เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] นิยาย บท 89

สรุปบท ตอนที่ 89 ผู้บงการปรากฏตัว: เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]

ตอน ตอนที่ 89 ผู้บงการปรากฏตัว จาก เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 89 ผู้บงการปรากฏตัว คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายกำลังภายใน เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁] ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

บทที่ 89 ผู้บงการปรากฏตัว

“ใครวะ?”

ซูชือกับจินฟานถามออกมาพร้อมกันด้วยความสงสัย

ก่อนที่ชายหนุ่มลูกคุณหนูจะอุทานออกมาเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ “หรือนาย…หมายถึงคณบดีหยาง?”

ซูเย่พยักหน้า

เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าฝ่ายนั้นจะปล่อยข่าวไปเพื่ออะไร แต่ที่แน่ ๆ ซูเย่ได้รู้แล้วว่าอัตราการแก่งแย่งแข่งขัน และชิงดีชิงเด่นในวงการแพทย์แผนจีนนั้นมีสูงมากทีเดียว

หยางเหวินป๋อคงตั้งใจอยากจะขัดขวางเขาเป็นแน่แท้

ในเมื่อเล่นสกปรกแบบนี้ รับรองว่าได้เห็นดีกันแน่!

“เวรเอ้ย!”

ซูชือสบถด้วยความโกรธแค้น “งั้นหมายความว่าคณบดีตั้งตัวเป็นศัตรูกับนายเลยสิวะ! นายไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจหรือเปล่า”

ซูเย่ผายมือออกกว้าง เป็นสัญญาณว่าเขาก็ไม่รู้เหมือนกัน

แต่ในดวงตาของซูเย่เป็นประกายเย็นชาขึ้นมาแล้ว

ณ เขตที่อยู่อาศัยข้างมหาวิทยาลัย สนามหญ้าหน้าบ้านหลังหนึ่ง

หยางเหวินป๋อเดินเข้าไปกำลังจะกดออดที่ประตู

ทันใดนั้นก็มีใครอีกคนหนึ่งเดินเข้ามาหาด้วยความเดือดดาล

“หยางเหวินป๋อ!”

หลี่เคอหมิงแทบจะพุ่งเข้าไปขยุ้มคอเสื้อของหยางเหวินป๋อด้วยความโกรธแค้น

“เมื่อคืนฉันโทรไปหาหลายสิบรอบ แต่นายไม่รับสายฉันสักครั้ง คิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้จะได้เจอหน้ากันสักที!”

หลี่เคอหมิงมองหน้าหยางเหวินป๋อที่ยืนนิ่งเฉยไม่ขัดขืนพร้อมกับถามต่อ “ตกลงนายเป็นคนปล่อยข่าวที่อาจารย์ฮั่วจะรับซูเย่เป็นลูกศิษย์ใช่ไหม?”

“ใช่ ผมเป็นคนปล่อยข่าวเองแหละ”

หยางเหวินป๋อตอบกลับมาสีหน้าเรียบเฉย เหมือนไม่เห็นว่ามันจะเป็นเรื่องสำคัญแต่อย่างใด

“เป็นนายจริง ๆ ด้วย เพราะอะไรกัน ทำไมนายถึงต้องขัดขวางซูเย่ฮะ!”

หลี่เคอหมิงยิ่งพูดก็ยิ่งโกรธแค้นขึ้นมาจริง ๆ

สังเกตได้จากการที่หยางเหวินป๋อไม่ยอมรับโทรศัพท์ของเขา นี่หมายความว่าคณบดีประจําคณะแพทย์แผนจีนคงตั้งใจทำอย่างนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว!

“ขัดขวาง?”

หยางเหวินป๋อระเบิดเสียงหัวเราะ ไม่มีร่องรอยของความรู้สึกผิดอยู่ในน้ำเสียงแม้แต่นิดเดียว ซ้ำยังพูดออกมาด้วยความภูมิใจเป็นนักหนาว่า “คุณน่าจะได้ยินข่าวเรื่องการแข่งขันวัดความรู้ของนักศึกษาแพทย์แผนจีนทั่วประเทศแล้วนะ การแข่งขันครั้งนี้เกี่ยวข้องกับการชิงเงินทุนมหาศาล และอาจจะเกี่ยวข้องกับการพัฒนามหาวิทยาลัยของเราในอนาคตด้วย! เพราะฉะนั้น อะไรที่จะเป็นผลดีต่อมหาวิทยาลัยของเรา ผมก็ต้องทำ!”

“นายก็เลยขัดขวางซูเย่งั้นเหรอ? รู้ตัวหรือเปล่าว่านายกำลังทำอะไรอยู่?”

หลี่เคอหมิงกัดฟันกรอดด้วยความโมโห

“นี่คือการเสียสละต่างหาก ข่าวเรื่องที่ว่าอาจารย์ฮั่วอยากรับเด็กของคุณเป็นลูกศิษย์คนใหม่ ทำให้เด็กในคณะแพทย์อยากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยความมุ่งมั่นมากขึ้น และนี่ก็ถือว่าเป็นผลดีต่อมหาวิทยาลัยของเราไม่ใช่หรือ?”

