บทที่ 6 ซูเย่มีความรัก!
หลังจากข้ามภูเขามาสองลูก
ซูเย่มายังที่ราบลับแห่งนี้
ซึ่งตั้งอยู่ในป่าที่มีต้นไม้ขึ้นกระจัดกระจายทั่วเขา เป็นที่ราบอันเขียวขจี
ขณะที่ซูเย่ก้าวเท้าลงไป ไป๋จือหราน ผู้ที่ฝืนอดทนต่อความเจ็บปวดจนเหงื่อออกท่วมตัว ในที่สุด เธอก็ไม่สามารถอดกลั้นไว้ได้และร้องออกมา
อาการบาดเจ็บสาหัสทำให้ใบหน้าของหญิงสาวซีดเซียวไร้เลือด ยิ่งไปกว่านั้นยังทำให้เธอสั่นเทาไปทั้งร่าง
“อดทนอีกหน่อยนะ ฉันจะรักษาเธอเอง”
ไม่มีการพูดพร่ำทำเพลงอีกต่อไป ซูเย่รีบวางไป๋จือหรานลง
เขาร่ายคาถารวบรวมปราณทันทีโดยไม่ลังเล
ตรวจสอบอาการบาดเจ็บของไป๋จือหรานอย่างรวดเร็ว
“หืม?”
ตาของซูเย่เบิกกว้างด้วยความโกรธและเจ็บปวดหัวใจ
ภายนอกนั้น ไป๋จือหรานมีแค่อาการแขนขาหัก
แต่แท้จริงแล้วเธอเจ็บปวดกว่าที่เห็น!
เพราะเธอไม่ได้แข็งแกร่ง
ขณะที่ต่อต้านจินซานไห่ เธอไม่สามารถหลีกเลี่ยงปราณที่ออกมาจากตัวเขาได้ เป็นผลให้ปราณที่รุนแรงไหลเข้าสู่ร่างของเธอ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ทำลายอวัยวะภายใน แต่กระดูกทั่วทั้งร่างก็เกือบจะแตกละเอียด
แทบจะไม่อยากจินตนาการว่าไป๋จือหรานต้องทนทรมานขนาดไหน!!
“ฮึ่ม!”
แสงสว่างวาบปรากฏขึ้นในตาของซูเย่
หากเขารู้ตัวเร็วกว่านี้ เรื่องมันจะไม่จบแค่นี้แน่!
เขาคงจะฆ่าจินซานไห่ทิ้งไปแล้ว!
เรื่องชื่อเสียงเล็กน้อยไม่ได้สำคัญสำหรับเขาเลย!
“มันอาจจะเจ็บไปอีกสักระยะ เธอควรนอนพักสักหน่อย”
ซูเย่กระซิบบอกไป๋จือหราน
“อื้ม!” ไป๋จือหรานพยักหน้าตอบเบา ๆ
ซูเย่วางมือของเขาลงบนคอที่ซีดขาวของไป๋จือหรานและกดลง
ไป๋จือหรานหมดสติไป
ซูเย่ย้ายมือของเขาไปยังกระดูกส่วนขา
มือทั้งสองเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
“แกร่ก!”
กระดูกกลับเข้าที่ในทันใด
จากนั้นจึงย้ายไปยังจุดที่กระดูกหัก
“คนตายก็เหมือนคนเป็น ไม่ได้อยู่เหนือกลางวันและกลางคืน!”
เขาเริ่มร่ายคาถา
ป่าเขาที่เงียบสงัดทันใดนั้นก็ได้มีสายลมพัดกระหน่ำ ลมจากทุกทิศทางบรรจบกันและก่อตัวขึ้นรอบไป๋จือหราน
ในช่วงเวลานี้ ปราณในร่างของไป๋จือหรานที่ดูเหมือนจะไหลเวียนได้อย่างสมบูรณ์ เริ่มไหลเวียนแปลกไป
ภายใต้การควบคุมและรักษาจากปราณของซูเย่
กระดูกที่แตกหักของไป๋จือหรานเริ่มมีการซ่อมแซมอย่างต่อเนื่อง
ในครั้งนี้ กระดูกขาของไป๋จือหรานไม่จำเป็นต้องรอ 24 ชั่วโมงเพื่อจะกลับมาใช้การได้
เขาสามารถเร่งเวลาที่ใช้ในการรักษาได้
กระดูกขาได้รับการรักษาอย่างสมบูรณ์ ซูเย่สูดหายใจลึกแล้วย้ายมือไปทั่วทั้งร่างของไป๋จือหราน
“คนตายก็เหมือนคนเป็น ไม่ได้อยู่เหนือกลางวันและกลางคืน!”
“คนตายก็เหมือนคนเป็น ไม่ได้อยู่เหนือกลางวันและกลางคืน!”
เสียงร่ายคาถาดังซ้ำไปมา
เขาร่ายต่อไปอย่างต่อเนื่องโดยไม่หยุด
เพื่อที่จะรักษาไป๋จือหรานให้หายโดยเร็ว เขาต้องพยายามอย่างยิ่ง
ครึ่งชั่วโมงต่อมา
ซูเย่เหงื่อออกท่วมทั้งร่าง ใบหน้าของเขาซีดเล็กน้อย
ส่วนใบหน้าที่ซีดขาวและอ่อนแรงของไป๋จือหรานในที่สุดก็เริ่มดูมีเลือดไหลเวียนปกติ
ซูเย่เกิดรอยยิ้มที่มุมปาก
ถ้างั้น มาต่อกันเลย!
“คนตายก็เหมือนคนเป็น ไม่ได้อยู่เหนือกลางวันและกลางคืน!”
