บทที่ 30 การสอบปากคำจากทีมสืบสวน!
เซียวจวิ้นส่งพิกัดให้ผ่านนาฬิกาอัจฉริยะ
เมื่อซูเย่สังเกตอย่างละเอียด จึงพบว่าอันที่จริงแล้วมันคือสถานีดับเพลิงใจกลางเมือง
เขาประหลาดใจเป็นอย่างมาก
ซูเย่ระบุตำแหน่งด้วยโทรศัพท์ของเขา จากนั้นขึ้นแท็กซี่ที่สนามบิน และตรงไปสำนักงานทีมสืบสวน
และแล้วก็มาถึงประตูสถานีดับเพลิงใจกลางเมือง
พอเขาได้เห็นผู้คนมากมายสัญจรไปมาอย่างไม่รู้จบ ซูเย่อดไม่ได้ที่จะชื่นชมทีมสืบสวน
ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะตั้งสำนักงานใหญ่ไว้ในตำแหน่งนี้
สมกับเป็นสำนักงานระดับชาติ!
ตำแหน่งนี้ทำให้สามารถพุ่งตรงออกไปยังทุกมุมเมืองได้ด้วยความรวดเร็ว แม้แต่ในสถานการณ์ฉุกเฉินก็สามารถใช้สถานะของหน่วยงานดับเพลิงเพื่อการปกปิดตัวตน
ถือเป็นทำเลที่สุดยอด
“สวัสดีครับ ผมซูเย่”
เขาเดินตรงไปยังทางเข้าสถานีดับเพลิง กล่าวทักทายทหารที่ยืนเฝ้าเวรยามอยู่ตรงประตู
“โปรดแสดงบัตรประจำตัวด้วยครับ” ทหารยกมือขึ้นวันทยหัตถ์ให้ซูเย่
ซูเย่นำบัตรประจำตัวออกมาและยื่นให้อีกฝั่ง
ทหารตรวจสอบบัตรอย่างละเอียดและเปรียบเทียบกับรูปลักษณ์ของซูเย่
“โปรดตามผมมา” ทหารส่งบัตรประจำตัวคืนให้ซูเย่ จากนั้นเปิดประตูสถานีดับเพลิง นำทางซูเย่มาจนถึงห้องโถงซึ่งอยู่ใจกลางสถานี เขาชี้เข้าไปข้างในแล้วกล่าวขึ้นว่า “เดินต่อเข้าไปนะครับ เดี๋ยวจะมีคนมารับอีกที”
“ขอบคุณครับ” ซูเย่กล่าวกับทหาร
“ด้วยความยินดีครับ”
ทหารกลับหลังหันและออกวิ่งกลับไปยังประตูทางเข้า
ซูเย่ก้าวเท้าเข้าไปต่อ
ห้องโถงนี้ทอดยาวนำไปสู่ด้านหลังของสถานีดับเพลิง
เมื่อเดินไปถึงจุดสิ้นสุดโถง รอบกายก็มืดสนิทอย่างกะทันหัน
“กริ๊ก”
ก่อนที่ซูเย่จะก้าวไปต่อ ก็ได้มีเสียงสวิตช์ไฟดังขึ้น จากนั้นไฟจึงสว่าง
ซูเย่จึงรู้สึกตัวว่าเขายืนอยู่ในทางเดินที่ค่อนข้างกว้าง มีประตูที่ปิดอยู่ด้านหลัง และข้างหน้าก็มีประตูเช่นกัน
ซูเย่เดินต่อไปโดยไร้ซึ่งความลังเล จนถึงหน้าประตู
“แกร๊ก”
ประตูเปิดออก มีชายหนุ่มในชุดลำลองยืนอยู่ภายใน ยิ้มและกล่าวขึ้น “คุณคือซูเย่ใช่ไหม?”
ซูเย่พยักหน้าตอบรับ
“ตามฉันมา” ชายหนุ่มพยักหน้ากลับและส่งสัญญาณให้ซูเย่เดินเข้ามา
หลังจากเข้าไปแล้ว ซูเย่พบว่าที่นี่เป็นเหมือนโกดังขนาดยักษ์ ไฟสว่างไสวไปทั่ว
ภายในโกดังนั้นว่างเปล่า มีเพียงห้องเรียงกันเป็นแนว
มีผู้คนอยู่กำลังนั่งทำงานอยู่ในทุก ๆ ห้อง ห้องที่แออัดมากที่สุดเป็นกลุ่มคนที่กำลังควบคุมอุปกรณ์คอมพิวเตอร์อยู่
และยังมีจำนวนหนึ่งกำลังฝึกฝนอยู่ในโกดัง
ทุกคนสวมใส่นาฬิกาอัจฉริยะอยู่บนข้อมือ
นี่หรือสำนักงานใหญ่ทีมสืบสวนเมืองจี้หยาง?
