Home เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] ตอนที่ 31 ไอ้หนุ่มเอ้ย ตั้งใจเรียนเข้าล่ะ! ฉันคาดหวังในตัวเธอนะ! (ตอนต้น)
ตอนที่ 31 ไอ้หนุ่มเอ้ย ตั้งใจเรียนเข้…
บทที่ 31 ไอ้หนุ่มเอ้ย ตั้งใจเรียนเข้าล่ะ! ฉันคาดหวังในตัวเธอนะ! (ตอนต้น)
“เธอเข้าใจใช่ไหมว่าจะต้องจำแนกด้วยการอ้างอิงจากอะไรบ้าง?”
อาจารย์หลี่เคอหมิงผายมือเชิญให้คนไข้รายแรกนั่งที่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะตรวจก่อนจะหันไปมองซูเย่แล้วเอ่ยถาม
“อ้างอิงจากจุดต่าง ๆ จำนวนครั้ง ความแรงของชีพจร ความสั้นยาวของชีพจร ผนวกเข้ากับแรงตื้น แรงกลาง แรงลึก จำแนกความต่างได้เป็น 28 ชนิด”
ซูเย่กล่าว
“ดีมาก เธอจะต้องจดจำภาวะของชีพจรให้ได้อย่างครบครัน เพราะว่าชีพจรคือเข็มทิศที่จะคอยบอกเราว่าจะต้องไปทางใด หากเราไม่เข้าใจมันอย่างถ่องแท้ เราก็ไม่มีสิทธิ์รับผิดชอบต่อชีวิตของผู้ป่วย”
อาจารย์หลี่เคอหมิงกล่าวอย่างจริงจังและเคร่งเครียด
ซูเย่พยักหน้ารับทราบ ตัวเขาเองเข้าใจดีว่าการวินิจฉัยชีพจรคือหนึ่งในตัวชี้วัดไม่กี่อย่างของแพทย์แผนจีน ถ้าหากว่าผิดพลาดตั้งแต่ขั้นต้น ชีวิตของผู้ป่วยก็คงไม่แคล้วอยู่ในอันตราย
อาจารย์หลี่เคอหมิงยื่นมือขวาออกไปแล้วจรดนิ้วทั้งสามลงบนข้อมือของคนไข้ที่วางมือเอาไว้บนโต๊ะตรวจ จากนั้นเริ่มจับชีพจรของผู้ป่วยรายแรก
หลังจากที่ผ่านไปแล้วสิบวินาที เขาก็เปลี่ยนไปจับชีพจรที่มืออีกข้างหนึ่ง
“อืม…นี่คือภาวะชีพจรลอย”
เมื่ออาจารย์หลี่เคอหมิงกล่าวจบ เขาก็หันไปทางซูเย่เป็นเชิงว่าถึงตาเขาแล้ว
ชายชรายื่นแขนขวาของเขาไปทางซูเย่พร้อมกับใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ปราศจากการกดดันใด ๆ เขามองดูซูเย่ด้วยความสนใจและเอ็นดูในคนหนุ่มรุ่นใหม่
ซูเย่ตอบรับความร่วมมือด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างเป็นมิตร ก่อนจะยื่นมือและจรดนิ้วทั้งสามลงบนข้อมือของชายชรา
ซูเย่สามารถสัมผัสการเต้นของชีพจรได้ผ่านนิ้วทั้งสามที่จรดลงบนพื้นผิวหนังในแต่ละตำแหน่ง ราวกับสายลมที่พัดขนนกให้ปลิวสไว แต่ในขณะเดียวกัน ก็คล้ายกับแผ่นไม้ที่ล่องลอยอยู่บนผิวน้ำ แล้วยังเป็นชีพจรที่แผ่วเบาอีกด้วย
ภาพการเต้นของชีพจรที่อยู่ในลักษณะเดียวกันกับชีพจรที่เขาสามารถสัมผัสได้ปรากฏขึ้นในห้วงความคิด
“ชีพจรลอย ดูเหมือนว่าจะมาก แต่ก็ไม่มากพอ…”
