สรุปตอน บทที่ 196 ขอบคุณมาก ซูเย่ – จากเรื่อง เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] โดย Internet
ตอน บทที่ 196 ขอบคุณมาก ซูเย่ ของนิยายกำลังภายในเรื่องดัง เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
บทที่ 196 ขอบคุณมาก ซูเย่
ณ ภัตตาคารหมิงหู
นักข่าวที่ไม่สามารถสัมภาษณ์หวังหงฮวาได้ในเมื่อวานนี้ วันนี้เขามาอีกครั้ง และเมื่อเห็นงานกิจกรรมโปรโมทที่จะจัดขึ้น แววตาก็วาวโรจน์ทันที
นี่มันเป็นข่าวฮอต!
“คุณหวังหงฮวา เถ้าแก่ของภัตตาคารหมิงหูใช่ไหมครับ” นักข่าวที่ตรวจสอบข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตมาแล้ว เดินตรงไปที่วังหงฮวาพร้อมถามด้วยรอยยิ้ม
“คุณคือ?”
หวังหงฮวาฉงนใจ
“สวัสดีครับ ผมเป็นนักข่าวจากสถานีโทรทัศน์จี้หยาง เมื่อวานนี้ผมมาหาคุณ แต่คุณไม่อยู่ คือผมมาที่นี่เพราะอยากสัมภาษณ์คุณ”
นักข่าวเอื้อมมือออกไปหาหวังหงฮวา
“สวัสดีครับ ยินดีต้อนรับเช่นกัน…” หวังหงฮวาจับมือกับนักข่าวอย่างกระตือรือร้น
นักข่าวเข้าประเด็นหัวข้อสัมภาษณ์ทันที “กะหล่ำปลีผัดเผ็ดธรรมดาจานหนึ่งมีราคา 88 หยวน คุณคิดว่าคนทั่วไปจะมองว่าแพงไหม”
“โดยส่วนตัวแล้วผมคิดว่าคุณภาพของอาหารขึ้นอยู่กับรสชาติ รสชาติของกะหล่ำปลีนี้มีมูลค่าคู่ควร 88 หยวน ดีไม่ดีอาจจะสูงกว่านั้น”
หวังหงฮวากล่าวอย่างมั่นใจ
ราคาที่สูงกว่านี้?
ประเด็นฮอตแน่นอน
นักข่าวยิ้มอย่างดีใจ
“นั่นคือเหตุผลที่คุณกล้าจัดกิจกรรมวันนี้เหรอครับ กิจกรรมนี้มันบ้าบิ่นมาก คุณไม่กลัวว่าคนอื่นจะจงใจบอกว่าไม่อร่อยเหรอ?”
“ผมเชื่อในคุณธรรมของทุกคน และผมเชื่อในรสชาติที่ยอดเยี่ยมของกะหล่ำปลีของเรา!”
“ถ้ามีคนจงใจบอกว่าไม่อร่อยจริงๆ ล่ะ”
“ผมเต็มใจจ่าย 88 หยวนให้เขา”
“ดูท่าคุณมั่นใจในกะหล่ำปลีของตัวเองมาก” นักข่าวกล่าว
หวางหงฮวายิ้มเบาๆ แล้วพูดต่อ “ความมั่นใจของผมมาจากลูกค้า วันนี้พวกเรามารอดูกัน…”
ในเวลานี้ ฝูงชนที่อยากรู้อยากเห็นต่างก็เริ่มเข้ามาแล้ว ถึงกับมีสาวใหญ่คนหนึ่งลิ้มรสมันอย่างสงสัย
“ว้าว อร่อย” สาวใหญ่ถูกรสชาติที่ได้ลิ้มลองทำให้ตกตะลึง
ในขณะนี้ ชายหนุ่มเสเพลคนหนึ่งก็เบียดเข้ามา
“ถ้าบอกว่าไม่อร่อยก็ให้ 88 หยวน?”
“หึหึ…เงินพอที่จะซื้อบุหรี่ได้หกซอง วันนี้ฉันเอามันไปแน่!”