หยางเหวินป๋อพูดด้วยความไม่สะทกสะท้าน

“แต่ก็ยังมีอีกหลายวิธีที่จะช่วยพัฒนามหาวิทยาลัยของเราได้! ทำไมนายถึงต้องใช้วิธีที่สกปรกแบบนี้ด้วย ทำไมนายถึงต้องขัดขวางซูเย่? การที่อาจารย์ฮั่วกำลังจะรับซูเย่เป็นลูกศิษย์ ไม่เห็นเกี่ยวข้องกับผลดีผลร้ายของมหาวิทยาลัยเลยสักหน่อย นายเองนั่นแหละที่จับแพะชนแกะ เอาเรื่องทุกอย่างมาผสมปนเปกันไปหมด!”

หลี่เคอหมิงตวาดกลับไปด้วยความขุ่นเคืองใจ

“แต่ไอ้หลายวิธีที่คุณว่ามาน่ะ การใช้ซูเย่เป็นเครื่องมือ มันคือวิธีที่เกิดประสิทธิภาพมากที่สุดแล้ว”

หยางเหวินป๋อตอบอย่างตรงไปตรงมา

“นาย…”

หลี่เคอหมิงโกรธแค้นจนพูดอะไรไม่ออก เขาคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าหยางเหวินป๋อจะเป็นคนหน้าด้านไร้ยางอายได้ถึงขนาดนี้!

แต่ในจังหวะนั้นเอง

“แอ๊ด”

ประตูบ้านพักก็ถูกเปิดออก

“พวกเธอมัวแต่ทะเลาะอะไรกันอยู่? อาจารย์รอนานแล้วนะ”

หญิงวัยกลางคนท่าทางกระฉับกระเฉงผู้หนึ่งเดินออกมาพูดกับหลี่เคอหมิง และหยางเหวินป๋อ “คราวหน้าคราวหลัง ถ้าจะทะเลาะกัน กรุณาไปทะเลาะที่อื่น”

หลี่เคอหมิงมองหน้าหยางเหวินป๋อด้วยแววตาที่ยังโกรธเคือง

“ขอโทษครับ เดี๋ยวผมขอเข้าไปก่อนก็แล้วกัน”

หลี่เคอหมิงพูดกับหญิงวัยกลางคนผู้นั้น ก่อนแทรกตัวผ่านช่องว่างระหว่างประตูเข้าไปสู่ด้านในตัวบ้าน

“ต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ครับ ผมไม่นึกว่าจะมาเจอเขาที่นี่ ก็เลยทำให้คุณกับอาจารย์ฮั่วต้องเกิดความรำคาญใจ เดี๋ยวครั้งหน้าผมจะนำของขวัญมาขอโทษนะครับ”

หยางเหวินป๋อยิ้มแย้มอย่างขออภัย และรีบเดินตามหลี่เคอหมิงผ่านประตูบ้านพักเข้าไปติด ๆ

หลังประตูบานนั้นเป็นทางเดินที่ทอดนำไปสู่ห้องนั่งเล่น

หลี่เคอหมิงพบว่าอาจารย์ฮั่วกำลังนั่งชงน้ำชาอยู่ที่ชุดโซฟารับแขก เมื่อเปิดประตูเข้าไปแล้ว เขาก็ประสานมือคำนับฮั่วเหรินเซิง

“อาจารย์ครับ”

“เคอหมิงมาแล้วเหรอ”

ฮั่วเหรินเซิงพยักหน้ายิ้มแย้ม และโบกไม้โบกมือ “นั่งลงก่อนสิ ฉันเพิ่งได้ยอดชาตัวใหม่มา ลองชิมดูก่อน”

“อาจารย์ครับ”

หลี่เคอหมิงเดินเข้าไปนั่งลงตามคำสั่งอย่างว่าง่าย และรีบพูดออกมาด้วยความร้อนใจ “ซูเย่สอบผ่านใบอนุญาตของสมาคมแพทย์แผนจีนแล้วนะครับ”

“เรื่องนั้นมีคนโทรมาบอกฉันตั้งแต่ตอนเช้าแล้ว และหมอนั่นก็ถามฉันด้วยว่า ฉันอยากจะรับซูเย่เป็นลูกศิษย์คนใหม่จริงหรือเปล่า” ฮั่วเหรินเซิงยังคงยิ้มอย่างอารมณ์ดี และพยักหน้ารับ…

หยางเหวินป๋อพูดเหมือนเตรียมคำตอบนี้เอาไว้ตั้งแต่แรก

“การที่นายขัดขวางเขา มันก็เป็นผลดีแต่กับพวกนายเองเท่านั้น” หลี่เคอหมิงสวนกลับไปด้วยความอึดอัดใจ “นายใช้เขาเป็นเป้าความเกลียดชังของทุกคน แม้แต่ประธานนักเรียนก็เห็นซูเย่เป็นศัตรูไปแล้ว นายไม่รู้สึกละอายใจบ้างเลยหรือไง!”

