บทที่ 22 หนีไปด้วยกันไหม?
“เข้าไปคุยกันในห้อง”
ซูเย่บอกให้ทั้งสองเงียบเสียงลง และดึงสองพี่น้องไป๋กลับไปที่ห้องของพวกเธอ
“ลูกพี่ซู หาที่นี่เจอได้ยังไง เจ๋งไปเลย!”
ไป๋จือเหยียนยกนิ้วโป้งให้อย่างมีความสุข
“บอกฉันมาว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
ซูเย่เอ่ยถามอย่างร้อนรน
“พ่อโทรมาบอกว่าสุขภาพของแม่ไม่ค่อยดี ต้องรีบกลับบ้าน พวกเราเลยรีบกลับมา แต่เจอผู้หญิงคนหนึ่งบนเครื่อง ยืนกรานจะรับเราสองพี่น้องเป็นศิษย์ บอกว่าเรามีแกนกระดูกที่เหมาะกันการฝึกฝน”
ไป๋จือหรานขมวดคิ้วพลางเอ่ยเล่าเรื่องราวทั้งหมด
“เราสองคนไม่สนใจเธอ แต่พอเรากลับถึงบ้าน ไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงมาที่บ้านได้ แล้วไปคุยกับพ่อของฉัน สุดท้ายก็โน้มน้าวพ่อฉันจนสำเร็จ รายละเอียดฉันก็ไม่แน่ใจว่าเขาคุยอะไรกัน หลังจากนั้นเธอก็พาเรามาที่นี่ เราไม่ได้อยากมา แต่เราทำอะไรไม่ได้เลย เธอคนนั้นเก่งมากจริง ๆ และเราก็ถูกจัดการได้ในกระบวนท่าเดียว”
“ฮึ”
ทันทีที่ไป๋จือหรานพูดจบ ไป๋จือเหยียนก็กล่าวเสริมทันที “คนนั้นพูดโน้มน้าวซะที่ไหน ให้กำลังจนยอมมากกว่า!”
เมื่อซูเย่ได้ยินเรื่องราวทั้งหมด เขาก็เข้าใจทันที ดูเหมือนว่าคุณพ่อไป๋ก็ถูกบังคับเหมือนกัน ไม่อย่างนั้น ตอนที่เขาไปหาที่บ้านคงไม่พูดเรื่องสำนักเมฆาครามออกมาอย่างง่ายดาย
ซูเย่กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่จากนั้นเขาพลันขมวดคิ้วแน่น และส่งสัญญาณให้สองพี่น้องไป๋หยุดพูด ภายใต้สายตาที่เปี่ยมไปด้วยความฉงนใจของสองพี่น้องไป๋ ซูเย่ไปซ่อนตัวอยู่ใต้เตียงอย่างกะทันหัน
และในตอนนี้เอง มีเสียงฝีเท้าดังมาจากนอกประตู!
วินาทีถัดมา หญิงสาวที่มีผิวขาวราวหญิงสาวแรกรุ่นผลักประตูเข้ามาด้วยอารมณ์ขุ่นมัว แล้วพูดกับสองพี่น้องไป๋
“อีกห้าวัน ฉันจะจัดพิธีรับศิษย์ และประกาศอย่างเป็นทางการให้คนทั้งโลกรู้ว่าฉันจะรับเธอสองคนเป็นศิษย์”
ที่ใต้เตียง ซูเย่ใช้พลังพิเศษเพื่อพลังปราณของเขาอย่างสมบูรณ์
หญิงสาวที่มาเพื่อเตือนสองพี่น้องไป๋ จึงไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติแม้แต่น้อย
“และเริ่มตั้งแต่วันนี้ ไปเรียนภาคค่ำตอนหนึ่งทุ่มทุกวัน ห้ามไปสายเด็ดขาด!”
หญิงสาวมองสองพี่น้องไป๋ด้วยรอยยิ้ม แต่น้ำเสียงของเธอแฝงแววความเข้มงวดอยู่หลายส่วน
“ทราบแล้วค่ะ”
ไป๋จือหรานรั้งแขนของน้องสาวที่ดูไม่พอใจไว้แล้วเอ่ยตอบอย่างอ่อนน้อมทันที “เราจะตามไปเดี๋ยวนี้”
“อืม อย่าชักช้าล่ะ”
อีกฝ่ายพยักหน้าพอใจ แล้วเดินออกไป
เมื่อรอจนแน่ใจว่าเธอเดินออกไปไกลแล้ว ซูเย่จึงออกมาจากใต้เตียง แล้วนั่งลงบนพื้นห้อง ไม่ได้ยืนขึ้นในทันที ตอนนี้เขากำลังสับสน
“เป็นอะไรไป?”
ไป๋จือหรานเอ่ยถาม
“เธอสองคนอยากออกไปกับฉันหรืออยู่ที่นี่?”
ซูเย่เงยหน้าถาม
“ก็ต้องไปกับนายน่ะสิ!”