ดวงตาของชายหนุ่มวาวโรจน์ และเขาก็เดินมุ่งหน้าไปยังจุดชิม
“เอากะหล่ำปลีมาให้ฉันชิมซิ ฉันจะลองชิมดูว่ามันอร่อยแค่ไหนเชียว”
ชายหนุ่มพูดอย่างหยิ่งผยอง
พนักงานเสิร์ฟตักใส่ถ้วยกระดาษในทันที ใส่ไม้จิ้มฟันแล้วยื่นให้อีกฝ่าย
ชายหนุ่มเปิดตะเกียบที่ใช้แล้วทิ้งสีหน้าฉายแววสนุกสนาน และคีบกะหล่ำปลีชิ้นหนึ่งเข้าปาก
“ไม่……”
ตอนที่กำลังจะบอกว่ามันไม่อร่อย แต่เมื่อกัดลงไปและเคี้ยวหนึ่งที
ทั้งร่างก็ตะลึงค้างไปชั่วขณะ
ความประหลาดใจค่อยๆ ปกคลุมใบหน้าของเขา
ขณะที่เขาเคี้ยวไปเรื่อย ๆ สีหน้าตกใจที่ปรากฏบนใบหน้าก็มากขึ้นเรื่อย ๆ ในที่สุด เขาก็ยกถ้วยกระดาษที่ใส่กะหล่ำปลีขึ้นและกลืนกะหล่ำปลีทั้งหมดเข้าไปภายในสองคำ
บ้าจริง! อร่อยเกินห้ามใจ~
แม้ว่าเขาจะใช้พลังจินตนาการทั้งหมดในชีวิต เขาก็ไม่เคยคิดเลยว่ากะหล่ำปลีจานหนึ่งจะผัดได้อร่อยขนาดนี้!
ฟินเกินไปแล้ว อร่อยมาก!
ทันใดนั้นเขาก็สับสนใจ
เอาเงิน 88 หยวนแลกกับการที่ทั้งชีวิตนี้จะไม่ได้กินกะหล่ำปลีแบบนี้อีก หรือจะยอมจำนนต่อความอร่อยดี?
ลังเลอยู่นาน
ชายหนุ่มพูดออกมาอย่างอึกอัดใจเล็กน้อย
“อร่อย!”
แล้วก็เดินจากไปอย่างสง่าผ่าเผย จดจำสถานนี้แห่งนี้ เพื่อมากินข้าวเที่ยงครั้งหน้า!
สีหน้าของผู้คนรอบๆ ดูผิดหวังขึ้นมาทันที เมื่อมองดูสีหน้าของชายหนุ่มตอนนี้ เดิมทีคิดว่าจะมาหาเรื่อง นึกไม่ถึงว่าจะเป็นอีกคนที่พูดว่าอร่อย
นัยน์ตาของนักข่าวฉายแววผิดหวังแวบหนึ่ง เมื่อเห็นทุกคนกินอย่างมีความสุข เขาก็กลืนน้ำลายอย่างไม่ทันรู้ตัว
“หึ ผู้ชายคนนี้เป็นหน้าม้าละสิ ฉันไม่เชื่อว่ากะหล่ำปลีเน่าชิ้นหนึ่งจะอร่อยได้สักเท่าไหร่”
ในขณะนั้นมีลูกค้าขาจรอีกคนหนึ่งเข้ามา
“ฉันก็ไม่เชื่อเหมือนกัน!”
“กะหล่ำปลีหนึ่งจานจะอร่อยได้แค่ไหนกันเชียว?”
“กะหล่ำปลีราคาแพงขนาดนี้ หรือว่ามันจะอร่อยไปกว่าเนื้องั้นเหรอ?”
เวลานี้ผู้ที่ไม่เชื่อทยอยเดินหน้าขึ้นมา…แต่เมื่อได้ลองชิม
“นี่… นี่มันอร่อยมาก”
“แค่กะหล่ำปลีจริงๆ งั้นเหรอ?”
“นี่มันอร่อยเกินไปแล้ว!”
เมื่อมีบางคนคิดไม่ซื่อจะบอกว่าไม่อร่อย แล้วรับเงิน 88 หยวน พอคิดได้ว่าตนเองจะไม่สามารถเข้าร้านได้อีกตลอดชีวิต ก็เปลี่ยนใจโดยพลัน
แถมยังหยิบมือถือออกมาถ่ายรูป
วันนี้มีเรื่องแปลกแบบนี้เกิดขึ้น งั้นก็ต้องโพตส์ลงไทม์ไลน์สักหน่อย!
“เถ้าแก่หวัง สุดยอดมาก!”
