บทที่ 72 ข่าวดี
“ไม่ได้หรอกครับ!”
ผู้เฒ่าหลี่เอาแต่ยกมือโบกสะบัดไปมา “คนอื่นเขาเช่ากันแค่ไร่ละ 500 หยวนเท่านั้น แล้วคุณหมอจะเช่าไร่ละ 1,500 หยวนได้ยังไง มันแพงเกินไปนะครับ”
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับคุณตา ผมตั้งใจเช่าที่พวกนี้มาใช้ประโยชน์อยู่แล้ว”
ซูเย่พูดพร้อมกับยิ้มกว้าง
“มันสามารถเอาไปทำประโยชน์อะไรได้ด้วยหรือครับ?”
ซูเย่พยักหน้าตอบรับด้วยสีหน้าจริงจัง
ผู้เฒ่าหลี่มองหน้าซูเย่ แล้วความเหลือเชื่อที่ปรากฏขึ้นในตอนแรก ก็ค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนกลายเป็นความตกตะลึง และซาบซึ้งใจ
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลยครับ ถือว่าคุณหมอได้ช่วยพวกเราชาวบ้านทั้งหมู่บ้านแล้ว”
ผู้เฒ่าหลี่ถูมือของตัวเองด้วยความตื่นเต้น “ถ้าทุกคนรู้เข้า ก็จะต้องดีใจมากแน่ ๆ งั้นเดี๋ยวผมจะไปตามผู้ใหญ่บ้านมาคุยกับคุณหมอนะครับ”
หลังจากนั้น ชายชราก็วิ่งไปตามผู้ใหญ่บ้านด้วยความกระตือรือร้น
ซูเย่นั่งรออยู่ที่หน้าบ้านดังเดิม สายตาของเขาทอดมองไปยังพื้นที่ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นทุ่งข้าวโพด
แผนการนี้เริ่มขึ้นตั้งแต่ตอนที่หวังป๋อมาติดต่อขอซื้อกะหล่ำจากเขา
เรื่องนี้นอกจากจะเป็นการช่วยชาวบ้านในหมู่บ้านฉีเจี๋ยซุนแล้ว ยังถือเป็นการช่วยกระตุ้นยอดขายร้านอาหารของหวังหงฮัวได้อีกด้วย ยิ่งร้านอาหารขายดีมากเท่าไหร่ หวังหงฮัวก็ยิ่งต้องการกะหล่ำเพิ่มมากเท่านั้น และนั่นหมายความว่าชาวบ้านก็จะมีรายได้เพิ่มขึ้นเช่นกัน
ในเมื่อนี่เป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายได้ผลประโยชน์ด้วยกันทั้งหมด
แล้วมีเหตุผลอะไรที่เขาจะไม่ทำล่ะ?
“คุณหมอครับ ที่คุณตาหลี่พูดออกมาเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?”
ผู้ใหญ่บ้านวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหาซูเย่พร้อมกับจับมือเขาด้วยความร้อนใจ “คุณหมอพูดจริงหรือเปล่าครับ? คุณหมอจะเช่าที่ที่ถูกไฟไหม้พวกนั้นจริง ๆ ใช่ไหม?”
“จริงสิครับ”
ซูเย่พยักหน้ายืนยัน
“ขอบคุณมากครับ ขอบคุณมาก!”
เมื่อได้รับทราบคำตอบสมความปรารถนา ผู้ใหญ่บ้านก็ยกมือของซูเย่ขึ้นไปทูนไว้เหนือศีรษะ “นอกจากคุณหมอจะมาช่วยรักษาโรคให้พวกเราแล้ว คุณหมอยังจะเช่าที่ดินของพวกเราอีก พวกเรานึกว่าปีนี้จะต้องสูญเสียรายได้ทั้งหมดไปซะแล้ว คุณหมอเป็นคนที่ช่วยชีวิตพวกเราทั้งหมู่บ้านเลยนะครับ!”
