อ่านสรุป ตอนที่ 61 คาถาเร่งเวลา จาก เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] โดย Internet
บทที่ ตอนที่ 61 คาถาเร่งเวลา คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
บทที่ 61 คาถาเร่งเวลา
เมื่อเพื่อนทั้งสองหลุดเข้าไปอยู่ในโลกเกมเสมือนจริงแล้ว
ซูเย่ก็แอบลุกขึ้นมาจากเตียง และเดินไปที่ระเบียงห้อง
เขาก้มตัวลงไปสำรวจดูหัวกะหล่ำในกระถาง
ดูเหมือนว่ากะหล่ำจะดูดซับพลังงานได้ไม่ดีเท่าที่เขาคาดการณ์ไว้
ใบหน้าของชายหนุ่มมีความเคร่งเครียดมากขึ้น
เวลาเพียงคืนเดียวคงไม่พอให้กะหล่ำหัวนี้ดูดซับพลังงานได้เท่ากับกะหล่ำเมื่อวันก่อนแน่นอน
เห็นทีคงต้องใช้วิธีการอื่นแล้วสิ
“พลังฟ้าดินจงมาบรรจบกัน ณ ที่นี้!”
ดวงตาของซูเย่เป็นประกายแวววาวในขณะที่เขาพึมพำบริกรรมคาถา!
สิ้นเสียงของเขา พลังปราณธรรมชาติจากรอบทิศทางก็ไหลล้นลงมาที่หัวกะหล่ำในกระถางต้นไม้
เมื่อประกอบรวมกับค่ายอาคมที่เขาได้ทำเอาไว้ก่อนหน้านี้ หัวกะหล่ำจึงสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว
จนสามารถสังเกตเห็นได้ด้วยตาเปล่า!
นี่คือคาถาเร่งเวลา
มันจะช่วยทำให้หัวกะหล่ำสามารถดูดซับพลังงานได้รวดเร็วมากกว่าเดิม
แต่การใช้คาถาเร่งเวลาก็ต้องแลกมากับการใช้พลังเป็นจำนวนมาก
ขณะนี้ ซูเย่ยังมีพลังไม่มากพอ
ดังนั้นเขาต้องพยายามอย่างหนัก
แต่โชคดีที่ความพยายามของซูเย่ประสบผลสำเร็จ
เพียงนาทีเดียวเท่านั้น
หัวกะหล่ำก็กลับมามีสีเขียวสด เติบโตเต็มวัยใกล้พร้อมสำหรับการรับประทานอีกครั้ง
“เฮือก…”
ซูเย่สูดหายใจลึก
การสูญเสียพลังปราณในร่างกายด้วยระยะเวลาที่รวดเร็วเช่นนี้ ทำให้สีหน้าของเขาซีดเซียว บนหน้าผากเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อที่ผุดพรายขึ้นมา แสงสว่างในราชวังแห่งความทรงจำเลือนรางลงไปเล็กน้อย
“คาถาเร่งเวลาเป็นคาถาต้องห้ามจริง ๆ นี่เราแค่ใช้ให้มันเร่งเวลา 10 เท่า ร่างกายก็แทบทนไม่ไหวแล้ว”
ซูเย่ยกมือปาดเหงื่อออกไปจากหน้าผาก โชคดีที่เมื่อพยายามอย่างสุดความสามารถ ผลลัพธ์ก็ออกมาประสบความสำเร็จตามที่เขาหวัง
ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนอย่างเหนื่อยล้า และเดินโซเซกลับไปทิ้งตัวนอนลงบนเตียง เพื่อเริ่มต้นทำสมาธิฟื้นฟูพลังอีกครั้ง
เช้าวันต่อมา
“เฮ้ย?! หอเรามีประตูมิติข้ามกาลเวลาอยู่หรือเปล่าวะ!”
ซูชือเพิ่งออกมาจากโลกแห่งเกมกำลังส่งเสียงอุทานด้วยความตื่นเต้น เมื่อเห็นกะหล่ำสภาพสมบูรณ์พร้อมรับประทานอยู่ในกระถางบนระเบียง
“ซูเย่ นายใช้สารเร่งโตหรือเปล่า ทำไมกะหล่ำถึงได้โตเร็วขนาดนี้? ”
จินฟานก็ถามออกมาด้วยความพิศวงเช่นกัน
“ไม่หรอก สงสัยหอพักของเราคงมีธาตุพิเศษอยู่ในอากาศมั้ง”
ซูเย่ตอบกลับไปพร้อมยิ้มกว้าง
เพียงคืนเดียวเขาก็สามารถฟื้นฟูพลังที่เสียไปกลับคืนมาได้แล้วเกือบครึ่ง
อย่าลืมว่าขณะนี้เขาสามารถดูดซับพลังปราณธรรมชาติได้เร็วกว่าเดิมถึง 5 เท่า
ซูเย่รีบลุกขึ้นจากเตียงนอน และเดินออกไปดูที่ระเบียง
และเขาก็ได้พบว่ากะหล่ำหัวนั้นเติบโตจนกลับมามีขนาดเท่ากับก่อนที่จะถูกลอกเปลือกนอกออกเมื่อคืนนี้
ในตอนบ่าย
เมื่อกะหล่ำเติบโตเต็มที่ ซูเย่ก็จัดการเด็ดมันขึ้นมาทำความสะอาด และนำไปส่งให้พ่อครัวหนุ่มร่างอ้วนที่โรงอาหาร
วันนี้เป็นบ่ายวันอาทิตย์ โรงอาหารว่างเปล่าปราศจากผู้คน
ซูเย่ส่งมอบกะหล่ำวิเศษให้แก่พ่อครัวหนุ่ม
หวังป๋ออยากจะให้เงินเขาเป็นการตอบแทนในน้ำใจ แต่ซูเย่ปฏิเสธ
“ขอบคุณน้องชายมากนะ ขอบคุณมาก!”
