บทที่ 30 เพชรน้ำหนึ่งที่ยังขาดการเจียระไนแห่งเส้นทางแพทย์แผนจีน! (ตอนปลาย)
ซูเย่เริ่มต้นการตรวจจับชีพจรเช่นเดียวกันกับสิ่งที่เขาได้เรียนรู้มาเมื่อครู่ เขาใช้นิ้วมือทั้งสามวางลงที่ข้อมือขวาของอาจารย์หลี่เคอหมิง
จรดนิ้วทั้งสามลงในตำแหน่งของมัน
หลังจากที่เช็คเสร็จแล้ว อาจารย์หลี่เคอหมิงก็เปลี่ยนมืออีกข้างให้เขาตรวจ
จากนั้น ชายหนุ่มก็ทำการวินิจฉัยหลี่ซินเอ้อเป็นรายต่อไป
จนเสร็จสิ้นทั้งหมด
“เป็นอย่างไรบ้าง?”
อาจารย์หลี่เคอหมิงมองซูเย่ด้วยท่าทีส่งเสริมให้กำลังใจ
หลี่ซินเอ้อเองก็แอบชำเลืองมองซูเย่เช่นกัน ภายในใจของเธอนั้นแอบครุ่นคิดว่าอีกฝ่ายจะทำยังไงต่อ (จะตอบเหรอ? หรือว่าชิ่งไปเลย?) หลังจากที่ได้ลองตรวจชีพจรเป็นครั้งแรก
“ชีพจรของอาจารย์หลี่นั้นมีความเร็วเร่งร้อนราวกับแม่น้ำใหญ่และคลื่นที่ไหลเชี่ยว”
ซูเย่กล่าวโดยนึกถึงสิ่งที่เขาสามารถสัมผัสได้เมื่อครู่
ดวงตาของอาจารย์หลี่เคอหมิงเบิกกว้างเมื่อได้ยินเช่นนั้น ก่อนจะชี้ไปทางหลี่ซินเอ้อ ผู้เป็นลูกสาว แล้วถามต่อ
“แล้วของเธอล่ะ?”
“ชีพจรของหลี่ซินเอ้อนั้นค่อนข้างช้า แต่ก็ไม่อ่อนแรง ในทางกลับกัน ราวกับพลังงานอันแข็งแกร่งที่ซ่อนเร้นกำลังเติบโตขึ้นอย่างช้า ๆ”
ซูเย่กล่าวตอบตามสิ่งที่เขารู้สึกจากชีพจรของหลี่ซินเอ้อ
“ไม่เลว”
อาจารย์หลี่เคอหมิงกล่าวด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ แต่แววตาของเขาฉายแววความแปลกใจเล็กน้อยปะปนกันมา
จริง ๆ แล้วเขาก็แค่อยากลองดู แต่ก็ไม่นึกว่าซูเย่จะสามารถตอบได้อย่างชัดถ้อยชัดคำเช่นนี้!
ชีพจรที่ซูเย่ได้สัมผัสไปนั้น หนึ่งคือชีพจรใหญ่ ขณะที่อีกชีพจรหนึ่งนั้นช้า แม้ไม่สามารถอธิบายได้ลงลึก แต่โดยรวมนับได้ว่าถูกต้องทีเดียว
หลี่ซินเอ้อจ้องมองซูเย่ตาไม่กะพริบ
เขาเข้าใจจริง ๆ เหรอเนี่ย?
ดันตอบได้จริง ๆ เสียอย่างนั้น
“ฉันชักจะสงสัยในตัวนายซะแล้วสิ แน่ใจนะว่าไม่เคยเรียนแพทย์แผนจีนมาก่อน”
เธอมองไปที่ซูเย่ก่อนจะพูดออกมาแบบปุบปับ
“ไม่เคยหรอก”
ซูเย่ส่ายหน้าขณะตอบ
จู่ ๆ อาจารย์หลี่เคอหมิงก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ดวงตาของเขาเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยเมื่อคิดถึงความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่ง
สัมผัสพิเศษ!