“พวกเราเป็นหนี้บุญคุณคุณหมอมากจริง ๆ”
ต่อจากนั้นผู้ใหญ่บ้านก็ปล่อยมือซูเย่ และยกมือตบหน้าอกตนเองด้วยความฮึกเหิม “ไม่ว่าคุณหมอต้องการอะไร ได้โปรดสั่งงานมาได้เลยครับ ไม่ว่าคุณหมอต้องการให้พวกเราชาวบ้านทำสิ่งใดตอบแทนค่าเช่าเหล่านั้น พวกเราไม่มีทางปฏิเสธเด็ดขาด”
“แต่นั่นแหละครับปัญหา”
ซูเย่พูดพร้อมกับนำเป้สะพายหลังที่หิ้วติดตัวมาด้วยวางลงบนพื้นดินตรงกลางระหว่างพวกเขา
“ปัญหาอะไรหรือครับ?”
ผู้ใหญ่บ้านกับผู้เฒ่าหลี่มองหน้าคุณหมอหนุ่มด้วยความสับสน
“ตอนนี้ผมกำลังขาดแรงงาน อยากเช่าที่พวกนี้ไว้ปลูกสวนกะหล่ำ ผมอยากจะทำสัญญาว่าจ้างชาวบ้านเป็นเวลาหนึ่งเดือนครึ่ง ช่วยทำสวนกะหล่ำให้ผมหน่อยน่ะครับ”
ซูเย่ตอบ
“ไม่มีปัญหาครับ” ผู้ใหญ่บ้านรับปากอย่างว่าง่าย “ชาวบ้านทุกคนทำไร่ไถนา มีทักษะการปลูกผักผลไม้มาตั้งแต่เกิด คุณหมอไม่ต้องเป็นห่วงเลยครับ!”
“สัญญาจ้างงานหนึ่งเดือนครึ่ง ผมให้ค่าจ้างชาวบ้านคนละ 5,000 หยวน รวมคนแก่ และเด็กด้วย ไม่ทราบว่าพอไหวไหมครับ?”
ซูเย่ถาม
เดี๋ยวก่อนนะ?
คุณหมอพูดว่าอะไร?
ผู้ใหญ่บ้านเบิกตาโตด้วยความตกตะลึง
5,000 หยวนอย่างนั้นหรือ?
ผู้ใหญ่บ้านรู้สึกเหมือนตนเองกำลังจะหายใจไม่ออก
เขากำลังมีความสุขจนจุกอก
คืนนี้มีข่าวดีมากมายเหลือเกิน
ตอนแรกคุณหมอหนุ่มก็บอกว่าจะเช่าที่ดินของชาวบ้าน แล้วตอนนี้ก็ยังจะว่าจ้างชาวบ้านด้วยจำนวนเงินคนละ 5,000 หยวนอีก
สำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในเขตเมือง เงินจำนวน 5,000 หยวนไม่ใช่เงินก้อนใหญ่ แต่สำหรับชาวบ้านในชุมชนแออัดเขตชานเมือง เงินจำนวนนี้มีมูลค่ามากกว่ารายได้ต่อปีของครัวเรือนสองถึงสามเท่าเลยด้วยซ้ำ!
ดังนั้นการที่ซูเย่ยื่นข้อเสนอจะจ่ายเงินจำนวนนี้ จ้างพวกเขาเป็นเวลาหนึ่งเดือนครึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือคนแก่นั้น…
“ไหวครับ! ตกลง! คุณหมอเข้ามาดื่มน้ำชาก่อนสิครับ…”
ผู้ใหญ่บ้านรีบวิ่งเข้าไปในบ้านของผู้เฒ่าหลี่ด้วยความดีใจ ดูเหมือนเขาจะลืมไปแล้วว่านี่ไม่ใช่บ้านของตัวเอง แต่ถึงกระนั้นผู้ใหญ่บ้านก็ยังพบกาน้ำร้อน และชุดชงน้ำชาตามความต้องการ ไม่กี่นาทีต่อจากนั้นผู้ใหญ่บ้านก็จัดการชงน้ำชาให้ซูเย่ด้วยความพิถีพิถัน…
“คุณหมอไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ เดี๋ยวผมจะไปคุยกับชาวบ้านให้เอง”
เมื่อน้ำร้อนเดือดได้ที่ ผู้ใหญ่บ้านก็พูดออกมาอย่างมีความสุข “เรื่องงานเพาะปลูกแบบนี้ พวกเราถนัดนัก พวกผมจะดูแลสวนกะหล่ำของคุณหมอให้ดีเลยครับ ถ้ามีใครเข้ามาก่อกวน รับรองว่ามันต้องโดนดีแน่!”
“ตกลงเมื่อวานนี้มีที่ดินถูกไฟไหม้ไปเท่าไหร่นะครับ?”