เมื่อปราณในร่างของเขาแทบจะหมดไป
อาการบาดเจ็บของไป๋จือหรานก็ถูกรักษาโดยสมบูรณ์
กระดูกที่หักทั้งหมดถูกรักษา
ซูเย่หยุดพักและถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ด้วยใบหน้าที่ซีดเซียวของเขา ชายหนุ่มได้เอ่ยกับไป๋จือหราน
“เอาล่ะ เรียบร้อยแล้ว”
แต่ไร้การตอบรับจากไป๋จือหราน
ซูเย่เกิดความฉงน เขารู้ดีว่าไป๋จือหรานตื่นขึ้นมาระหว่างการรักษา
เขาจ้องไปยังไป๋จือหรานด้วยความสงสัย
สังเกตเห็นได้ว่าแก้มของเธอนั้นเป็นสีชมพูระเรื่อ หญิงสาวก้มหน้าเล็กน้อย เม้มริมฝีปาก และไม่กล้าสบตาซูเย่
และแล้วเขาก็เริ่มรู้ตัวว่าเป็นเพราะไป๋จือหรานอยู่ในอ้อมแขนของตน
เนื่องจากกระบวนการการรักษา เขาจึงต้องยกตัวเธอขึ้นเล็กน้อย
แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่เพียงการกอดเท่านั้น
เขานึกย้อนกลับไปเล็กน้อย
เพื่อที่จะทำการรักษาไป๋จือหราน ตำแหน่งการวางมือของเขาในหลาย ๆ ครั้งก็ดูจะไม่ค่อยเหมาะสม…..
มันค่อนข้างน่าอายเลยแหละ
ซูเย่ยิ้มกระอักกระอ่วน
เขาไม่ได้คิดถึงสิ่งเหล่านี้เลย จดจ่ออยู่แต่เพียงกับการรักษาไป๋จือหราน
หลังจากเห็นว่าซูเย่ไม่ขยับเขยื้อนมาสักพักแล้ว ไป๋จือหรานที่ตอนนี้แก้มแดงดั่งลูกท้อและดูเหมือนกระต่ายน้อยที่กำลังสั่นกลัว จึงมองหน้าซูเย่
ร่างของเธอถูกจับต้องไปทั่วโดยซูเย่
เวลาแบบนี้ เธอไม่ควรเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนาใช่หรือไม่?
ทว่า
ทำไมซูเย่ถึงไม่ขยับเลย?
ดูเหมือนเขาจะเหม่อลอยอยู่
ไป๋จือหรานตัดสินใจก้มหน้าลงและเงียบต่อไป
ความเคอะเขินยังดำเนินต่อไปอีกครู่หนึ่ง
ซูเย่ก็ยังคงไร้การเคลื่อนไหวใด ๆ ไป๋จือหรานจึงกระซิบอย่างหมดหนทาง “ซูเย่ นาย?”
“หืม?”
ซูเย่รู้สึกตัว
เขารีบปล่อยมือที่โอบกอดไป๋จือหราน ลุกขึ้นยืน กลับหลังหัน แล้วกล่าวอย่างเขินอาย
“ฉันแค่ต้องการจะรักษาเธอ ก็เลย…..”
“ไม่เป็นไร ขอบคุณนะ”
ไป๋จือหรานตอบกลับเบา ๆ แล้วลุกขึ้นยืน
ไม่มีใครพูดอะไรต่อ
บรรยากาศมีแต่ความกระอักกระอ่วน
มีเพียงเสียงจากสายลมที่พัดผ่าน
แสงจันทร์ส่องกระทบลงบนทั้งสอง
เป็นเวลาอยู่นาน
ไป๋จือหรานมองที่แผ่นหลังของซูเย่ ลังเลอยู่สักพักหนึ่ง กัดริมฝีปาก ประกายแสงแห่งความมุ่งมั่นสว่างขึ้นในตาของเธอ แล้วเอ่ยออกไปว่า “ซูเย่”
“หืม?”
ซูเย่ยังไม่หันหลังกลับมา
“ฉันชอบเธอ”
ซูเย่สะดุ้งเมื่อได้ยินเช่นนั้น ร่างของเขาแข็งทื่อไปเลย
พอเห็นว่าซูเย่ไม่ตอบสนอง
ไป๋จือหรานเม้มริมฝีปาก มองไปยังพระจันทร์บนท้องฟ้าแล้วพูดต่อ “ฉันไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไร บางทีอาจจะตั้งแต่เราพบกันครั้งแรกในทีมสืบสวน หรือบางทีอาจจะเป็นวันที่ได้รับการช่วยเหลือจากนายในดินแดนภูผามหานที ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ฉันก็รู้สึกว่าฉันชอบเธอ”
“โอ้”
ซูเย่หันหลังกลับมามองไป๋จือหราน ถอนใจเบา ๆ แล้วกล่าว “ขอโทษนะ”
“หืม?”
ไป๋จือหรานนิ่งไป แล้วจึงถามกลับ “ทำไมล่ะ?”
“ฉันไม่อยากมีความสัมพันธ์แบบชายหญิง” ซูเย่ตอบ
เขาปฏิเสธที่จะมีความสัมพันธ์มา 2,500 ปี
“ไม่เป็นไร”
ไป๋จือหรานยิ้มเล็กน้อยแล้วเอ่ย “ฉันแค่อยากบอกความรู้สึกจากใจน่ะ นายลองเก็บไปคิดก่อนก็ได้ อาจจะตอบได้ง่ายกว่า”
“อื้ม” ซูเย่พยักหน้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]