ในความเป็นจริงมีน้อยคนที่เกิดมาพร้อมกับมือที่ไวต่อความรู้สึกมาก ๆ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีอยู่เลย
สิ่งนี้ไม่เพียงแต่มีประโยชน์สูงสุดแค่ในการวินิจฉัยชีพจรเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการฝังเข็มและการนวดเพื่อจัดกระดูกอีกด้วย มันคือพรสวรรค์ที่หลายคนใฝ่ฝันว่าจะมีเลยทีเดียว!
เมื่อคิดได้เช่นนั้น อาจารย์หลี่เคอหมิงก็นึกขึ้นได้ว่า ซูเย่สามารถจดจำเนื้อหาในหนังสือโบราณได้หลายเล่มจนนับไม่ถ้วน เขาเอ่ยถามซูเย่ในทันที “เธอความจำดีไหม?”
“ข้อดีของผมเลยล่ะครับ”
ซูเย่พยักหน้ารับขณะที่ตอบไปแบบสบาย ๆ
“ดีแค่ไหน?”
อาจารย์หลี่เคอหมิงถามต่อ
ซูเย่ครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะชี้ไปยังตู้ยาจีนที่ผนังด้านหลังเคาน์เตอร์ยาและพูดว่า “ระดับที่ถ้าผมได้อ่านพวกนี้ครั้งหนึ่ง ผมก็จะจำได้ในทันทีครับ”
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมาจากปากของซูเย่ ทั้งฝ่ายพ่อและลูกสาวต่างชะงักไป
“อาจารย์ให้เวลาสิบนาที! อ่านชื่อยาสมุนไพรในตู้ให้หมด แล้วหลังจากนั้นอาจารย์จะสุ่มสมุนไพรร้อยชนิดมาทดสอบความจำของเธอ!”
อาจารย์หลี่เคอหมิงกล่าวออกมาในทันทีที่เขาเริ่มรู้สึกตัว
หลี่ซินเอ้อพาซูเย่ไปที่ตู้ยาด้วยท่าทีสงสัย
ซูเย่ยืนมองชื่อยาสมุนไพรต่าง ๆ ที่ด้านนอกของตู้เก็บ โดยที่หลี่ซินเอ้อไม่ได้ช่วยเหลือใด ๆ ซูเย่จะต้องจดจำทั้งหมดนั้นด้วยตัวเอง
ซูเย่มองดูชื่อยาจีนสามตัวข้างบน จากนั้นเปิดตู้ยา ชำเลืองดูไล่เรียงจากแถวหนึ่งไปอีกแถวหนึ่ง แล้วปิดตู้ลง
หลังจากนั้นเขาก็ทำเช่นนั้นกับตู้ยาตู้ที่สอง
ตู้ที่สาม…
ตู้ที่สี่…
…
ขณะนั้นเอง ณ มุมหนึ่งของราชวังแห่งความทรงจำ กายจำแลงที่รูปร่างเช่นเดียวกับเขา เหยียดตัวยืดเส้นยืดสาย
ทุกครั้งที่ตู้ยาถูกเปิดออก สมุนไพรชนิดเดียวกันจะปรากฏขึ้นในราชวังแห่งความทรงจำ พร้อมกับป้ายชื่อที่ปิดเอาไว้อย่างไม่ผิดเพี้ยนจากสิ่งที่ซูเย่กำลังถือ และจดจ้องรายละเอียดของมันอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง
เหตุผลที่เขาเลือกใช้ยาจีนเป็นตัวอย่าง ก็เพราะต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อดูและศึกษาการแพทย์แผนจีน วิธีการรักษาคนป่วย และช่วยชีวิตผู้คนหลังจากเรียนรู้เกี่ยวกับตัวยา
ซามิเซ็ง
หกรส
เก้ารส
…
ไม่ช้านาน ในราชวังแห่งความทรงจำก็ปรากฏตู้ยาสมุนไพรจีนจนเต็มแผ่นฝาผนังอย่างครบถ้วน
“เรียบร้อย”
ซูเย่กล่าว
เร็วชะมัด…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]