หวังป๋อขอบคุณเขาครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยความตื้นตันใจ และพ่อครัวหนุ่มก็ตั้งใจว่าหากหลังจากนี้ซูเย่นำวัตถุดิบมาให้เขาประกอบอาหารอีก เขาก็จะไม่คิดเงินชายหนุ่มอีกเลยสักหยวนเดียว!
เพื่อรีดเค้นรสชาติความอร่อยของหัวกะหล่ำออกมาให้ได้ถึงขีดสุด
พ่อครัวหนุ่มจึงใช้เต้าหู้สดใหม่และน้ำแร่จากภูเขาไท้ซัวที่เหลืออยู่จากเมื่อวานนี้นำมาลองต้มน้ำแกงดูอีกครั้ง
และแกงจืดกะหล่ำก็ถูกปรุงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
เมื่อได้ลองชิมแล้ว หวังป๋อดวงตาเป็นประกายในทันที
รสชาติแบบนี้แหละ!
ซูเย่ก้าวเท้าไปหยุดยืนอยู่ข้างเตียง
“ขอบใจมากนะ พ่อหนุ่ม”
ชายชราจับมือซูเย่และยิ้มกว้าง “พ่อหนุ่มคงไม่รู้หรอกว่าฉันอยากกินแกงจืดถ้วยนี้มานานหลายปีแล้ว ฉันถึงกับทำใจไว้แล้วเชียวนะว่าชีวิตนี้คงต้องตายโดยไม่มีโอกาสได้กินมันอีก คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าวันนี้ฉันยังมีวาสนาดีพอที่ได้สัมผัสกับรสชาติที่ปรารถนาอีกครั้ง ถึงแม้ว่าเจ้าอ้วนจะเป็นคนทำอาหาร แต่เขาก็คงทำไม่ได้ถ้าไม่มีวัตถุดิบดี ๆ จากคุณ รสชาติของแกงจืดถ้วยนี้เหมือนที่พี่ชายของฉันเคยทำให้กินทุกประการ ต้องขอบคุณพ่อหนุ่มมากเลยนะ”
“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณปู่”
ซูเย่รับคำขอบคุณด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
เมื่อได้ทำตามความปรารถนาครั้งสุดท้ายสำเร็จแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลที่ชายชราจะต้องทนทุกข์ทรมานอีกต่อไป
คุณปู่เฉินปล่อยมือซูเย่
ท่านยังคงมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าในขณะที่กวาดตามองลูกหลานที่อยู่เต็มห้องพัก
หลังจากมองหน้าครบทุกคนแล้ว
ชายชราก็ค่อย ๆ หลับตาลง เอนกายกลับลงนอนบนเตียง แล้วศีรษะที่นอนหนุนอยู่บนหมอนก็ห้อยพับลงมาข้างตัวช้า ๆโดยที่รอยยิ้มยังคงอยู่บนใบหน้า
ในห้องพักของชายชราเต็มไปด้วยเสียงร้องไห้
แม้ไม่ใช่ทุกคนที่จะส่งเสียงร้อง แต่ทุกคนก็มีดวงตาแดงก่ำ น้ำตาคลอเต็มสองเบ้า
แม้แต่ซูเย่ที่ถือว่าเป็นคนนอกโดยสมบูรณ์ ก็ยังอดรู้สึกหนักหน่วงในหัวใจขึ้นมาไม่ได้
ถึงเขาจะเคยพบเห็นความตายมาอย่างโชกโชน แต่เรื่องราวเช่นนี้ก็ยังทำให้รู้สึกเศร้าใจได้ทุกครั้งที่เผชิญหน้าอยู่ดี
จังหวะที่เห็นรอยยิ้มแข็งค้างอยู่บนใบหน้าคุณปู่เฉิน ภาพความทรงจำตลอด 2500 ปีของซูเย่ก็ผุดวาบกลับมาในสมองของเขาอีกครั้ง
ทุกคนเสียชีวิตไปหมดแล้ว
มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่ยังอยู่
“ติ้ง”
แต้มศีลธรรม +1
ขณะนี้ ซูเย่ไม่เหลือที่ว่างให้กับความรู้สึกยินดีในหัวใจ เขาหมุนตัวเดินออกมาจากบ้านพักคนชรา แวะซื้อสุราขวดหนึ่งจากร้านค้าข้างทาง ก่อนจะเดินตรงขึ้นไปบนภูเขาที่อยู่ย่านชานเมือง
“ใช่”
“ทุกคนตายกันไปหมดแล้ว แต่เรายังมีชีวิตอยู่”
ชายหนุ่มนั่งอยู่บนยอดเขา เปิดเผยให้เห็นถึงตัวตนอีกด้านหนึ่งที่ไม่เคยมีผู้ใดพบเจอ ดวงตาของเขาเย็นชาปานน้ำแข็ง ใบหน้าอมทุกข์อย่างคนที่ต้องพบเจอความเศร้าโศกมาตลอดชีวิต
เขาเงยหน้าขึ้น แล้วยกขวดสุราขึ้นดื่ม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]