บทที่ 146 เกมนี้ต้องมีบั๊กแน่ ๆ
ทันใดนั้น ใบหน้าของผู้คุ้มกันมีความเย็นชามากขึ้น พลังลมปราณที่แผ่ออกจากร่างกายก็รุนแรงมากขึ้น
เขาสะกิดปลายเท้าลงบนพื้นเวที ใช้แรงกระแทกที่เกิดขึ้นระหว่างเซถอยหลังเป็นแรงเหวี่ยงหมุนตัวเตะกลับหลังฟาดส้นเท้าเข้าใส่ศีรษะของซูเย่
“ผลั่ก!”
เขาไม่ได้ขยับหลบหนี แต่ยกแขนขึ้นมาปิดด้านข้างศีรษะของตนเอง ทำให้สามารถป้องกันการโจมตีด้วยส้นเท้าของผู้คุ้มกันได้ทันเวลา
ซูเย่ยังคงไม่ได้บุกตะลุยไปข้างหน้า
เขาถูกโจมตีถึงสองกระบวนท่า แต่ก็ยังไม่ได้ตอบโต้กลับไป
ผู้คุ้มกันรีบหมุนตัวทิ้งระยะห่าง หันหน้ากลับมาถลึงตามองชายหนุ่มด้วยความระมัดระวัง
บรรดาผู้เล่นที่ติดตามมารับชมการต่อสู้ ล้วนเบิกตาโตด้วยความตกตะลึงอีกครั้ง
ผู้คุ้มกันสังเวียนมีความแข็งแกร่งมากไม่ใช่หรือ?
สองกระบวนท่าที่โจมตีออกมาเมื่อสักครู่นี้ หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นคงไม่สามารถต้านทานได้แล้ว
แต่เจ้าเวรกรรมกลับรับมือได้อย่างสบาย
ทุกสายตาจ้องมองไปที่ซูเย่ด้วยความตื่นเต้น
หมอนี่แข็งแกร่งถึงขนาดนี้ได้ยังไงกันเนี่ย!
“หรือว่าเขาจะเอาชนะผู้คุ้มกันได้จริง ๆ?”
คำถามนั้นปรากฏขึ้นมาในจิตใจของหวังเหา
ถึงเขาจะรู้ดีว่าเพลงหมัดขั้นพื้นฐานไม่มีทางเอาชนะวิชาการต่อสู้ของผู้คุ้มกันสังเวียนได้เด็ดขาด
แต่วินาทีต่อมา
ซูเย่ก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว
การจู่โจมสองครั้งติด ๆ เมื่อสักครู่นี้ ทำให้ชายหนุ่มสามารถประเมินพลังของผู้คุ้มกันสังเวียนได้พอสมควร
เขาเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็วราวสายฟ้าฟาด พร้อมกับปล่อยหมัดชกออกไปที่ศีรษะของอีกฝ่ายด้วยความว่องไว
เมื่อเห็นกำปั้นพุ่งตรงเข้ามาหาตนเอง สีหน้าของผู้คุ้มกันสังเวียนก็เปลี่ยนแปลงไป
เขายกแขนทั้งสองข้างขึ้นมาป้องกันศีรษะ
“ผลั่ก!”
กำปั้นของชายหนุ่มกระแทกเข้าใส่ท่อนแขนของผู้คุ้มกัน
สีหน้าของผู้คุ้มกันเปลี่ยนแปลงไปอีกครั้ง
แรงอัดของพลังลมปราณไม่ได้ซัดใส่เข้ามาอย่างที่คิด
สิ่งที่ผู้คุ้มกันรู้สึกก็คือมันเป็นการกระแทกของหมัดธรรมดา ๆ เมื่อยกมือขึ้นป้องกันแล้ว ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก
แต่วินาทีต่อมา ผู้คุ้มกันถึงได้ตระหนักว่ามีนิ้วมือกำลังจ่ออยู่ที่ลำคอของตนเอง
ขอแค่นิ้วมือนั้นทิ่มออกมาข้างหน้าอีกเล็กน้อย
เขาก็จะคอหักเสียชีวิตไปทันที
เขาเบิกตาโตจ้องมองซูเย่อยู่เนิ่นนาน สุดท้ายก็ได้แต่พูดออกมาด้วยใบหน้าบิดเบี้ยวว่า “นายชนะแล้ว!”
ซูเย่ชักมือกลับ
“เท่ากับว่าผมผ่านโหมดนี้แล้วใช่ไหม?”
ซูเย่ถามให้แน่ใจ
“ผ่านแล้ว”
ผู้คุ้มกันมองหน้าชายหนุ่มอีกเล็กน้อย ก็หมุนตัวกลับไปนั่งกลางเวทีเพื่อปรับระดับพลังลมปราณ และรอคอยผู้ท้าดวลคนต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เห็นดังนั้น กลุ่มผู้เล่นที่ติดตามมารับชมการต่อสู้ก็ถึงกับปากอ้าตาค้าง
เจ้าเวรกรรมชนะแล้วหรือ?
เพิ่งเปิดจุดลมปราณได้เพียงจุดเดียวกลับสามารถเอาชนะผู้คุ้มกันสังเวียนที่มีความแข็งแกร่งที่สุดได้แล้ว?
หวังเหากำลังขมวดคิ้วเฝ้ามองซูเย่ด้วยความประหลาดใจไม่แพ้ทุกคน
“ถ้าให้ต่อสู้กันจริง ๆ นายจะสามารถเอาชนะฉันได้ตั้งแต่ตอนไหน?”
ทันใดนั้น ผู้คุ้มกันส่งเสียงถามออกมาเหมือนติดใจสงสัยอะไรบางอย่าง
“ตั้งแต่ตอนที่คุณโจมตีกระบวนท่าแรก”
ซูเย่ตอบ
ผู้คุ้มกันสังเวียนชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจ ก่อนพูดน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ถ้าเป็นโลกความจริง นายคงมายืนพูดอยู่แบบนี้ไม่ได้แล้ว”
พูดจบ
เขาก็หลับตานั่งสมาธิไม่สนใจชายหนุ่มอีก
ซูเย่ไม่พูดอะไร หันกลับมากวาดตามองกลุ่มคนดูผู้รับชม และก้าวเดินลงมาจากสังเวียนต่อสู้
หวังเหายืนดูจนซูเย่เดินหายลับไปจากสายตา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]