และแน่นอน…ความรู้เหล่านี้ล้วนมาจากข้อมูลในหนังโบราณที่อยู่ในราชวังแห่งความทรงจำ
ชายชราเปลี่ยนมืออีกข้างให้เขาตรวจ ดูเหมือนว่าชีพจรยังคงเหมือนเดิม
“อ้า…ภาวะชีพจรลอยเป็นแบบนี้นี่เอง”
ซูเย่ก้มหน้าเล็กน้อยขณะที่พยายามจดจำจังหวะและลักษณะของชีพจร
ในห้วงความคิดของเขาเพียงโบกมือแค่เล็กน้อย คลื่นรูปแบบของชีพจรก็เกิดขึ้นท่ามกลางอากาศที่ว่างเปล่า ก่อนที่จะถูกบันทึกเอาไว้ที่ส่วนหนึ่งในห้องราชวังแห่งความทรงจำ
“พอจะจำได้ไหม?” อาจารย์หลี่เคอหมิงเอ่ยถาม
หลี่ซินเอ้อแอบเงี่ยหูฟังอยู่ห่าง ๆ
“จำได้ครับ” ซูเย่พยักหน้าแล้วตอบกลับ ก่อนจะปล่อยมือออกจากคนไข้ให้เป็นอิสระ
อาจารย์หลี่เคอหมิงพยักหน้ารับทราบอย่างพึงพอใจก่อนจะส่งใบสั่งยาให้กับชายชรา และกำชับข้อควรระวังต่าง ๆ
“ไอ้หนุ่มเอ้ย ตั้งใจเรียนเข้าล่ะ! ฉันคาดหวังในตัวเธอนะ!”
ชายชราลุกขึ้นจากเก้าอี้เพื่อไปรับยา แต่ก็มิวายใช้ฝ่ามือที่แห้งเหี่ยวนั้นตบเข้าที่บ่าของซูเย่เบา ๆ สองสามครั้ง พลางกล่าวให้กำลังใจอย่างจริงใจ
“แน่นอนครับ ขอบคุณ” ซูเย่กล่าวกับชายชราด้วยรอยยิ้ม
คนไข้รายที่สองเข้ามายังในห้อง นั่งลงที่โต๊ะตรวจ ก่อนจะได้รับการอธิบายเช่นเดียวกันกับคนไข้รายแรก และเช่นเดียวกันกับคนไข้รายแรก เขายินดีจะเป็นตัวช่วยเพื่อให้ซูเย่ได้เรียนรู้เพื่อพัฒนาตนเอง
“คราวนี้…คือชีพจรเต็ม”
หลังจากที่อาจารย์หลี่เคอหมิงวินิจฉัยเสร็จ เขาก็ส่งสัญญาณให้ซูเย่มาจับชีพจรต่อ
ซูเย่สัมผัสชีพจรอย่างถี่ถ้วนก่อนจะพบว่าชีพจรของคนไข้รายนี้ค่อนข้างหนักแน่นทีเดียว เมื่อหัวใจสูบฉีดเลือดมันหนักแน่นราวกับคลื่นซัดผ่าน แต่เมื่อหัวใจคลายตัวชีพจรกลับแผ่วอ่อน นอกจากนั้นแล้ว ยังมีช่วงจังหวะที่ยาวกว่าคนที่แล้วเล็กน้อยอีกด้วย
และเช่นเคยข้อมูลเกี่ยวกับชีพจรปรากฏในห้วงความคิดของเขาทันที
“ลักษณะการเต้นของชีพจรเต็ม มาแรงไปอ่อน โดยจังหวะที่ขึ้นมาสัมผัสนิ้วจะกระทบแรงราวกับน้ำท่วม ในขณะที่จังหวะถอยจะเบาเหมือนกับคลื่นซัดฝั่ง”
เมื่อเขาลองเปรียบเทียบดูแล้ว ก็พบว่าสิ่งที่กำลังสัมผัสได้อยู่นั้น ตรงกับข้อมูลที่มีอย่างพอดิบพอดี
ซูเย่พยักหน้าเล็กน้อย อย่างเข้าใจก่อนจะบันทึกลักษณะของชีพจรนี้เอาไว้ที่ส่วนหนึ่งของราชวังแห่งความทรงจำ
จากนั้นผู้ป่วยรายที่สามก็เข้ามา…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]