นักข่าวยกนิ้วโป้งขึ้น แล้วดำเนินการสัมภาษณ์ต่ออีกเล็กน้อยเพื่อเตรียมกลับไปเขียนบทความ
หวังหงฮวาหยิบซองแดงสองพันหยวนออกมาแล้วยัดเข้าไปในกระเป๋าของเขาอย่างเงียบๆ
“ค่าน้ำชา”
นักข่าวยิ้มเล็กน้อย ถือว่ารู้งานดีนี่…!
เมื่อสัมผัสถึงความหนาและน้ำหนักอย่างชำนาญ …มันก็น่าจะถึงสองพันหยวน เขาจึงกลับไปเขียนต้นฉบับอย่างอิ่มใจ
ในไม่ช้าต้นฉบับก็ถูกเขียนขึ้นภายใต้อิทธิพลของสมองที่เรียบเรียงคำพูดออกมาได้อย่างรวดเร็วเพราะค่าดื่มน้ำชา ต่อจากนั้นบทความก็ได้รับการตรวจสอบและแชร์ออกไป
“อาหารอันโอชะที่ถูกลืมเลือน กะหล่ำปลีราคาสูงเทียมฟ้าแห่งภัตตาคารหมิงหู คุ้มค่า!!!”
ในบทความล้วนเป็นคำชม
ไม่เพียงแค่การอ้างถึงบทความของนักวิจารณ์อาหารเท่านั้น แต่ยังมีการวิเคราะห์รสชาติจากทุกแง่มุม และสถานที่ที่ผู้คนเฝ้าฝัน
อีกทั้งเขายังปลอมแปลงการสัมภาษณ์กับลูกค้าหลายคนขึ้นมา ซึ่งมันก็แทบจะชมภัตตาคารหมิงหูจนลอยขึ้นฟ้า โดยในส่วนท้ายของบทความก็ได้แนะนำกิจกรรมชิมฟรีของวันนี้อย่างเด่นชัด
“แค่เพียงคุณกล้าพูดว่าไม่อร่อย ภัตตาคารหมิงหูก็ยินดีจ่ายเงิน…”
เมื่อบทความนี้ออกไป ก็ดึงดูดผู้อ่านจำนวนมากทันที
ไม่ได้เขียนผิดใช่ไหม
แค่กินเสร็จแล้วบอกว่าไม่อร่อยก็จะได้เงิน 88 หยวน
เถ้าแก่คนนี้บ้าไปแล้วหรือ?
รวยไม่พอ ต้องโง่ด้วย !
ทุกคนมองว่าเป็นเรื่องตลกขบขันแล้วแชร์ต่อทันทีภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง
“หมอเทวดาน้อย”
เมื่อเห็นซูเย่ เอ้อล่ายจื่อก็ทักทายเขาด้วยรอยยิ้มทันที
“หมอเทวดาอะไรกัน เรียกเถ้าแก่ซู”
หม่าเหล่าเอ้อเดินตามไปทันที ให้ตัวเองเป็นคนแรกที่เดินนำไปจนถึงด้านหน้าซูเย่
“วันนี้ผมมาเพื่อมอบของให้พวกคุณโดยเฉพาะ…” ซูเย่วางกระเป๋าในมือลงและหยิบสุราเหมาไถออกมาสี่ขวด เมื่อเห็นเฟยเทียนเหมาไถ ดวงตาของทั้งสองคนก็เบิกกว้างขึ้นในทันใด
เคยได้ยินชื่อมานานแล้ว แต่ยังไม่เคยลิ้มรส! ทั้งสองอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายอึกใหญ่
ซูเย่ส่งให้คนละขวด
“ขอบคุณทุกคนมาก!” ทั้งสองก็ไม่เกรงใจ และกอดสุราไว้ในอ้อมแขนพลางหัวเราะอย่างสุขใจ
ซูเย่ยิ้มและหยิบเงินอีก 5,000 หยวนออกมาส่งให้เอ้อล่ายจื่อพลางกล่าว “นอกจากเงินที่จ่ายในหมู่บ้าน เงินนี้เป็นเงินเดือนของคุณ”
เอ้อล่ายจื่อรับเงินมา
เขาเป็นคนตรงๆ เหล้าก็รับมาแล้ว ทำไมจะไม่รับเงินมาล่ะ? ยิ่งไปกว่านั้น เขายากจนข้นแค้นต้องการเงินจะตายไป!
หม่าเหล่าเอ้อมองดู คิดว่าฉันเองก็อยากได้เงินนี่ด้วย!