“จะพูดอะไรก็พูดไปนะครับ ผมไม่สนใจหรอก”

หยางเหวินป๋อส่ายหน้าด้วยดวงตาเป็นประกายแวววาว “เพื่อประโยชน์ของมหาวิทยาลัย นี่คือสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว!”

“ไม่ใช่ มันไม่ได้ใกล้เคียงสิ่งที่ดีที่สุดเลยสักนิด!”

หลี่เคอหมิงโต้แย้งกลับไปทันที “ซูเย่ต้องพยายามทุกอย่างด้วยตัวเองมาตลอด แล้วทำไมนายถึงต้องมาทำลายความพยายามของเขาด้วย? นายอิจฉาซูเย่ที่อาจารย์ฮั่วกำลังจะรับเขาเป็นลูกศิษย์ใช่ไหมล่ะ นายก็เลยหาทางขัดขวางเขาให้ได้ทุกวิถีทาง! ฉันเองก็ไม่ได้เป็นคนที่มีคุณธรรมสูงส่งอะไรหรอกนะ แต่ฉันไม่คิดเลยว่าคณบดีของคณะแพทย์แผนจีนจะมีจิตใจสกปรกถึงขนาดนี้!”

พูดจบแล้ว หลี่เคอหมิงก็หันมากล่าวกับปรมาจารย์ฮั่วเหรินเซิงด้วยความเหนื่อยใจ “อาจารย์ครับ ซูเย่เป็นเด็กดีมากนะครับ แล้วเขาก็เป็นคนที่มีพรสวรรค์มากด้วย นับดูในชีวิตของผม ยังไม่เคยเจอเด็กคนไหนมีความสามารถมากเท่าเขามาก่อน”

“อาจารย์อาจจะยังไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ ซูเย่ได้เคยช่วยเหลือคนเก็บขยะไว้โดยบังเอิญ แถมเขายังมอบเงินให้คนเก็บขยะคนนั้นอีก 50,000 หยวนด้วย”

“นอกจากนั้น เขายังไปตรวจหาโรคให้กับชาวบ้านในหมู่บ้านฉีเจี๋ยซุนโดยไม่คิดเงิน ซ้ำยังจ่ายเงินเป็นล้านหยวน เพื่อช่วยเช่าที่ดินจากชาวบ้านที่ถูกไฟไหม้!”

“ผมมั่นใจว่าเขาไม่ใช่พวกลูกคุณหนูเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อแน่นอน แต่เขาเป็นตัวแทนของคนรุ่นใหม่ที่เอาจริงเอาจัง และมีความสามารถ คนแบบนี้เราต้องสนับสนุนเขานะครับ!”

“โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าเขาไม่สามารถพาตัวเองเข้ามาสู่วงการแพทย์แผนจีนได้สำเร็จ นั่นก็นับเป็นความเสียหายใหญ่หลวงที่จะเกิดขึ้นต่อวงการแพทย์แผนจีนแล้ว!”

พูดมาถึงตรงนี้

หลี่เคอหมิงก็หันหน้ากลับมามองหยางเหวินป๋อ และถามอย่างฉุนเฉียว “รู้สึกละอายใจบ้างไหมที่นายขัดขวางความสำเร็จของคนดีขนาดนี้?”

ในหัวใจของหยางเหวินป๋อกำลังตกตะลึง

ในดวงตาของฮั่วเหรินเซิงเป็นประกายวาวโรจน์

นักศึกษาคนหนึ่งมอบเงินให้กับคนเก็บขยะ 50,000 หยวน และยังควักกระเป๋าเช่าที่ดินจากชาวบ้านที่ถูกไฟไหม้อีกนับล้านหยวนอย่างนั้นหรือ?

นี่คือเรื่องราวอะไรกัน? ซูเย่เป็นคนประเภทไหนกันแน่?

เมื่อเจอคำถามจากหลี่เคอหมิง

หยางเหวินป๋อก็ได้แต่เงียบไป

เขาไม่คิดจริง ๆ ว่าซูเย่จะเป็นคนดีสมบูรณ์แบบขนาดนี้ มิหนำซ้ำยังจ่ายเงินก้อนใหญ่ได้โดยไม่มีปัญหาอีกด้วย

“แต่ผมก็ยังคัดค้านอยู่ดี”

หลังจากเงียบไปอึดใจใหญ่ หยางเหวินป๋อก็พูดออกมาในที่สุด

ทันใดนั้น ฮั่วเหรินเซิงยิ้มออกมา

เขายกกาน้ำชาขึ้นเทน้ำชาใส่ถ้วย ถ้วยแรกส่งให้หลี่เคอหมิง ถ้วยต่อไปส่งให้หยางเหวินป๋อ

ในขณะที่ส่งถ้วยน้ำชาให้กับหยางเหวินป๋อ ชายชราก็ถามเขาว่า

“เธอยืนยันใช่ไหมว่าทุกอย่างที่เธอทำลงไปนี้ ก็เพื่อผลดีของมหาวิทยาลัย?”

Related

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เซียนอมตะ 2,500 ปี [我只有两千五百岁]