ไป๋จือเหยียนโพล่งขึ้นมาทันที
ไป๋จือหรานก็พยักหน้าเห็นด้วย
“ฉันต้องอธิบายให้กระจ่าง ที่จริงแล้วสำนักเมฆาคราม เป็นสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับเธอในการฝึกฝน เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ในปัจจุบัน ที่นี่เป็นสำนักการฝึกฝนที่ดีที่สุดสำหรับผู้หญิง และฉันก็ไม่มีวิธีฝึกที่เหมาะสมสำหรับผู้หญิงจะสอนให้พวกเธอ เธอสองคนจะสามารถฝึกฝนได้เร็วขึ้นถ้าอยู่ที่นี่”
ซูเย่เอ่ยพูดอย่างลังเล
หญิงสาวที่เดินเข้ามาเมื่อครู่ มีความสามารถมากแน่นอน และเธอก็คู่ควรที่จะเป็นอาจารย์ของสองพี่น้องไป๋
“นายหมายความว่ายังไง?”
ไป๋จือหรานเอ่ยถาม
“ที่นี่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการฝึกฝนของพวกเธอ และยังเป็นโอกาสที่หายาก เธอสองคนเป็นคนมีความสามารถ ถ้าอยากอยู่ ก็อยู่เถอะ”
ซูเย่เอ่ยเสริมต่อทันที “แต่ถ้าอยากออกไป ฉันจะพาออกไปเอง ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ขัดขวางไม่ได้แน่นอน”
เมื่อได้ครุ่นคิดจากคำพูดของซูเย่ สองพี่น้องไป๋ก็มองหน้ากันอย่างลังเลเล็กน้อย
นี่เป็นโอกาสที่ดีจริง ๆ แต่…
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“ฉันอยากอยู่ต่อ ฉันไม่อยากเป็นภาระของนาย ความเร็วในการฝึกฝนของนายเร็วเกินไป ฉันไม่ต้องการให้ช่องว่างระหว่างเราใหญ่เกินไป มีเพียงที่นี่เท่านั้นที่จะช่วยให้ฉันตามนายได้ทัน”
ไป๋จือหรานตัดสินใจอยู่ต่อและพูดกับซูเย่อย่างจริงจัง
ซูเย่ผงะไปครู่หนึ่ง เขารู้สึกเห็นใจไป๋จือหราน และรู้สึกซาบซึ้งใจที่อีกฝ่ายคิดเพื่อประโยชน์ของเขาด้วย
“ลูกพี่ซู ตอนนายไม่พูด ฉันไม่อยากอยู่ต่อเลย แต่พอนายบอก ฉันก็อยากอยู่แล้วละ”
ไป๋จือเหยียนพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ไม่ว่ายังไงก็ตาม นี่เป็นสำนักฝึกฝนที่เป็นทางการ ซึ่งดีกว่าการฝึกด้วยตัวเองอยู่แล้ว”
“แต่ว่า..”
ไป๋จือหรานเหมือนจะพูดบางอย่าง แต่เธอก็ไม่ได้พูดต่อ
“มีอะไรรึเปล่า”
ซูเย่เอ่ยถามทันที
“ถ้าฉันอยู่ที่นี่ เราคงไม่มีโอกาสได้เจอกันอีกในอนาคต ฉันจะ… จะต้องคิดถึงนายแน่”
ไป๋จือหรานมองไปที่ซูเย่ด้วยใบหน้าเศร้าหมอง
“เฮ้ ฉันยังอยู่ที่นี่ สนใจการมีอยู่ของฉันหน่อยไหม อย่าเพิ่งมาหวานกันตอนนี้!”
ไป๋จือเหยียนเอ่ยล้อเลียนทั้งสองคน
“รึจะให้ฉันออกไปก่อนดี จะได้สวีทกันไปเลย”
ไป๋จือหราน “….”
ซูเย่ “…”
“วางใจเถอะ”
ซูเย่เอ่ยปลอบไป๋จือหราน “เราแค่ไม่ได้เจอหน้ากันชั่วคราวเท่านั้น ไม่ใช่ว่าต่อไปจะไม่ได้เจออีกแล้วสักหน่อย”
“ตอนนี้ฉันก็หาเธอเจอแล้วไง”
เมื่อได้ยินดังนั้น ไป๋จือเหยียนตกตะลึงครู่หนึ่งแล้วระบายยิ้มออกมา
ในตอนที่เธอมาที่นี่ มีขั้นตอนยุ่งยากมากมาย ดังนั้นการที่ซูเย่มาถึงที่นี่ได้… นับว่าไม่ง่ายเลยจริง ๆ
“ที่นี่ก็ขวางไม่ได้เราเจอกันไม่ได้หรอก”
ซูเย่เอ่ยพร้อมรอยยิ้ม
แววตาสองพี่น้องไป๋ฉายแววประหลาดใจเล็กน้อย
ซูเย่เก่งขนาดนี้ได้ยังไง?
ทันใดนั้น เสียงระฆังเรียกรวมตัวดังขึ้น… ได้เวลาเข้าเรียนช่วงเย็นแล้ว
ซูเย่รีบหยัดกายลุกขึ้นทันที “รีบไปเถอะ รอตอนทำพิธีรับศิษย์ ฉันจะมาหา”
“นายจะมาเหรอ?”
ไป๋จือหรานเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ
“แน่นอน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]