ซูเย่ถาม
“ประมาณ 571 ไร่ครับ” ผู้ใหญ่บ้านตอบ “ผมเพิ่งคำนวณความเสียหายเมื่อตอนบ่ายนี้เอง”
ซูเย่พยักหน้า หยิบกระเป๋าเป้ขึ้นมาเปิดออก
“นี่ครับ…”
ปึกธนบัตรใบละ 100 หยวนจำนวนมากปรากฏขึ้นในสายตาของผู้ใหญ่บ้าน และผู้เฒ่าหลี่
“หืม?”
พวกเขาจ้องมองเงินที่อยู่ในกระเป๋าเป้ด้วยความพิศวง
ตลอดทั้งชีวิตของผู้ใหญ่บ้าน และผู้เฒ่าหลี่ไม่เคยมีวาสนาได้เห็นเงินจำนวนมากมายขนาดนี้มาก่อน!
คุณหมอหนุ่มเพิ่งจะพูดว่าอยากเช่าที่ดินของพวกเขา แต่กลับนำเงินออกมาให้เลยหรือ? ทำไมคุณหมอถึงได้เป็นคนดีเช่นนี้!
ยิ่งไปกว่านั้น คุณหมอยังนำเงินมาวางไว้ตรงหน้าพวกเขา โดยไม่กลัวว่ามันจะถูกขโมยแต่อย่างใด!
“ในเป้ใบนี้มีเงินอยู่หนึ่งล้านหยวนครับ”
ซูเย่พูดกับผู้ใหญ่บ้านด้วยน้ำเสียงเข้มขรึม “จากการคำนวณของผม ที่ดิน 571 ไร่ ผมจ่ายค่าเช่าไร่ละ 1,500 หยวน ก็รวมเป็นจำนวนเงินทั้งหมด 856,500 หยวน ยังเหลือเงินอยู่อีก 143,500 หยวน ให้ถือว่าเป็นเงินมัดจำค่าจ้างของชาวบ้านก็ได้ครับ จะได้ไม่ต้องกลัวว่าผมจะชักดาบหนี”
จากนั้น ซูเย่ก็หันหน้ามาพูดกับผู้เฒ่าหลี่ “รบกวนคุณตาช่วยเก็บเงินค่ามัดจำพวกนี้เอาไว้ให้ทุกคนด้วยนะครับ”
“แต่ว่า…”
คุณตาคนเก็บขยะเกิดความตื่นตระหนกขึ้นเล็กน้อย
“ได้เลยครับ”
ผู้ใหญ่บ้านเป็นคนตอบรับแทน
“งั้นพรุ่งนี้เตรียมสัญญาให้ผมด้วยนะครับ แล้วก็รีบปรับหน้าดินให้เร็วที่สุดด้วย เดี๋ยวผมจะเอาเมล็ดพันธุ์สำหรับการเพาะปลูกมาให้”
ซูเย่กล่าว
ผู้ใหญ่บ้านพยักหน้ารับคำด้วยความมุ่งมั่น
ต่อให้ซูเย่ไม่บอกออกมา เขาก็ตั้งใจจะจัดเตรียมสัญญาให้เร็วที่สุดอยู่แล้ว
เพราะการเช่าที่ดินในครั้งนี้คือการช่วยเหลือชาวบ้านทุกครัวเรือน นับเป็นเรื่องเร่งด่วนที่สมควรกระทำให้เสร็จโดยเร็วที่สุด
“คุณหมอไม่ต้องเป็นห่วงครับ ใช้เวลาวันสองวันพวกเราก็ปรับหน้าดินเสร็จแล้ว”
ซูเย่พยักหน้า และยังคงจ้องมองอยู่ที่ผู้เฒ่าหลี่
“เงินมัดจำทั้งหมดต้องฝากไว้ที่คุณตาแล้วนะครับ”
“ไม่ต้องเป็นห่วงครับคุณหมอ เงินอยู่กับผมรับรองว่าไม่หายไปไหนแน่นอน” ชายชราตอบรับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เพื่อยืนยันให้อีกฝ่ายได้มั่นใจว่า คิดไม่ผิดที่ฝากเงินก้อนใหญ่เอาไว้กับเขา
ซูเย่ลุกขึ้น และอำลาผู้อาวุโสทั้งสองคน
เมื่อมองแผ่นหลังของซูเย่หายลับไปจากสายตา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]