ซูเย่หยิบธนบัตร 100 หยวนจำนวนสี่กองออกจากกระเป๋าของเขา แล้วส่งต่อให้หม่าเหล่าเอ้อแล้วกล่าว “นี่เป็นค่าขอบคุณสำหรับคุณและพี่น้องของคุณ”
เห็นเงินจำนวนมากเช่นนี้ สายตาของทั้งสองต่างละไปไม่ได้
พวกเขาเคยเห็นเงินเยอะเพียงนี้เสียเมื่อไหร่ล่ะ?!
“แบบนี้จะดีเหรอ?”
หม่าเหล่าเอ้อสูดหายใจลึกหนึ่งเฮือก ในขณะที่พูดอย่างกระดากอายเขาก็รับเงินที่ซูเย่ส่งมา
“ผมคิดว่าอย่างนี้…”
ซูเย่มองหม่าเหล่าเอ้อพลางกล่าว “คุณและพวกพ้องของคุณก่อตั้งทีมรักษาความปลอดภัยเถอะ รับผิดชอบดูแลที่นาผืนนี้ ผมไม่อยากให้ใครเข้ามายุ่งวุ่นวาย มีความเคลื่อนไหวแม้เพียงเล็กน้อยก็รีบแจ้งให้ผมทราบทันที…”
การระวังผู้อื่นนั้นมิควรขาด โดยเฉพาะระวังผู้ฝึกยุทธ์!
เขาได้ปูคาถารวมปราณขนาดใหญ่ขึ้นที่นี่ ภายใต้พลังปราณอันเบาบางของโลกใบนี้ บริเวณนี้ที่ปกคลุมด้วยคาถารวมปราณ มีความเป็นไปได้ที่จะถูกค้นพบโดยผู้ฝึกยุทธ์คนอื่น โดยเฉพาะทีมสืบสวน เมื่อพบแล้วจะต้องถูกสอบสวนอย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงต้องการคนที่คอยจับตาดู
“ได้สิ ไม่มีปัญหา !”
หม่าเหลาเอ้อถือเงินไว้ตบหน้าอกอย่างมีความสุขพลางกล่าว “มีพี่น้องของเราอยู่ ฉันไม่กล้าพูดจาใหญ่โต แต่ภายในรัศมี 20 กิโลเมตรที่ดินผืนนี้ไม่มีใครทำอะไรได้แน่ !”
“งั้น เงินเดือน 3000 นะครับ…” ซูเย่พยักหน้าอย่างพอใจแล้วกล่าว “ให้เอ้อล่ายจื่อมีหัวหน้าทีมรักษาความปลอดภัย หม่าเหล่าเอ้อเป็นรองหัวหน้า ตำแหน่งคุณสองคนค่อนข้างสูง ดังนั้นเงินเดือน 5000 ลูกน้องพวกคุณแปดคนเงินเดือน 3000”
เมื่อทั้งสองได้ยินดังนั้นพวกเขาก็พยักหน้าทันที
เรื่องดีๆ ทำนองนี้ แน่นอนว่าพวกเขาอยากทำ
ก็แค่เฝ้าที่นาไม่ใช่หรือ? ยามปกติพวกเขาคุ้นเคยกับความเกียจคร้าน จะไปทำงานอื่นก็ทำไม่ไหว งานนี้เป็นงานที่ลงตัวมากจริงๆ
ถ้าไม่ได้จริงๆ ก็ให้หมามาคอยไล่สัตว์ตัวเล็กตัวน้อย เท่ากับยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว!
“ขอบคุณนะ หมอเทวดาน้อย”
เอ้อล่ายจื่อขอบคุณซูเย่อย่างรวดเร็ว
“เถ้าแก่ซู ไม่ต้องกังวล ฉันจะทำตามความต้องการของคุณ และจะทำให้ดีที่สุดอย่างแน่นอน”
หม่าเหล่าเอ้อเองก็รับปากอย่างซาบซึ้งใจ
“ครับ”
ซูเย่ยิ้มพลางพยักหน้า
ในเวลานี้
“ติ๊ง!”
แจ้งเตือนข้อความก็ดังขึ้น
ซูเย่หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วเหลือบมอง เป็นข้อความที่หวังห่าวส่งมา
“หมวก VR มาถึงแล้ว 3 ทุ่มคืนนี้ให้มารับที่ห้องซ้อม”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]