ซูเย่มองไปรอบ ๆ ด้วยความสงสัย
“ตรงนี้”
ด้วยการนำทางของชายหนุ่ม ซูเย่มาถึงด้านในสุดมุมโกดัง มีห้องที่ดูมืดมนตั้งอยู่
ห้องนี้ดูคล้ายกับห้องสอบปากคำในสถานีตำรวจ
“นั่งลงก่อน” ชายหนุ่มชี้ไปยังโต๊ะและเก้าอี้ที่ตั้งอยู่กลางห้อง “อีกไม่นานจะเริ่มแล้ว”
กล่าวจบ เขาก็ปิดประตูขังซูเย่ไว้ภายในห้องแล้วหันหลังเดินจากไป
เพียงไม่นาน ก็มีเสียงฝีเท้าหนักแน่นเดินเข้ามาหา
“มาแล้ว!” ซูเย่คิดในใจ
“แกร๊ก” ประตูถูกเปิดออก
ใบหน้าที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นเบื้องหน้าซูเย่ เขาเคยเห็นมาก่อนเมื่อตอนที่เขาต่อสู้กับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสี่ระดับห้า
เกาหรงกวง!
หัวหน้าทีมสืบสวนเมืองจี้หยาง
“ฟึ่บ!”
ทันทีที่พบหน้ากัน เกาหรงกวงไม่ปล่อยให้ซูได้ทันตั้งตัว และตบลงไปที่จุดตันเถียนบนร่างซูเย่
“หืม?”
ดวงตาของซูเย่มองเห็นได้ทัน และปัดมือตอบสนองอย่างว่องไว
“เพี๊ยะ!”
เกิดเสียงมือกระทบกัน
ซูเย่ถอยหลังไปครึ่งก้าว
“ไม่เลว!” เกาหรงกวงไม่ได้เดินตามไป แต่หยุดยืนนิ่ง จากนั้นกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “สมเป็นหนุ่มน้อยวีรบุรุษ! อันดับหนึ่งในบรรดาผู้ฝึกยุทธ์หน้าใหม่ของมณฑล”
“ผมคิดว่าจะไม่ต้องมีการทดสอบอะไรแล้วนะครับ ผู้กำกับเกือบทำลายจุดตันเถียนผมไปแล้ว” ซูเย่กล่าวด้วยท่าทางสงบ
ขั้นห้าระดับสามหรือมากกว่า ซูเย่ประเมินจากที่ได้สัมผัสฝ่ามือของเกาหรงกวง
“หากไม่ทดสอบจุดตันเถียนแล้วจะรู้ความคืบหน้าของการฝึกได้อย่างไร”
เกาหรงกวงกล่าวขณะที่ยังยิ้มอยู่ ดึงเก้าอี้มานั่งลงแล้วมองซูเย่ “ได้ยินมาว่านายเจ๋งมากเลย ล้มผู้เชี่ยวชาญขั้นห้าของสำนักเมฆาครามได้ด้วย”
ทันใดนั้นสีหน้าเขาก็เปลี่ยนไป และกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า เกิดอะไรขึ้นถึงพาเฉิงหวงมายังโลกนี้ได้?”
เขาตกใจมากเมื่อได้ยินเรื่องนี้ หากไม่ใช่ผู้บัญชาการบอกเขาด้วยตัวเอง ก็คงไม่มีทางเชื่ออย่างแน่นอน!
“ผมเองก็ไม่รู้ครับ!”
ซูเย่รู้อยู่แล้วว่าจะโดนถามเรื่องนี้ ทว่าชายหนุ่มได้แต่ส่ายหัว “เรื่องเฉิงหวงก็ตามที่ผมได้รายงานไปเมื่อนานมาแล้วเลยครับ ทำให้เชื่องมาจากในแดนลับ มันมีความสามารถแบบนี้อยู่แล้ว ผมไม่รู้ว่าทำไม แต่พอผมทำการทดลอง มันกลับสำเร็จ……”
ไม่รู้เหรอ?
เกาหรงกวงขมวดคิ้ว
แต่ก็ยังได้รับข้อมูลสำคัญ คือมันเกิดมาจากความสามารถของเฉิงหวง!
ดังนั้นจะเกิดอะไรขึ้น หากมีมอนสเตอร์ที่ทรงพลังและดุร้ายในดินแดนภูผามหานที ที่มีความสามารถนี้อยู่ ถ้ามันปรากฏตัวขึ้นในโลกแห่งความเป็นจริง จะไม่เป็นอันตรายเหรอ?
“เฉิงหวงมีปฏิกิริยาดีหรือร้ายอะไรบ้างไหมเมื่อมายังโลกนี้?” เกาหรงกวงซักถามต่อ
“ไม่มีข้อดี แต่มีข้อเสียอย่างหนึ่งครับ พลังปราณจะแห้งเหือดไปอย่างรวดเร็ว อยู่ได้ไม่เกิน 20 นาที”
ซูเย่แอบลดเวลาลงสองในสาม
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เกาหรงกวงจึงถอนใจออกมาด้วยความโล่ง
ถ้าพวกมันได้รับผลข้างเคียงก็ถือเป็นเรื่องที่ดี!
นั่นหมายความว่ายังสามารถป้องกันและควบคุมได้!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]