ยังคงยืนหยัดอยู่บนเวทีได้อย่างสง่าผ่าเผย จินฟานก็กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ
“เสี่ยวเย่สุดยอดไปเลยว่ะ!”
“สุดยอด! เพื่อนฉันเก่งที่สุดในโลกโว้ย!!!”
บนเวทีในฐานะที่เป็นหนึ่งในคู่ต่อสู้จำนวน 1,200 คน เช่นกัน เฉินเซียนอวี่นอนจ้องมองซูเย่อยู่บนพื้นด้วยความตกตะลึงสุดขีด
แข็งแกร่งมากเกินไป
ชายหนุ่มคนนี้แข็งแกร่งมากเกินไป
เพียงโดนโจมตีด้วยกระบวนท่าเดียว เฉินเซียนอวี่ก็เจ็บปวดจนไม่อาจขยับร่างกายได้อีก
เขารู้สึกเหมือนมีภูเขาลูกใหญ่กดทับลงมาทั้งลูกทำให้หายใจไม่ออก!
ในเวลาเดียวกันนั้น
เขาชำเลืองมองรอบตัวและกล่าวว่า “คราวนี้ทุกคนคงรู้ซึ้งถึงความน่ากลัวของฉันแล้วใช่ไหม!”
“เพราะฉะนั้น พวกนายต้องทำตามกฎของฉัน หากใครฝ่าฝืน ฉันจะฆ่าให้หมด!”
“มีใครไม่เห็นด้วยก็ขึ้นมาบนเวทีได้เลย!”
กลุ่มคนดูเงียบกริบและจ้องมองซูเย่โดยที่ไม่มีใครกล้าพูดอะไรสักคำ
พวกเขายังจะสามารถพูดอะไรได้อีก
เจ้าเวรกรรมแข็งแกร่งถึงขนาดนี้ ไม่ว่าออกกฎอะไรมา พวกเขาก็ยินดีทำตามทั้งนั้น
ภายใต้การจ้องมองของทุกคน ซูเย่ก้าวเดินลงมาจากเวทีอย่างเชื่องช้า
ผู้คนที่ยืนจับกุมขวางทางอยู่รีบหลบไปข้างทางให้ชายหนุ่มเดินผ่านโดยอัตโนมัติ
หลังจากนั้น พวกเขาก็เห็นว่าเจ้าเวรกรรมเดินหายตรงเข้าไปในส่วนที่ลึกที่สุดของหุบเขาประจำดินแดนสังเวียนผู้กล้า
ในหุบเขาแห่งนั้นมีภูเขาที่สูงที่สุดอยู่ลูกหนึ่ง
บนยอดเขาลูกนั้นมีสังเวียนต่อสู้แห่งหนึ่ง
บนสังเวียนนั่งขัดสมาธิด้วยชายฉกรรจ์คนหนึ่ง
ชายฉกรรจ์คนนี้คือผู้คุ้มกันสังเวียน
เขาเปรียบเสมือนบอสประจำด่านนี้ เป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับหนึ่ง สามารถเปิดจุดลมปราณได้ถึง 200 จุดแล้ว!
“อย่าบอกนะว่าหมอนั่นจะไปท้าดวลกับผู้คุ้มกันสังเวียน?”
“เขาบ้าไปแล้วหรือไง?”
“ถ้าเจ้าเวรกรรมสามารถเอาชนะผู้คุ้มกันสังเวียนได้ ก็เท่ากับว่าเขาสามารถเอาชนะโหมดสังเวียนผู้กล้าได้สำเร็จ ถึงหมอนี่จะแข็งแกร่งมากก็เถอะ แต่เขาจะเอาชนะผู้คุ้มกันสังเวียนได้ยังไง? ฝ่ายนั้นเปิดจุดลมปราณได้แล้วตั้ง 200 จุด ไม่ใช่แค่ 180 จุด เหมือนเหมาเก๋อจู่เหรินสักหน่อย!”
เมื่อเห็นว่าซูเย่ตั้งใจเดินตรงไปยังภูเขาลูกนั้น ทุกคนก็ได้แต่คิดด้วยความพิศวงสงสัย
ถึงเจ้าเวรกรรมจะสามารถแสดงปาฏิหาริย์ให้พวกเขาเห็นได้ก็จริง แต่เหล่าคู่ต่อสู้ที่ถูกจัดการบนเวทีนั้น ไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงสักหน่อย
อย่างน้อยก็เทียบไม่ได้เลยกับผู้คุ้มกันสังเวียน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]